คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เทพฤทธิ์ ศิลปานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 564 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4297/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการขาดนัดพิจารณา: ศาลแพ่งมีอำนาจอนุญาตเลื่อนคดีได้ แม้ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน
วันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยมาศาล ส่วนโจทก์ไม่ได้ไปศาลเจ้าของคดีตามนัด แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลแพ่งอันเป็นศาลที่โจทก์และทนายโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ อ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์และความเห็นของแพทย์แนบไปด้วยศาลแพ่งจึงสั่งให้โจทก์เลื่อนคดีและได้แจ้งให้ศาลเจ้าของคดีทราบอันเป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลแพ่งมีอำนาจทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่ไปศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง แม้โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนวันสืบพยาน 3 วันก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลเจ้าของคดีสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาก่อนทราบคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลง ศาลเจ้าของคดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4076/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานจดทะเบียนที่ดินปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบรู้ว่าผู้มาจดทะเบียนไม่ใช่เจ้าของที่ดินทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนองและผู้รับซื้อฝาก
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินมีหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม มีผู้แอบอ้างว่าเป็น พ. ให้กับโจทก์แต่จากลายพิมพ์นิ้วมือของ พ. ในแบบสอบสวนเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์กับลายพิมพ์นิ้วมือของ พ. ในสัญญาจำนองและขายฝากปรากฏชัดว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือคนละชนิด อีกทั้งในวันทำสัญญาจำนองและขายฝากจำเลยได้เตรียมสัญญาต่าง ๆ ให้ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็น พ. ลงชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว การที่จำเลยเสนอให้มีการจดทะเบียนจำนองและขายฝากที่ดินของ พ. ทั้ง ๆ ที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าผู้มาขอจดทะเบียนมิใช่ พ. จำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้รับจำนองและผู้รับซื้อฝาก ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แล้ว การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแม้ไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปครั้งหนึ่ง โดยกำชับจำเลย ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมเพื่อให้สืบทั้งหมดในวันนัด หากพยานฝ่ายใดไม่มาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครอันเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอัน ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของ ศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก พฤติการณ์ของจำเลย ดังกล่าวส่อแสดงว่า จำเลยเพิกเฉยไม่สนใจในการดำเนินคดีของตน เป็นการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยาน จำเลยเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3865/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายอ้อย: โจทก์ไม่ชำระค่าอ้อย จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 สรุปใจความได้ว่า จำเลยที่ 1อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ โดยอ้างเหตุในอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา เนื่องจากโจทก์เป็นฝ่ายสั่งให้จำเลยที่ 1 หยุดตัดอ้อยเอง จึงมีประเด็นในชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ตัดอ้อยที่ปลูกทำลงไว้ตามสัญญาโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วนำไปขายให้บุคคลอื่นทั้งหมดไม่ส่งมอบแก่โจทก์ แต่กลับได้ความว่าหลังจากจำเลยที่ 1 ได้ปลูกอ้อยตามข้อตกลงกับโจทก์แล้ว โจทก์สั่งให้จำเลยที่ 1 ตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลในนามของโจทก์ 7 คันรถบรรทุก มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1ตัดอ้อยรายพิพาทไปขายให้บุคคลอื่นทั้งหมดโดยไม่ส่งมอบแก่โจทก์เมื่อจำเลยตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลในนามของโจทก์แล้ว โจทก์ไม่ยอมจ่ายค่ารถบรรทุกอ้อยให้แก่จำเลยที่ 1 และไม่ยอมคืนใบชั่งน้ำหนักอ้อยให้แก่จำเลยที่ 1 พฤติการณ์ของโจทก์แสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่ ไม่ยอมคิดบัญชีและชำระราคาค่าอ้อยให้แก่จำเลยที่ 1 ถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หลังจากโจทก์ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ร้องเรียนโจทก์แต่ไม่อาจตกลงกันได้ และโจทก์ไม่เคยสั่งให้จำเลย ที่ 1นำอ้อยมา ตรวจ ความหวานหรือสั่งให้จำเลยที่ 1 ตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาลในนามของโจทก์อีก จนในที่สุดทางโรงงานน้ำตาลได้แยกโควต้าส่งอ้อยให้จำเลยที่ 1 ต่างหากในนามของจำเลยที่ 1 พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงเลิกสัญญาการส่งอ้อยในส่วนที่เหลือโดยปริยายแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3394/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์มรดก เงินจากการขายต้องนำมาแบ่งตามสัญญาประนีประนอม
โจทก์จำเลยรับกันว่า สิทธิการเช่าตึกแถวจำนวน 3 ห้อง เป็นทรัพย์มรดกโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าว แม้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวเป็นของวัดมิใช่ของโจทก์จำเลย ต่อมาเมื่อมีการโอนขายสิทธิการเช่าตึกแถวนั้นให้แก่บุคคลภายนอกได้รับเงินค่าตอบแทน เงินนั้นเป็นทรัพย์มรดกที่จะต้องนำมาแบ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3353/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิป้องกันตัว: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ถือเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรม
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นโดยใช้เหล็กแป๊ปขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่งตีทำร้ายจำเลยก่อนและจะตีซ้ำอีก จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะต้องหลบหนีผู้ตาย การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไป 1 ทีเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายและบังเอิญมีดไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาโดยความยินยอม ไม่เป็นความผิดฐานพาไปเพื่อการอนาจารหรือพรากผู้เยาว์
จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยมิได้ใช้กำลังบังคับพาไปโดยผู้เสียหายกับจำเลยเคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาก่อน จำเลยมิได้มีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้เสียหายจะเป็นหญิงผู้เยาว์อายุ 17 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284และมาตรา 318.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์และการพาไปเพื่อการอนาจาร: ความยินยอมและเจตนาเป็นสำคัญ
จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยา ผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยมิได้ใช้กำลังบังคับพาไปโดยผู้เสียหายกับจำเลยเคยอยู่กินฉัน สามีภรรยามาก่อน จำเลยมิได้มีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้เสียหายจะเป็นหญิงผู้เยาว์อายุ 17 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองของมารดา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้ายและพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 284 และมาตรา 318.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3342/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้ การร่วมกระทำผิด การลดโทษเหมาะสมกับพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ แต่ไม้และอุปกรณ์ทำไม้มีจำนวนเพียงเล็กน้อย โทษที่ศาลชั้นต้นกำหนดมานั้นมากเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรลดลงให้เหมาะสมแก่รูปคดีแม้จำเลยที่ 3 จะมิได้ฎีกา แต่เหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 3 ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืน: จำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง แม้ตรวจพบในรถและบ้าน
คำว่า มีอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครองมีความหมายตามกฎหมายทั่วไป ดังนั้น การตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในรถยนต์และบ้านของจำเลยไม่ได้หมายความว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ได้ความว่า จำเลยได้ให้ น. เพื่อนของจำเลยอยู่อาศัยและจำเลยมอบรถยนต์คันดังกล่าวไว้ให้รับส่งบุตรของจำเลย น.มีอาชีพรับซ่อมอาวุธปืน ดังนั้นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงอาจจะเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ น. รับไว้เพื่อซ่อมก็เป็นได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง.
of 57