คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิทวัส อยู่วัฒนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2915/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมและทางจำเป็น: การมีอยู่จริงของสิทธิ และที่ดินติดถนนสาธารณะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 ที่ห้ามมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวกนั้น เป็นบทบัญญัติที่ใช้กับทางที่เป็นภารจำยอมโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้วซึ่งอาจเป็นโดยนิติกรรมหรืออายุความก็ได้แล้วแต่กรณี ดังนั้นเมื่อโจทก์ไม่ได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ ทางพิพาทจึงมิได้ตกอยู่ในภารจำยอม แม้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทางพิพาทจะถมดินทับทางดังกล่าวแล้วปลูกสร้างอาคารโจทก์ก็ไม่มีสิทธิยกกฎหมายดังกล่าวขึ้นอ้างได้ ที่ดินของโจทก์ติดถนนซึ่งเป็นทางสาธารณะ แม้ถนนดังกล่าวมีทางระบายน้ำริมถนนซึ่งเป็นของเทศบาลและโจทก์ไม่สามารถทำทางออกสู่ถนนได้ก็ตาม ที่ดินโจทก์ย่อมไม่เป็นที่ดินที่ถูกปิดล้อมไม่มีทางออกอันจะมีสิทธิผ่านที่ดินของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคหนึ่ง และไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นในวรรคสองโจทก์จึงไม่มีสิทธิผ่านที่ดินจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนคดีฉ้อโกง: วิธีการสอบปากคำผู้เสียหายจำนวนมาก และการพิจารณาโทษจำเลย
แม้วิธีการสอบปากคำผู้เสียหายคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะกระทำแตกต่างกับการสอบปากคำในคดีอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เพราะผู้เสียหายคดีนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายต่างให้การถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นทำนองเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงทำแบบพิมพ์ในส่วนที่เหมือนกันไว้เว้นช่องว่างในส่วนที่เกี่ยวกับชื่อของผู้เสียหาย จำนวนเงิน และวันเวลา ซึ่งเป็นส่วนรายละเอียดของผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะไว้ เพื่อกรอกรายละเอียดในตอนสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคน เช่นนี้ ก็หามีผลทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมาให้ถ้อยคำหลายรายและพนักงานสอบสวนแจกแบบพิมพ์คำให้การดังกล่าวให้แต่ละคนไปอ่านดูก่อนแล้วเรียกเข้ามากรอกข้อความทีละคน พนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่าได้สอบถามผู้เสียหาย ผู้ให้ถ้อยคำว่า มีอะไรผิดบ้างถ้าไม่ผิดก็ให้ลงชื่อ ถ้าผิดพลาดก็ขีดฆ่าแก้ไขและลงลายมือชื่อกำกับ เช่นนี้ ก็ไม่ปรากฏว่าคำให้การของผู้เสียหายไม่ตรงกับปากคำที่ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวนหรือปากคำนั้นผู้เสียหายไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจ หรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่นอันจะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก การใช้แบบพิมพ์คำให้การไม่ทำให้การสอบสวนเสียไปหากผู้เสียหายตรวจสอบและลงนาม
พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำผู้เสียหายที่ถูกจำเลยทั้งสามฉ้อโกงแตกต่างกับการสอบปากคำในคดีทั่ว ๆ ไป เนื่องจากผู้เสียหายมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายต่างให้การถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นทำนองเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงทำแบบพิมพ์ในส่วนที่เหมือนกันไว้ เว้นช่องว่างในส่วนที่เกี่ยวกับชื่อของผู้เสียหาย จำนวนเงินและวันเวลา ซึ่งเป็นส่วนรายละเอียดของผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะไว้ เพื่อกรอกรายละเอียดในตอนสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคน เช่นนี้ หามีผลทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมาให้ถ้อยคำหลายรายและพนักงานสอบสวนแจกแบบพิมพ์คำให้การดังกล่าวให้แต่ละคนไปอ่านดูก่อนแล้วเรียกเข้ามากรอกข้อความทีละคน พนักงานสอบสวนก็ได้สอบถามผู้เสียหายผู้ให้ถ้อยคำว่า มีอะไรผิดบ้าง ถ้าไม่มีผิดก็ให้ลงชื่อ ถ้าผิดพลาดก็ขีดฆ่าแก้ไขและลงลายมือชื่อกำกับ เช่นนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าคำให้การของผู้เสียหายไม่ตรงกับปากคำที่ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวน หรือปากคำนั้นผู้เสียหายไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่น จะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่งอกริมตลิ่ง แม้มีการซื้อขายจากเจ้าของเดิม การซื้อขายไม่สุจริต
ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งจากที่ดินมีโฉนดของ ล. โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทไว้โดยความสงบ และโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ต่อมาล. ได้ขายที่ดินตามโฉนดดังกล่าวให้จำเลย ก่อนจำเลยจะซื้อที่ดินจำเลยได้ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินและได้สอบถามโจทก์ว่าที่พิพาทเป็นของใครด้วย แสดงว่าจำเลยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าที่ดินโฉนดดังกล่าวได้เกิดที่งอกริมตลิ่งและโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท การที่จำเลยรู้แล้วว่าโจทก์ครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทยังขืนซื้อจึงเป็นการไม่สุจริต โจทก์จึงยังมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองตามมาตรา 1382 ตลอดมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าไฟฟ้าและขอบเขตความรับผิดของผู้ใช้ไฟฟ้าเดิมที่ไม่แจ้งยกเลิกบริการ
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจมีวัตถุประสงค์จ่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชนได้รับทุนจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์จึงมิใช่พ่อค้าตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(1) โจทก์ต้องฟ้องเรียกค่ากระแสไฟฟ้าภายในอายุความ10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 จำเลยขอใช้ไฟฟ้าในบ้านของตนต่อโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยจะโอนบ้านให้ผู้อื่นไป แต่จำเลยมิได้บอกเลิกหรือโอนการใช้ไฟฟ้าแก่ผู้อื่นให้โจทก์ทราบ จำเลยย่อมรับผิดในค่าไฟฟ้าตลอดไปตามข้อบังคับการบริการและใช้ไฟฟ้าของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีค่าไฟฟ้า: การไฟฟ้านครหลวงในฐานะรัฐวิสาหกิจมิใช่พ่อค้า ใช้บังคับอายุความสิบปี
