คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิทวัส อยู่วัฒนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 473 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลลดโทษผู้กระทำผิดอายุ 17-20 ปี แม้ไม่เคยยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
ป.อ.มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปี แต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยกับการลดโทษตามมาตรา 76 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณา แม้ไม่ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปีแต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาในศาลแขวง: คำฟ้องด้วยวาจาและการลดโทษจากผลการรับสารภาพ
การพิจารณาคดีอาญาของศาลแขวงแตกต่างจากคดีอาญาอื่นพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 19 จึงบัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐานการฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 โดยเฉพาะอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้เป็นคดีการพนันที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจจัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นจักรกลไฟฟ้า (วีดีโอเกม) อันเป็นความผิดดังที่ระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยไม่มีพระราชบัญญัติกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงให้การรับสารภาพคำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามที่ศาลบันทึกไว้นั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงโดยไม่ต้องเคร่งครัด ป.วิ.อ. มาตรา 158 อนุมาตรา 5
การพิจารณาคดีอาญาของศาลแขวงแตกต่างจากคดีอาญาอื่นพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 19 จึงบัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้ และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐานการฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158โดยเฉพาะอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำ เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้เป็นคดีการพนันที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจจัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นจักรกลไฟฟ้า (วีดีโอเกม) อันเป็นความผิดดังที่ระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 28 ท้าย พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 โดยไม่มีพระราช-กฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงให้การรับสารภาพคำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามที่ศาลบันทึกไว้นั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ขณะที่จำเลยเฝ้ายามอยู่หน้าโรงงาน ผู้ตายเมาสุราเดินเข้าไปต่อว่าจำเลยเรื่องการเปิดประตูโรงงาน แล้วผู้ตายหยิบไม้ท่อนหนึ่งขนาดเท่าแขนยาวประมาณ 1 เมตร ตรงเข้ามาจะตีจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด ถูกผู้ตายที่หน้าอกถึงแก่ความตาย เช่นนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงไม้ที่ผู้ตายจะใช้ตีจำเลยนั้นมีขนาดใหญ่และยาวพอสมควรที่จะใช้เป็นอาวุธตีจำเลยให้ถึงตายได้ ยิ่งขณะนั้นผู้ตายมีอาการมึนเมาย่อมขาดความยับยั้งไม่มีอะไรจะยับยั้งผู้ตายได้จำเลยกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นยามป้องกันทรัพย์สินของโรงงานและสัญชาตญาณป้องกันตนเอง จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้ตายโดยกะทันหันทันทีในเวลาฉุกละหุกไม่มีโอกาสเลือกยิงส่วนใดของผู้ตายหรือยิงขู่ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยป้องกันตนเองจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง โดยใช้ปืนยิงตอบโต้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ไม้ที่ผู้ตายจะใช้ตีจำเลยมีขนาดใหญ่และยาวพอสมควรที่จะใช้เป็นอาวุธตีจำเลยให้ถึงแก่ความตายได้ และขณะนั้นผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราย่อมขาดความยับยั้ง จำเลยกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นยามป้องกันทรัพย์สินของโรงงาน และสัญชาตญาณป้องกันตนเองจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้ตายโดยกะทันหันทันที แม้กระสุนจะถูกผู้ตายที่หน้าอกก็ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเลือกยิงตรงหน้าอกเพราะเป็นเวลาฉุกละหุกไม่มีโอกาสที่จำเลยจะเลือกยิงส่วนใดของผู้ตายหรือยิงขู่ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฎีกาต้องแสดงข้อโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิใช่เพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำฟ้องฎีกาเป็นคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (13) จึงต้องแสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา โดยต้องมีข้อโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อฎีกาโจทก์บรรยายเพียงว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาอย่างไรแต่มิได้บรรยายว่าคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาอย่างไร กรณีจึงไม่อาจทราบได้ว่าข้อที่โจทก์ยกขึ้นฎีกาได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์หรือไม่ ทั้งฎีกาโจทก์มีข้อความว่า "ด้วยความเคารพต่อศาลชั้นต้น โจทก์เห็นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นยังคลาดเคลื่อน... โจทก์ขอประทานกราบเรียนศาลที่เคารพโปรดพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น..." ดังนี้ฎีกาโจทก์มิได้เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หากแต่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฟ้องฎีกาโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 ประกอบมาตรา 246,247 และ พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของสำคัญกว่าการรู้ว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น
โจทก์และจำเลยซื้อที่ดินมีโฉนดจากเจ้าของกรรมสิทธิ์พร้อมกันแต่ได้เข้าครอบครองที่ดินสลับแปลงกัน แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินของโจทก์โดยความเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดินของตนเองแต่จำเลยก็ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องว่าเป็นที่ดินของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ เมื่อการเข้าครอบครองนั้นเป็นการครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกิน 10 ปี จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกสัญญาสัญญาเช่าซื้อโดยความยินยอม การยึดรถไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามกำหนด และโจทก์ไปยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งการยึดรถยนต์คืน พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกัน นับแต่วันที่โจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน มิใช่เป็นกรณีที่ผู้เช่าซื้อหรือผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 และมาตรา 574ดังนั้น การที่โจทก์ยึดรถยนต์คืนจากจำเลยที่ 1 จึงหาทำให้โจทก์ตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเลิกการขายทอดตลาดต้องมีเหตุฝ่าฝืนกฎหมาย การขายราคาต่ำกว่าราคาตลาดไม่ใช่เหตุ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองการที่จะขอให้ศาลยกเลิกการขายทอดตลาดได้ก็ต่อเมื่อปรากฏ ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติในลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำร้องของจำเลยที่ 4 อ้างเหตุแต่เพียงว่าขายได้ราคาต่ำไปจึงไม่เข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่อาจจะขอให้ยกเลิกการขายได้
of 48