คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เทพฤทธิ์ ศิลปานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 564 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการทุเลาการบังคับ: ศาลอุทธรณ์มีดุลพินิจไม่อนุญาตทุเลาการบังคับได้ ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ตาม ป.วิ.พ. หรือไม่เป็นดุลพินิจ ศาลอุทธรณ์สั่งว่า พิเคราะห์แล้วคดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น แสดงว่าศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเหตุผลตามคำร้องและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีดุลพินิจไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ และถือว่าเป็นการแสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยในการสั่งคำร้องชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 141 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: การแสดงเหตุผลตามมาตรา 141
การที่ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับที่จำเลยยื่นคำร้องขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งว่า พิเคราะห์แล้วคดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้นเป็นการแสดงว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเหตุผลตามคำร้องของจำเลยและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีดุลพินิจไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ และถือได้ว่า เป็นการแสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยในการมีคำสั่งตามคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลย ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการอนุญาตทุเลาการบังคับคดี: เหตุผลเพียงพอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ที่จำเลยยื่นคำร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งว่า พิเคราะห์แล้วคดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้นเป็นการแสดงว่าศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเหตุผลตามคำร้องของจำเลยและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีดุลพินิจไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับและถือได้ว่าเป็นการแสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยในการมีคำสั่งตามคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องคดีลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ: การตีความคำว่า 'ประเทศ' เทียบเท่า 'กฎหมาย'
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ว่า กฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว แต่ใช้คำว่า "ประเทศ"แทนคำว่า "กฎหมาย" ก็พอที่จะแปลความได้ว่ารวมถึงกฎหมายของประเทศนั้นด้วย อันหมายถึงประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของประเทศภาคีอื่นแห่งอนุสัญญาและของประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีอยู่ด้วย ฟ้องของโจทก์จึงมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแถบบันทึกภาพตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่อาจได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 42 และเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ: การบรรยายฟ้องตามมาตรา 42 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ และการตีความคำว่า 'ประเทศ' แทน 'กฎหมาย'
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ว่า "...และกฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว..." แต่ใช้คำว่า "ประเทศ" แทนคำว่า "กฎหมาย" ก็พอที่จะแปลความหมายตามฟ้องของโจทก์ ได้ว่ารวมถึงกฎหมายของประเทศนั้นด้วย มิใช่กรณีที่โจทก์ไม่ได้ กล่าวในฟ้องเสียเลยว่ากฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครอง แก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ ฟ้องของโจทก์จึงมีสาระสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่างานตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่อาจได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 42 ดังกล่าว และเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ: การบรรยายฟ้องตามมาตรา 42 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ โดยใช้คำว่า 'ประเทศ' แทน 'กฎหมาย' ยังถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ว่า "...และกฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว ..." แต่ใช้คำว่า "ประเทศ"แทนคำว่า "กฎหมาย" ก็พอที่จะแปลความหมายตามฟ้องของโจทก์ได้ว่ารวมถึงกฎหมายของประเทศนั้นด้วย มิใช่กรณีที่โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องเสียเลยว่า กฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ ฟ้องของโจทก์จึงมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่างานตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่อาจได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 42 ดังกล่าว และเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้จำนอง: เจ้าหนี้สามัญยึดทรัพย์ติดจำนองได้หากมีเงินเหลือชำระหนี้
หนี้จำนองเป็นหนี้บุริมสิทธิ เจ้าหนี้จำนองมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญถ้าจะให้นำยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่เฉพาะเท่าที่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญถ้าจะให้นำยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่เฉพาะเท่าที่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญก็คงหมดโอกาสจะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ที่นำยึด การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งติดจำนองผู้อื่นอยู่ซึ่งถ้าขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองแล้วจะมีเงินเหลือพอชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาได้ จึงไม่เป็นการยึดทรัพย์สินเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีและเมื่อจำเลยที่ 1 ตกลงยอมรับเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขายจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์เกินกว่าหนี้ จำนอง และสิทธิเจ้าหนี้สามัญ vs. เจ้าหนี้จำนอง ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 1,473,820.10 บาท เป็นหนี้จำนองรวมเป็นเงินและดอกเบี้ย 17 ล้านบาทเศษ การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญนำยึดทรัพย์จำเลยมีราคา 15,848,500 บาท นั้นไม่เป็นการยึดทรัพย์สินเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดี จำเลยที่ 1 ยอมรับเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมในการยึดแล้วไม่มีการขายทั้งหมด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อรถยนต์และการพิสูจน์ความรู้เห็นเป็นใจในความผิด ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดชอบหากไม่ทราบถึงการกระทำผิด
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 8 ที่ 12 และที่ 13 ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดตากและจังหวัดสุโขทัย ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกของกลางจากผู้ร้อง ที่สำนักงานใหญ่ของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวมีที่อยู่ห่างไกลคนละจังหวัดเช่นนี้ ผู้ร้องย่อมไม่ทราบว่าจำเลยดังกล่าวจะเอารถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อไปกระทำผิดเมื่อไร จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวต้องคืนรถยนต์บรรทุกของกลางของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาเนื่องจากโจทก์ไม่ดำเนินการเมื่อศาลสั่งให้แถลงวิธีดำเนินการเมื่อส่งหมายนัดจำเลยไม่ได้
เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ศาลชั้นต้นให้โจทก์แถลงว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปภายใน 7 วัน โจทก์ทราบคำสั่งแล้วไม่แถลงภายในเวลาที่กำหนดถือว่าโจทก์ทิ้งฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1.
of 57