พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยทำให้จำเลยทราบวันนัดสืบพยานแล้วถือว่าขาดนัดจงใจ
ทนายจำเลยมาศาลภายหลังที่ศาลได้ทำการชี้สองสถานและกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์โดยทนายจำเลยมิได้ ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาเพียงแต่สอบถามวันเวลานัดสืบพยานโจทก์จากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จึงเป็นความ ประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย ต้องถือว่าจำเลยทราบกระบวนพิจารณาและวันนัดสืบพยานโจทก์ของศาลแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ: ความประมาทเลินเล่อของทนาย และผลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183
ในวันนัดชี้สองสถานทนายจำเลยมาศาลเมื่อศาลนัดสืบพยานโจทก์ไปแล้ว จำเลยเพียงแต่สอบถามวันนัดจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ไม่ได้ตรวจดู สำนวนว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์วันเวลาใดให้แน่ชัด จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย และตามป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสอง บัญญัติให้คู่ความมาศาลในวันชี้สองสถานถ้า คู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลให้ถือว่าทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจะอ้างว่าฟังเวลาจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ผิดไปหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยทำให้จำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสอง
ทนายจำเลยมาศาลภายหลังที่ศาลได้ทำการชี้สองสถานและกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์โดยทนายจำเลยมิได้ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาเพียงแต่สอบถามวันเวลานัดสืบพยานโจทก์จากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย ต้องถือว่าจำเลยทราบกระบวนพิจารณาและวันนัดสืบพยานโจทก์ของศาลแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4990/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์แบบผ่อนชำระ: กรรมสิทธิ์โอนทันทีเมื่อตกลงซื้อขาย
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องของผู้ร้อง และตามคำคัดค้านของโจทก์พอวินิจฉัยได้ ศาลมีอำนาจงดการไต่สวนและมีคำสั่งได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวน เมื่อตามข้อเท็จจริงที่ได้ความเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายกันโดยวิธีผ่อนชำระ และได้มอบรถยนต์ของกลางให้จำเลยครอบครอง จึงเป็นการซื้อขายกันเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางตกไปเป็นของจำเลยแล้ว นับแต่วันที่ผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายรถยนต์ของกลางกัน ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4990/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์โดยวิธีผ่อนชำระ และการโอนกรรมสิทธิ์เมื่อส่งมอบรถ
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องของผู้ร้อง และตามคำคัดค้านของโจทก์พอวินิจฉัยได้ ศาลมีอำนาจงดการไต่สวนและมีคำสั่งได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวน เมื่อตามข้อเท็จจริงที่ได้ความเห็นได้ชัดว่าผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายกันโดยวิธีผ่อนชำระ และได้มอบรถยนต์ของกลางให้จำเลยครอบครอง จึงเป็นการซื้อขายกันเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 กรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางตกไปเป็นของจำเลยแล้ว นับแต่วันที่ผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายรถยนต์ของกลางกัน ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์: การดึงทรัพย์สินเพื่อหยามน้ำหน้า ไม่ถือเป็นการเอาทรัพย์สินไปโดยทุจริต