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจมีวัตถุประสงค์ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครอันมีลักษณะเป็นสาธารณูปโภค และได้รับทุนในการดำเนินการจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์จึงมิได้เป็นพ่อค้าตามความในมาตรา 165(1)แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องถืออายุความสิบปีตามมาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: การกระทำโดยสุจริตเพื่อป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรรถเข็นและไม้แปรรูป โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงได้ว่า รถเข็นและไม้ของผู้เสียหายถูกลักไปอย่างไร ผู้เสียหายเบิกความว่าพบคนแต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร กลัวจะจับผู้เสียหายในข้อหามีไม้ผิดกฎหมาย จึงทิ้งรถเข็นและไม้ไว้ จำเลยนำสืบว่าทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ได้สั่งให้อาสาสมัครผู้ใต้บังคับบัญชานำไม้ผิดกฎหมายที่ตรวจพบไปเก็บรักษาไว้ ดังนี้การกระทำของจำเลยและอาสาสมัครเป็นการกระทำโดยสุจริตไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์รถเข็นและไม้ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยรับทรัพย์สินดังกล่าวไว้ จึงไม่ผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ผ่านตัวแทนตามหนังสือมอบอำนาจ การชำระหนี้โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีการแจ้งการชำระหนี้โดยตรง
โจทก์เขียนนามบัตรมอบให้ ป. ไปเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 มีข้อความว่า "เรียนคุณ ส.(จำเลยที่ 1) เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้นขอให้ฝากคุณ ป. ไปให้ผมตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณ ป.ไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้คุณ ป. มารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย" เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้ง ป. เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้จากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้ป. ตัวแทนโจทก์โดยการผ่อนชำระหลายครั้งมิได้ชำระให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่วางไว้โดยถูกต้องตามข้อความที่ว่าถ้าจะผ่อนชำระโจทก์ให้ ป. มารับจากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความในนามบัตรที่ว่าตกลงอย่างไรให้เขียนหนังสือฝาก ป. ไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกโจทก์ด้วยก็ดี เป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มากกว่า มิใช่เงื่อนไขการมอบอำนาจให้ ป. รับชำระหนี้แทนโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้ ป. โดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบจึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ผ่านตัวแทนและการครบถ้วนของการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์เขียนข้อความในนามบัตรถึงจำเลยที่ 1 ว่า "เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้นขอให้ฝาก ป. ไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝาก บ. ไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเองถ้าจะผ่อนชำระผมให้ บ. มารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย" นามบัตรดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือแต่งตั้งให้ บ.เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้ ส่วนข้อความที่ว่าตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝาก บ. ไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดี เป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1มิใช่เงื่อนไขในการมอบอำนาจให้ บ. รับชำระหนี้แทน การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้ บ. รับไป โดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบ บ. ตัวแทนโจทก์ทำหนังสือว่าได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1ครบถ้วนแล้ว และลงชื่อ บ. ไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ครบถ้วน ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง แล้ว หาจำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมจากโจทก์อีกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ผ่านตัวแทนโดยชอบ แม้ไม่มีหลักฐานการแจ้งการชำระหนี้ให้ผู้รับเงินกู้ทราบโดยตรง ก็ถือเป็นการชำระหนี้ที่สมบูรณ์
โจทก์เขียนข้อความในนามบัตรถึงจำเลยที่ 1 ว่า เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้นขอให้ฝาก ป. ไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากป. ไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้ ป. มารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย นามบัตรดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้งให้ ป. เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความที่ว่าตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝาก ป. ไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดีเป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้ ป. รับชำระหนี้แทน การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้ ป.รับไป โดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบจึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบ ป. ตัวแทนโจทก์ทำหนังสือว่าได้รับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว และลงชื่อ ป. ไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง แล้ว ไม่จำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์อีก
of 48