คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พรชัย สมรรถเวช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5506/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นผลผูกพันตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ และสิทธิการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาจ้าง
ระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มิได้เกิดจากการแจ้งข้อเรียกร้องและตกลงกันตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯมาตรา13,18,22ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา20นายจ้างและลูกจ้างย่อมมีสิทธิทำข้อตกลงเปลี่ยนแปลงระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้างแรงงานให้มีผลบังคับแตกต่างไปจากระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเดิมได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน บริษัท จ. และบริษัทในเครือรวมทั้งจำเลยที่1ออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและการโอนย้ายโจทก์ระหว่างบริษัทในเครือของบริษัท จ. โดยให้นับอายุงานต่อเนื่องกันไปและคงให้สิทธิต่างๆเช่นเดียวกันเมื่อโจทก์โอนจากบริษัท จ.มาเป็นพนักงานของจำเลยที่1ระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จจึงผูกพันโจทก์กับจำเลยที่1ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5461/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านแนวเขต, ไม่ถือเป็นการละเมิดหากไม่มีเจตนาแกล้ง
จำเลยทั้งสองไม่ยอมรับรองแนวเขตก็เพราะจำเลยทั้งสองโต้แย้งว่าหลักเดิมไม่ได้สูญหาย และหลักที่ปักใหม่ไม่ถูกต้อง การคัดค้านของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียง ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 69 ทวิ วรรคสาม ซึ่งหากจำเลยทั้งสองไม่ยอมตกลงตามที่เจ้าพนักงานที่ดินไกล่เกลี่ยแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินก็มีอำนาจแจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องศาลภายใน 90 วันตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 69 ทวิ วรรคห้า ทั้งตามพยานที่โจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่พอฟังว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่: ศาลวินิจฉัยตามประเด็นที่กำหนดได้ แม้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ต่ำกว่าเกณฑ์อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท จำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่พิพาทโดยไม่ชอบ ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยไม่สุจริต ภรรยาจำเลยเป็นผู้เช่าที่พิพาท สิทธิการเช่าไม่ระงับไปเพราะโจทก์ผู้รับโอนต้องรับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน จำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ถือว่าจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 วรรคสอง
ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทหรือไม่ และจำเลยปลูกบ้านพิพาทรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทและจำเลยปลูกบ้านพิพาทรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องได้เพราะเป็นการวินิจฉัยเพื่อจะนำไปสู่ประเด็นข้อพิพาทที่ได้กำหนดไว้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการกำหนดประเด็นเพิ่มในคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่รุกล้ำที่ดิน: ศาลยืนตามประเด็นเดิม ไม่ถือเป็นการกำหนดประเด็นเพิ่ม
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทจำเลยเข้าไปปลูกบ้านในที่พิพาทโดยไม่ชอบขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทมาโดยไม่สุจริตภรรยาจำเลยเป็นผู้เช่าที่พิพาทสิทธิการเช่าไม่ระงับไปเพราะโจทก์ผู้รับโอนต้องรับไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทถือว่าจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์เมื่ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ4,000บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคสอง ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้วว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทหรือไม่และจำเลยปลูกบ้านพิพาทรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทและจำเลยปลูกบ้านพิพาทรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ก็ย่อมพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องได้เพราะเป็นการวินิจฉัยเพื่อจะนำไปสู่ประเด็นข้อพิพาทที่ได้กำหนดไว้ถือไม่ได้ว่าเป็นการกำหนดประเด็นเพิ่มในคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5338/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่มีประโยชน์เมื่อคดีจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดแล้ว
แม้ในขณะที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องอุทธรณ์โจทก์ในคดีที่โจทก์ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่นั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ประทับฟ้องจำเลยทั้งสองตามฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แล้ว และคดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นให้ประทับฟ้อง ดังนั้น การที่โจทก์ฎีกาฉบับนี้เพื่อขอให้ยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่นั้น จึงไม่มีคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ฎีกาโจทก์จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5338/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่มีประโยชน์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยการขอให้พิจารณาคดีใหม่