จำเลยที่ 1 กับพวกชกต่อยกับพวกผู้เสียหาย จำเลยกับพวกได้ดึง เอาปากกาและกระเป๋าของผู้เสียหายทั้งสองไป ได้พูดว่าอยากได้ของก็ตามมาเอา จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้หลบหนีจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวที่มีการดึง ทรัพย์สินก็เป็นการหยามน้ำหน้ากันเท่านั้น เป็นการกระทำไปด้วยความคะนองเพื่อแสดงอวด ให้เพื่อนเห็นเท่านั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีเจตนาเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสองไปโดยทุจริต จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชิงทรัพย์: การกระทำโดยคะนองเพื่อแสดงอวด ไม่ถือเป็นเจตนาทุจริต
ฝ่ายจำเลยกับฝ่ายผู้เสียหายต่างเป็นนักเรียนอาชีวะ ในระยะเกิดเหตุนักเรียนอาชีวะมีเรื่องตีกันบ่อย แต่ไม่มีเจตนาที่จะปล้นหรือฆ่ากัน วันเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันและเหตุเกิดที่สถานีรถไฟซึ่งปกติมีผู้คนพลุกพล่าน จำเลยที่ 1 แต่งกายนักเรียนพร้อมกับพวกเมาสุราเข้ามาหาผู้เสียหายในลักษณะเป็นการหยามน้ำหน้าจำเลยที่ 1 กล่าวหาผู้เสียหายว่าผู้เสียหายไปหาเรื่องเพื่อนจำเลยที่ 1 เมื่อผู้เสียหายปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ได้ล้วงเอามีดออกมาจากกระเป๋าย่าม ทำท่าจะฟันผู้เสียหาย จำเลยอื่นห้ามไว้ จำเลยที่ 1จึงเก็บมีดและดึงเอาปากกาและกระเป๋าของผู้เสียหายไป แล้วพูดว่าอยากได้ของก็ตามมาเอา จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้หลบหนีไปไหนคงอยู่ที่สถานีรถไฟจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปด้วยความคะนองเพื่อแสดงอวดให้เพื่อน ๆ เห็นเท่านั้น จำเลยที่ 1ไม่มีเจตนาเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการกระทำความผิดชิงทรัพย์: พฤติการณ์ความคะนองและการแสดงอวดเพื่อน ไม่ถือเป็นเจตนาชิงทรัพย์
ฝ่ายจำเลยกับฝ่ายผู้เสียหายต่างเป็นนักเรียนอาชีวะ ในระยะเกิดเหตุนักเรียนอาชีวะมีเรื่องตีกันบ่อย แต่ไม่มีเจตนาที่จะปล้นหรือฆ่ากัน วันเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันและเหตุเกิดที่สถานีรถไฟซึ่งปกติมีผู้คนพลุกพล่าน จำเลยที่ 1 แต่งกายนักเรียนพร้อมกับพวกเมาสุราเข้ามาหาผู้เสียหายในลักษณะเป็นการหยามน้ำหน้าจำเลยที่ 1 กล่าวหาผู้เสียหายว่าผู้เสียหายไปหาเรื่องเพื่อนจำเลยที่ 1 เมื่อผู้เสียหายปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ได้ล้วงเอามีดออกมาจากกระเป๋าย่าม ทำท่าจะฟันผู้เสียหาย จำเลยอื่นห้ามไว้ จำเลยที่ 1จึงเก็บมีดและดึงเอาปากกาและกระเป๋าของผู้เสียหายไป แล้วพูดว่าอยากได้ของก็ตามมาเอา จำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้หลบหนีไปไหนคงอยู่ที่สถานีรถไฟจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำไปด้วยความคะนองเพื่อแสดงอวดให้เพื่อน ๆ เห็นเท่านั้น จำเลยที่ 1ไม่มีเจตนาเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปโดยทุจริต จึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4758/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ
ผู้เสียหายและจำเลยกับพวกนั่งดื่มสุรากันที่บ้านพักจำเลย ต่อมาผู้เสียหายเรียกจำเลยให้ลงไปพูดกัน จำเลยไม่ลง ผู้เสียหายดึงมือจำเลยหลายครั้งจนจำเลยตกจากที่นั่ง แล้วจำเลยเดินหนีเข้าไปในห้องนอนของจำเลย ผู้เสียหายเดินตามจำเลยเข้าไปในห้องกระชากมือจำเลยออกมา เช่นนี้ ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ กรณีถือได้ว่าจำเลยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมแทงผู้เสียหายที่บริเวณหน้าท้อง 2 ทีขณะที่ผู้เสียหายเข้าไปกระชากมือหรือจับบ่า จำเลยดึงออกมาข้างนอกห้อง จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4758/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
ผู้เสียหายและจำเลยกับพวกนั่งดื่มสุรากันที่บ้านพักจำเลย ต่อมาผู้เสียหายเรียกจำเลยให้ลงไปพูดกัน จำเลยไม่ลง ผู้เสียหายดึงมือจำเลยหลายครั้งจนจำเลยตกจากที่นั่ง แล้วจำเลยเดินหนีเข้าไปในห้องนอนของจำเลย ผู้เสียหายเดินตามจำเลยเข้าไปในห้องกระชากมือจำเลยออกมา เช่นนี้ ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ กรณีถือได้ว่าจำเลยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมแทงผู้เสียหายที่บริเวณหน้าท้อง 2 ทีขณะที่ผู้เสียหายเข้าไปกระชากมือหรือจับบ่า จำเลยดึงออกมาข้างนอกห้อง จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.