พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,993 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ทำให้ศาลมีอำนาจยกเลิกสัญญาและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยรับว่าจำเลยได้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้ เพราะไม่มีเงินมาชำระจนต้องบอกขายที่ดินของจำเลย แต่ก็ยังขายไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ ศาลจึงมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามแผนประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ทำให้ศาลมีอำนาจยกเลิกแผนและพิพากษาให้ล้มละลายได้
จำเลยรับว่าจำเลยได้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้เพราะไม่มีเงินมาชำระจนต้องบอกขายที่ดินของจำเลย แต่ก็ยังขายไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้ ศาลจึงมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 60
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดนัดชำระหนี้ตามแผนประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ศาลมีอำนาจยกเลิกและพิพากษาให้ล้มละลายได้
จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายไว้เพราะไม่มีเงินมาชำระเนื่องจากบอกขายที่ดินแล้วยังขายไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลิกจ้างย้อนหลังไม่ชอบ การจ่ายค่าจ้างช่วงพักงานยังคงมีผลบังคับใช้
จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์เพื่อรอฟังผลที่โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาเมื่อผลคดีอาญาศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีความผิด จำเลยกลับมาอ้างว่าพฤติการณ์ของโจทก์ส่อไปในทางทุจริตแล้วบอกเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ในระหว่างช่วงเวลาที่จำเลยสั่งให้โจทก์พักงานนั้น โจทก์ยังเป็นลูกจ้างจำเลยอยู่ สภาพการเป็นลูกจ้างและนายจ้างยังคงมีอยู่ต่อไป การที่โจทก์ไม่ได้ทำงานให้แก่จำเลยก็เนื่องจากคำสั่งของจำเลยเอง และไม่มีระเบียบว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้าง จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพักงานและเลิกจ้างโดยไม่ชอบ คดีอาญาหมดข้อกล่าวหา นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง
จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์เพื่อรอฟังผลที่โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาเมื่อผลคดีอาญาศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีความผิด จำเลยกลับมาอ้างว่าพฤติการณ์ของโจทก์ส่อไปในทางทุจริตแล้วบอกเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ในระหว่างช่วงเวลาที่จำเลยสั่งให้โจทก์พักงานนั้น โจทก์ยังเป็นลูกจ้างจำเลยอยู่ สภาพการเป็นลูกจ้างและนายจ้างยังคงมีอยู่ต่อไปการที่โจทก์ไม่ได้ทำงานให้แก่จำเลยก็เนื่องจากคำสั่งของจำเลยเอง และไม่มีระเบียบว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้าง จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์
เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างจึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165 (9)
เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างจึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165 (9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลิกจ้างย้อนหลังไม่ชอบ และสิทธิค่าจ้างช่วงพักงานยังคงมีอยู่
จำเลยมีคำสั่งพักงานโจทก์เพื่อรอฟังผลที่โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาเมื่อผลคดีอาญาศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีความผิด จำเลยกลับมาอ้างเหตุว่าพฤติการณ์ของโจทก์ส่อไปในทางทุจริตแล้วบอกเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์เช่นนี้ เป็นการขัดกับคำสั่งพักงานเดิม และขัดกับคำพิพากษาในคดีอาญา จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ในระหว่างช่วงเวลาที่จำเลยสั่งให้โจทก์พักงานนั้นโจทก์ยังเป็นลูกจ้างจำเลยอยู่ สภาพการเป็นลูกจ้างและนายจ้างยังคงมีอยู่ต่อไป การที่โจทก์ไม่ได้ทำงานให้แก่จำเลยก็เนื่องมาจากคำสั่งของจำเลยเอง และไม่มีระเบียบว่าจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ เงินเดือนของโจทก์เป็นค่าจ้างที่คนงานเรียกเอาจากนายจ้างจึงมีอายุความ 2 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(9).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเขตป่าสงวนและที่ดินทำประโยชน์ การยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
โจทก์มีแต่พยานบุคคลเบิกความกล่าวอ้างลอย ๆ ว่าตอไม้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยปราศจากพยานหลักฐานเอกสารใด ๆ ที่จะยืนยันตามข้อกล่าวอ้าง ทั้งได้ความจากพยานโจทก์ว่าบริเวณตอไม้เป็นไร่นาไม่มีสภาพเป็นป่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย ที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองมีแนวเขตจดลำห้วยด้วย ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังไม่ชัดแจ้งว่าต้นตะเคียนทอง 2 ต้น อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ กรณีมีความสงสัยตามสมควรว่าไม้แปรรูปของกลางอาจเป็นไม้ที่แปรรูปจากต้นไม้ตะเคียนทองที่มิได้ตัดฟันจากป่าก็ได้ทั้งไม่ใช่เป็นสักหรือไม้ยาง จึงอาจไม่เป็นไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 7 ซึ่งอาจได้รับการยกเว้นให้มีไว้ในครอบครองโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามมาตรา 50(4) ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกจ้างนายจ้าง ต้องเป็นธรรมหรือมีเหตุสมควร ศาลวินิจฉัยได้หากพิจารณาจากพฤติการณ์เพื่อความเป็นธรรม
สิทธิเลิกจ้างโดยทั่วไปย่อมเป็นสิทธิของนายจ้างและอยู่ในบังคับของมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ คือต้องเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นความผิดร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47หากโจทก์กระทำผิดดังกล่าวจริง จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าทีจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า มีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์อันเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือไม่ ที่ศาลแรงงานพิพากษาให้เลิกจ้างโจทก์ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์มีพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยไม่ไว้วางใจ จึงเป็นการวินิจฉัยคดีโดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อความเป็นธรรมแก่ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างตามมาตรา 48 ซึ่งมีอำนาจวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกจ้าง นายจ้างต้องใช้ดุลพินิจ เหตุผลต้องสมเหตุสมผล แม้ข้อกล่าวหาไม่เป็นจริง
จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่นำใบเสร็จไปเรียกเก็บเงินแล้วเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัว มิได้อ้างเหตุความไม่ไว้วางใจเป็นเหตุเลิกจ้าง แม้ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวอ้าง แต่สิทธิเลิกจ้างโดยทั่วไปย่อมเป็นสิทธิของนายจ้างหรือสิทธิในทางจัดการ โดยต้องเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมและมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าโจทก์ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ การที่ศาล-แรงงานกลางอ้างเหตุดังกล่าวมาวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำตัวไม่น่าไว้วางใจ และมีเหตุสมควรที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้ เป็นการวินิจฉัยเพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนจริง ศาลไม่รับฟังพยานที่ไม่ชัดเจน
ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 นั้น ในชั้นพิจารณาคดีของศาล โจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อพิสูจน์เพื่อได้ให้ความแน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้องของโจทก์ แต่โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 และที่ 5 ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนคนใดที่สถานีตำรวจแห่งใด ด้วยข้อความว่าอย่างไรมาแสดงต่อศาลจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดดังกล่าว คำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มิใช่เป็นคำเบิกความในชั้นพิจารณา และพยานเอกสารก็ส่งไว้ในชั้นไต่สวน มูลฟ้องโจทก์หาได้อ้างส่งศาลในชั้นพิจารณาไม่ จึงไม่ชอบ ที่จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวในชั้นพิจารณา