แม้ในขณะที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องอุทธรณ์โจทก์ในคดีที่โจทก์ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่2ขึ้นพิจารณาใหม่นั้นศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ประทับฟ้องจำเลยทั้งสองตามฟ้องโจทก์ก็ตามแต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่2แล้วและคดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นให้ประทับฟ้องดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาฉบับนี้เพื่อขอให้ยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่2ขึ้นพิจารณาใหม่นั้นจึงไม่มีคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่2ที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ฎีกาโจทก์จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะทางกฎหมายขององค์การค้าของคุรุสภา: ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ
องค์การค้าของคุรุสภา จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2493ตามมติของคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา ไม่ใช่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล พ.ศ.2496 ที่มีผลใช้บังคับภายหลังจากที่มีการจัดตั้งองค์การค้าของคุรุสภาแล้ว และตาม พ.ร.บ.ครู พ.ศ.2488 มาตรา 4, 6กำหนดให้คุรุสภาซึ่งเป็นเจ้าขององค์การค้าของคุรุสภาเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกระทรวงศึกษาธิการ และให้คุรุสภามีอำนาจหน้าที่ให้ความเห็นแก่กระทรวง-ศึกษาธิการในเรื่องการจัดการศึกษาโดยทั่วไป รวมทั้งการปกครองดูแลและคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ประกอบอาชีพครูโดยเฉพาะ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ปกครองดูแลหรือดำเนินการใด ๆ แก่ประชาชนโดยทั่วไป ทั้งตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม พ.ศ.2534 มาตรา 26 ก็ไม่ได้บัญญัติให้คุรุสภาเป็นส่วนราชการของกระทรวงศึกษาธิการ ถือไม่ได้ว่าคุรุสภาซึ่งเป็นเจ้าขององค์การค้าของคุรุสภาเป็นรัฐ องค์การค้าของคุรุสภาจึงไม่ใช่องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือกิจการของรัฐตามกฎหมายที่จัดตั้งกิจการนั้นและไม่ใช่หน่วยงานธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าของ องค์การค้าของคุรุสภาจึงไม่ใช่รัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.พนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2534 มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะรัฐวิสาหกิจขององค์การค้าคุรุสภา: ไม่เข้าข่ายตามกฎหมาย
องค์การค้าคุรุสภาไม่ใช่องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาลหรือกิจการของรัฐตามกฎหมายที่จัดตั้งกิจการนั้นและไม่ใช่หน่วยงานธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าขององค์การค้าคุรุสภาจึงไม่ใช่รัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติ พนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พ.ศ.2534มาตรา4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5286-5287/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือไม่ขอรับมรดกเป็นสัญญาแบ่งปันมรดกได้ตามกฎหมาย
หนังสือไม่ขอรับมรดกซึ่งท. ลงลายมือชื่อให้ไว้แก่เจ้าพนักงานที่ดินระบุว่าตนเป็นบุตรของเจ้ามรดกมีสิทธิรับมรดกในที่ดินโฉนดที่เท่าใดตั้งอยู่ที่ไหนไม่มีความประสงค์ที่จะรับมรดกที่ดินแปลงดังกล่าวและตกลงยินยอมให้จำเลยที่1รับจึงเป็นหนักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญเป็นสัญญาแบ่งปันมรดกมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา850,852และ1750

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5220/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตระเบียบการลาศึกษาและการชดใช้เงิน กรณีการฝึกอบรมที่ไม่ใช่การศึกษาเพื่อปริญญาที่สูงขึ้น
ระเบียบของโจทก์ที่กำหนดว่าพนักงานที่ลาไปศึกษาเมื่อได้ศึกษาสำเร็จแล้วจะต้องกลับมาปฏิบัติงานกับโจทก์เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าเท่าของเวลาที่ได้ลาไปมิฉะนั้นต้องชดใช้เงินที่โจทก์ได้จ่ายให้และค่าความเสียหายในระหว่างหรือเนื่องจากการลานั้นหมายถึงกรณีที่พนักงานลาไปศึกษาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนต่อให้ได้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพซึ่งสูงกว่าขั้นปริญญาตรีเท่านั้นแต่กรณีจำเลยเป็นการไปรับฝึกอบรมในหลักสูตรเทคนิคอลเพาเวอร์ดิสตริบิวชั่นออฟอีเลคทริคเพาเวอร์เนทเวิร์คที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน โดยได้รับทุนจากรัฐบาลประเทศดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนและโจทก์จ่ายสมทบให้อีกบางส่วนโดยจำเลยไม่ได้ทำสัญญาผูกพันกับโจทก์ว่าจำเลยจะกลับมาปฏิบัติงานกับโจทก์หรือชดใช้เงินจำนวนใดๆให้แก่โจทก์การไปฝึกอบรมของจำเลยจึงไม่ใช่เพื่อให้ได้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพซึ่งสูงกว่าขั้นปริญญาตรีอันจะเป็นเหตุให้จำเลยมีความผูกพันต้องกลับมาปฏิบัติงานกับโจทก์หรือชดใช้เงินหรือค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามระเบียบดังกล่าว
of 200