คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิทวัส อยู่วัฒนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยไม่ชอบ และการดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ใหม่
อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า แม้จำเลยไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกให้แล้วด้วยความเข้าใจผิดว่าจำเลยมีสิทธิโจทก์ก็จะขอบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากจำเลยเป็นชื่ออ. หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้เพราะหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน พิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชอบที่จะเพิกถอนให้ได้เท่านั้น เป็นเรื่องที่ อ.จะไปดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเอง.
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 3661/2525).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยไม่ชอบ และหน้าที่ของผู้มีสิทธิในการดำเนินการออกหนังสือรับรองใหม่
อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า แม้จำเลยไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกให้แล้วด้วยความเข้าใจผิดว่าจำเลยมีสิทธิโจทก์ก็จะขอบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจากจำเลยเป็นชื่ออ. หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้เพราะหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลชอบที่จะเพิกถอนให้ได้เท่านั้น เป็นเรื่องที่ อ.จะไปดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเอง. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 3661/2525).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5900/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ถือเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งให้แก้ไขเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
พ. ลงชื่อเป็นโจทก์และผู้เรียงพิมพ์ในคำฟ้อง โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจาก ม. ซึ่งเป็นโจทก์ให้ดำเนินคดีแทน และมิได้ตั้งพ. ให้เป็นทนายความแต่อย่างใด ม. เป็นผู้ตั้งตนเองเป็นทนายความและว่าความในการสืบพยานจำเลย ส่วน พ. ว่าความในการสืบพยานโจทก์ 2 ปากเท่านั้น ต่อมา พ. ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ในฐานะผู้อุทธรณ์และผู้เรียงพิมพ์อีก โดยมิได้รับมอบอำนาจหรือตั้งแต่งให้เป็นทนายความอีกเช่นเดียวกัน จึงเป็นการฟ้องคดีแทนม. โดยปราศจากอำนาจฟ้อง
ฟ้องดังกล่าวเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 67(5)กรณีมิใช่เป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถหรือบกพร่องเกี่ยวด้วยการเขียนคำคู่ความอันจะสั่งให้แก้ไข หรือมีคำสั่งในเรื่องที่ผิดระเบียบได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ดังนั้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ตั้งแต่ง พ. เป็นทนายความให้ถูกต้อง และให้ พ. ลงชื่อในฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5900/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ ถือเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งให้แก้ไขฟ้องไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
พ. ลงชื่อเป็นโจทก์และผู้เรียงพิมพ์ในคำฟ้อง โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจาก ม. ซึ่งเป็นโจทก์ให้ดำเนินคดีแทน และมิได้ตั้งพ. ให้เป็นทนายความแต่อย่างใด ม. เป็นผู้ตั้งตนเองเป็นทนายความและว่าความในการสืบพยานจำเลย ส่วน พ. ว่าความในการสืบพยานโจทก์ 2 ปากเท่านั้น ต่อมา พ. ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ในฐานะผู้อุทธรณ์และผู้เรียงพิมพ์อีก โดยมิได้รับมอบอำนาจหรือตั้งแต่งให้เป็นทนายความอีกเช่นเดียวกัน จึงเป็นการฟ้องคดีแทนม. โดยปราศจากอำนาจฟ้อง ฟ้องดังกล่าวเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 67(5)กรณีมิใช่เป็นข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถหรือบกพร่องเกี่ยวด้วยการเขียนคำคู่ความอันจะสั่งให้แก้ไขหรือมีคำสั่งในเรื่องที่ผิดระเบียบได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ดังนั้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ตั้งแต่ง พ.เป็นทนายความให้ถูกต้องและให้พ. ลงชื่อในฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่อยู่ไม่ถูกต้อง และการพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยมิได้จงใจขาดนัด
แม้ที่อยู่ของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามหลักฐานทางทะเบียน แต่เมื่อโจทก์ทราบดีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ขายกิจการให้ตน และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ไปพักอยู่ที่อื่นซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยทั้งสองแล้ว การที่โจทก์แถลงขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีการปิดหมายตามภูมิลำเนา ที่ปรากฏทางทะเบียน ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดและมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกโดยมิชอบเมื่อโจทก์ทราบที่อยู่ปัจจุบันของจำเลย มีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่
แม้ที่อยู่ของจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องจะเป็นภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสองตามหลักฐานทางทะเบียน แต่เมื่อโจทก์ทราบดีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ขายกิจการให้ตน และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ได้ไปพักอยู่ที่อื่นซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักทำการงานของจำเลยทั้งสองแล้ว การที่โจทก์แถลงขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีการปิดหมายตามภูมิลำเนาที่ปรากฏทางทะเบียน ทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าจำเลยทั้งสองมิได้อยู่ที่บ้านดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยทั้งสองมิได้จงใจขาดนัดและมีเหตุสมควรให้พิจารณาคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้จำเลยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์และการดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขโฉนดเป็นหน้าที่ของผู้รับโอน
จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็น เจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดภาระหนี้สินในการซื้อขายบ้าน ไม่ถึงขั้นฉ้อโกง หากผู้ซื้อไม่ตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาระหนี้สินของผู้ขายบ้านต่อผู้ซื้อ ไม่ถือเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง
การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.
of 48