พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกหนี้โดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งลูกหนี้จะชำระแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จากค.ต่อมาผู้เสียหายกับค. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดย ค. ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000บาท จะผ่อนชำระ ต่อมา ค. ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินจำนวน 35,000 บาท โดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค. แทนผู้เสียหายฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตาม ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกความโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความของผู้เสียหายโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย ดังนั้นจำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น จำเลยหามีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหายไม่ ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จาก ค.ต่อมาผู้เสียหายกับ ค.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยค.ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000 บาทจะผ่อนชำระ ต่อมา ค.ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินดังกล่าวโดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค.แทนผู้เสียหาย ฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตามก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 190/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความยักยอกทรัพย์ & อำนาจทนายความรับเงินแทนลูกความ คดีขาดอายุความหากเกิน 3 เดือน และทนายความไม่มีอำนาจรับเงินแทน
การที่ผู้เสียหายมีหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความให้ดำเนินการแก่จำเลย ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายรู้เรื่องการยักยอกเงินและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันมีหนังสือดังกล่าวเป็นอย่างช้า แต่ผู้เสียหายเพิ่งมาร้องทุกข์และมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.อ. มาตรา 96 เมื่อผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจากค. แทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหาย เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังไม่ใช่เป็นเงินของผู้เสียหายแม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด: การไม่คัดค้านคำร้องยกเลิกการขายทอดตลาดทำให้ขาดสิทธิในการฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนวน 4 แปลงของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ประมูลซื้อที่ดินได้1 แปลง ส. ประมูลซื้อที่ดินได้ 3 แปลง จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่านัดไต่สวน สำเนาให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน ให้ผู้ร้องนำส่งใน 7 วันส. ผู้ซื้อทรัพย์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ไม่ได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยก่อนหรือในวันนัดไต่สวนทั้งในวันนัดไต่สวนครั้งแรกส. ผู้ซื้อทรัพย์ก็มาศาลและฟังการพิจารณาโดยตลอดก็มิได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยดังนี้ถือว่าส. ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้าน ส. ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดตั้งแต่แรก จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของส. ผู้ซื้อทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์จากการบังคับคดี: การไม่คัดค้านคำร้องยกเลิกการขายทอดตลาดทำให้ขาดสิทธิฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนวน 4 แปลงของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ประมูลซื้อที่ดินได้ 1 แปลง ส.ประมูลซื้อที่ดินได้ 3 แปลง จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่า นัดไต่สวนสำเนาให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด จะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน ให้ผู้ร้องนำส่งใน 7 วัน ส.ผู้ซื้อทรัพย์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ไม่ได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยก่อนหรือในวันนัดไต่สวน ทั้งในวันนัดไต่สวนครั้งแรก ส.ผู้ซื้อทรัพย์ก็มาศาลและอยู่ฟังการพิจารณาโดยตลอดก็มิได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลย ดังนี้ ถือว่า ส.ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้าน ส.ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของ ส.ผู้ซื้อทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในการคัดค้านการยกเลิกการขายทอดตลาดที่ตนเองซื้อ หากไม่เคยคัดค้านตั้งแต่แรก
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายตลาดทรัพย์ที่ยึด ผู้ซื้อทรัพย์มิได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 ต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลายต้องกระทำภายใน 14 วัน หากพ้นกำหนด ถือเป็นหนี้กองทรัพย์สินโดยเด็ดขาด
ผู้ร้องได้รับหนังสือแจ้งความทวงหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2532 จึงมีหน้าที่ยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ภายในกำหนด 14 วันคือภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2532 การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ วันที่ 28 สิงหาคม 2532 พ้นกำหนด 14วัน ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 119 จึงต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งไปเป็นการเด็ดขาด ข้อปฏิเสธหนี้ของผู้ร้องที่มิได้หยิบยกขึ้นแสดงเหตุปฏิเสธภายในกำหนดเวลา 14 วัน ดังกล่าวศาลไม่วินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ศาลไม่มีอำนาจสั่งเลื่อน
ในวันนัดพิจารณาคดีล้มละลาย จำเลยมาศาลและยื่นคำร้อง ขอเลื่อนการพิจารณา หลังจากศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด พิจารณาและสืบพยานโจทก์เสร็จจนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยเด็ดขาดแล้ว ถือว่าจำเลยขอเลื่อนคดีเมื่อการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ศาลย่อมไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้เลื่อนการพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินวางซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดเมื่อผู้ซื้อชำระราคาครบถ้วน และความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ขอรับเงินที่วางไว้ในการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดครั้งก่อนคืน ซึ่งตามประกาศขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดเงื่อนไขในการขายว่า เมื่อตกลงรับซื้อ ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินทันที แต่ถ้าเป็นที่ดินหรือทรัพย์ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป เจ้าพนักงานบังคับคดีอาจให้ผู้ซื้อวางเงินก่อนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระกับค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาภายในเวลาไม่เกิน 15 วัน ก็ได้ และตามรายงานเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ ดังนี้ เงินที่โจทก์วางไว้ในการซื้อทรัพย์ครั้งก่อนเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อไม่ใช่เงินมัดจำ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ ศาลจึงสั่งริบไม่ได้ และในการขายทอดตลาดครั้งหลังโจทก์ก็เป็นผู้ซื้อทรัพย์ในราคาเดิม โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและชำระราคาครบถ้วนแล้ว กรณีไม่มีความเสียหายใด ๆจึงต้องคืนเงินที่โจทก์วางไว้ดังกล่าวทั้งหมด เหตุที่ต้องมีการขายทอดตลาดครั้งหลังเพราะโจทก์ไม่ชำระราคาภายในเวลาที่กำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายที่ทำให้ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้ดำเนินไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินวางซื้อทรัพย์จากการผิดสัญญาซื้อขายและการคืนเงินเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน
ตามประกาศขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดเงื่อนไขในการขายว่า เมื่อตกลงรับซื้อแล้วผู้ซื้อจะต้องชำระเงินทันทีแต่ถ้าทรัพย์สินนั้นเป็นที่ดินหรือทรัพย์อย่างอื่นซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไปเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจให้ผู้ซื้อวางเงินก่อนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระกับค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นถ้าหากมีภายในเวลาไม่เกิน 15 วันก็ได้ และตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ แสดงว่าเงินจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์วางไว้ในวันขายสำหรับการซื้อทรัพย์ครั้งก่อนเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ ศาลจึงสั่งริบไม่ได้ ในการขายทอดตลาดครั้งหลัง โจทก์เป็นผู้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น และเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ในราคา 195,000 บาท เท่าเดิมทั้งโจทก์ได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว กรณีจึงไม่มีความเสียหายใด ๆต้องคืนเงินที่โจทก์วางไว้ในการซื้อทรัพย์ครั้งก่อนทั้งหมดให้โจทก์ การที่ต้องมีการขายทอดตลาดครั้งหลังเพราะโจทก์ไม่ชำระราคาภายในเวลาที่กำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายที่ทำให้ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมในกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้ดำเนินไปโดยไม่จำเป็น จึงต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมส่วนนี้