พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,993 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเงินทดแทน: ความเดือดร้อนจากสัญญาค้ำประกัน ไม่ใช่การขาดอุปการะ
การที่โจทก์ถูกทวงถามจากผู้ให้เช่าซื้อให้ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์เป็นกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อทวงถามโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกันในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อดังกล่าว ดังนั้น แม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้อยู่ในอุปการะของผู้ตาย และได้รับความเดือดร้อนจากการที่ถูกผู้ให้เช่าซื้อทวงถามจริง ก็เป็นกรณีที่โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเพราะโจทก์ถูกบังคับตามสัญญาค้ำประกัน ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดอุปการะจากผู้ตายตาม พ.ร.บ.เงินทดแทนพ.ศ.2537 มาตรา 20 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดอุปการะจากผู้ตายกับสิทธิรับเงินทดแทน: กรณีผู้ค้ำประกันรถยนต์
ผู้ตายซึ่งเป็นลูกจ้างถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ก่อนตาย ผู้ตายเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์ใช้สอยประกอบอาชีพและให้โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อเมื่อถึงแก่ความตายทำให้ผู้ตายไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อการที่โจทก์ต้องหาเงินไปชำระค่าเช่าซื้อ เป็นการปฏิบัติในฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดอุปการะจากผู้ตายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ. 2537 มาตรา 20 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเงินทดแทน: ความเดือดร้อนจากสัญญาค้ำประกัน มิใช่การขาดอุปการะ
การที่โจทก์ถูกทวงถามให้ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่ผู้ตายเช่าซื้อเป็นกรณีที่ผู้ใช้เช่าซื้อทวงถามโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกันในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเดือนร้อนเพราะขาดอุปการะจากผู้ตายจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าอาวาส มีความผิดทางอาญาและกฎหมายคณะสงฆ์
คณะสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยให้จำเลยสึกจากการเป็นพระภิกษุ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะสงฆ์ การยื่นอุทธรณ์จะกระทำโดยชอบหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยซึ่งได้สึกจากการเป็นพระภิกษุไปแล้ว กลับมาเป็นพระภิกษุใหม่อีก การที่จำเลยแต่งกายเป็นพระภิกษุเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นพระภิกษุ และไม่ยอมออกไปจากวัดตามคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว จึงเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 208, 368 วรรคแรก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 38 (1), 45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งกายเป็นพระภิกษุโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าอาวาส ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
คณะสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยให้จำเลยลึกจากการเป็นพระภิกษุจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยดังกล่าวต่อคณะสงฆ์การยื่นอุทธรณ์จะกระทำโดยชอบหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยซึ่งได้ลึกจากการเป็นพระภิกษุไปแล้วกลับมาเป็นพระภิกษุใหม่อีกการที่จำเลยแต่งกายเป็นพระภิกษุเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นพระภิกษุและไม่ยอมออกไปจากวัดตามคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา208,368วรรคแรกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505มาตรา38(1),45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4469-4476/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ้างงานต่อเนื่องเกินสองปี สัญญาจ้างเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ต้องจ่ายค่าชดเชย
จำเลยที่2ถึงที่9เป็นคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีของจำเลยที่1มีคำสั่งแต่งตั้งโจทก์ทั้งแปดเป็นผู้ช่วยชำระบัญชีทำหน้าที่ต่างๆในการชำระบัญชีตามคำสั่งของจำเลยแล้วแต่จะให้ทำงานอะไรและเป็นอำนาจของคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีที่จะเลิกจ้างโจทก์ทั้งแปดได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้ามีกำหนดเวลาจ้างครั้งละ1เดือนติดต่อกันเป็นเวลา9ปีเศษเห็นได้ว่าการจ้างโจทก์ทั้งแปดจำเลยมิได้มุ่งถึงผลสำเร็จของงานหากแต่โจทก์ทั้งแปดจะต้องทำงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการชำระบัญชีตามที่ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่2ถึงที่9ตลอดเวลาการจ้างดังนั้นสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นสัญญาจ้างแรงงาน การที่จำเลยต่อสัญญาจ้างโจทก์ทั้งแปดติดต่อกันครั้งละ1เดือนเป็นเวลานานถึง9ปีเศษโดยจำเลยมีคำสั่งจ้างโจทก์ทั้งแปดตามสัญญาจ้างแต่ละฉบับมีเงื่อนไขว่าหากพนักงานผู้ใดหมดหน้าที่หรือหมดความจำเป็นที่จะปฏิบัติงานต่อไปคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีจะเลิกจ้างเป็นรายบุคคลก่อนกำหนดสิ้นเดือนโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากรณีจึงถือไม่ได้ว่าสัญญาจ้างโจทก์ทั้งแปดมีลักษณะการจ้างเป็นครั้งคราวโดยมีกำหนดเวลาสิ้นสุดหรือความสำเร็จของงานไว้แน่นอนดังนั้นเมื่อจำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้งแปดติดต่อกันทุกเดือนและงานนั้นยังไม่แล้วเสร็จภายในเวลาสองปีจึงเป็นการจ้างแรงงานที่ไม่เข้าข้อยกเว้นที่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาเช็คต้องระบุรายละเอียดหนี้ที่ชัดเจนและมีหลักฐานประกอบ
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมโดยมิได้บรรยายว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายทั้งโจทก์มิได้แนบสำเนาสัญญากู้ยืมมาท้ายฟ้อง คำฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบฟ้องคดีเช็ค – การบรรยายรายละเอียดหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมโดยมิได้บรรยายว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายทั้งโจทก์มิได้แนบสำเนาสัญญากู้ยืมมาท้ายฟ้อง คำฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องอาญาเกี่ยวกับเช็คต้องระบุรายละเอียดหนี้ที่ชัดเจนและมีหลักฐานประกอบ มิฉะนั้นฟ้องไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมโดยมิได้บรรยายว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายทั้งโจทก์มิได้แนบสำเนาสัญญากู้ยืมมาท้ายฟ้องคำฟ้องของโจทก์จึงขาดข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4446/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดี และการบอกกล่าวบังคับจำนองที่ชอบด้วยกฎหมาย
หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องโดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใดแม้หนังสือมอบอำนาจจะไม่ได้ระบุว่ามอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยแต่ก็มีข้อความระบุไว้แล้วว่าโจทก์มอบอำนาจให้ พ.เป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลในทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องทวงคืนซึ่งทรัพย์สิน รวมทั้งการบังคับจำนองแทนและในนามของโจทก์ ฉะนั้น พ. จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยแทนโจทก์ได้ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวโดยจำเลยรับหนังสือบอกกล่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2535และโจทก์ฟ้องวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2536 ถือว่าโจทก์บอกกล่าวเป็นเวลาอันสมควรแล้ว เพราะหนี้ดังกล่าวเกิดจากสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ซึ่งโจทก์และจำเลยต้องหักทอนบัญชีกันตามระยะเวลาจำเลยย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนเท่าใด ประกอบกับโจทก์ยื่นฟ้องหลังจากจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวเป็นเวลา 4 เดือนเศษ ดังนั้นการบอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์จึงชอบแล้ว