พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีหลักฐานกู้ยืม และข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีเช็คจำนวนน้อย ศาลยกฟ้อง
เช็คฉบับที่ 2 ถึงฉบับที่ 5 สั่งจ่ายเงินไม่เกินฉบับละ5,500 บาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับเช็ค ฉบับที่ 2 ถึงฉบับที่ 5และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ แล้วพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง โดยมีผลทำให้ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดที่เกี่ยวกับเช็คฉบับที่ 2 ถึงฉบับที่ 5 คดีในส่วนนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คือ ยกฟ้องโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า จำเลยได้ขอกู้เงินโจทก์ร่วมจำนวน 99,800 บาท โจทก์ร่วมตกลงให้กู้จำเลยได้ออกเช็ค 5 ฉบับ รวมทั้งเช็คพิพาทฉบับที่ 1 มอบให้โจทก์ร่วมพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือของจำเลยมาประกอบ เห็นได้ว่าโจทก์ร่วมให้จำเลยกู้เงินโดยมิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยผู้ยืมไว้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ดังนั้น เมื่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ที่บัญญัติในภายหลังว่า การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป จำเลยซึ่งได้กระทำการเช่นนั้นจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม ป.อ. มาตรา2 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาที่ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาครอบครองอาวุธปืนได้ แม้พบหลักฐาน แต่ไม่ใช่ประเด็นที่โจทก์ต้องการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 จำเลยที่ 1มีอาวุธปืนยาวคาร์ไบน์ ขนาด .30 ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2532เจ้าพนักงานตำรวจยึดอาวุธปืนคาร์ไบน์หมายเลขประจำปืน พร้อมเครื่องกระสุนปืนได้ที่บ้านของจำเลยที่ 1 ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงปืนในกลุ่มบุคคล: ศาลฎีกาวินิจฉัยการกระทำที่เล็งเห็นผลร้าย
การที่จำเลยที่ 2 ใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งมีประมาณ 10 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกใครหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ทั้งกระสุนปืนดังกล่าวถูกแขนขวาของผู้เสียหาย จึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงอาวุธปืนในสถานการณ์วิวาท ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำและผลที่เกิดขึ้น
จำเลยทั้งสามกับพวกผู้เสียหายทะเลาะกันในร้านอาหาร ต่างลุกขึ้นทำท่าจะทำร้ายกัน แล้วจำเลยที่ 2 ชักปืนออกจากเอวยิงไปทางโต๊ะของผู้เสียหายเพียง 1 นัด โดยมิได้ยิงซ้ำทั้งที่มีกระสุนบรรจุอยู่อีก 5 นัด และพอผู้เสียหายกับพวกพากันวิ่งหนีขึ้นชั้นลอย จำเลยที่ 2ก็มิได้ไล่ตามไป ยิงนัดแรกแล้วก็ตามพวกออกจากร้านทันที สาเหตุที่ทะเลาะกันก็ไม่ร้ายแรงถึงกับต้องฆ่ากัน จำเลยที่ 2 น่าจะกระทำเพื่อต้องการข่มอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้นโดยไม่ประสงค์ต่อผลที่จะฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่การที่จำเลยที่ 2 ใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งมีประมาณ 10 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกผู้ใดหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ดังจะเห็นได้จากการยิงในครั้งนี้ทำให้กระสุนปืนถูกแขนขวาของผู้เสียหาย จึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการยิงปืนในที่สาธารณะ แม้ไม่ประสงค์ต่อผล แต่เล็งเห็นผลได้
การที่จำเลยที่ 2 ใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงไปทางกลุ่มผู้เสียหายซึ่งมีประมาณ 10 คน โดยไม่ใยดีว่ากระสุนปืนจะถูกผู้ใดหรือไม่ แม้จะเป็นการยิงเพียงนัดเดียวก็อาจถูกผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องขัดทรัพย์ของผู้เช่าซื้อ แม้ไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หากมีส่วนได้เสียในทรัพย์ที่ถูกยึด
ผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อเครื่องเช็คปั๊มดีเซลมา ขณะมีการยึดทรัพย์ ผู้ร้องยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วน แสดงว่าผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองเครื่องเช็คปั๊มดีเซลและใช้ประโยชน์ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย กล่าวอ้างได้ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ผู้ร้องไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ร้องขัดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผูกพันแม้ไม่มีตราบริษัท เมื่อกรรมการลงนามและมีการชำระเงิน
บริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนไว้ว่า ส.หรืออ. กรรมการคนใดคนหนึ่งลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทจึงผูกพันโจทก์ได้ จำเลยได้ทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างเครื่องอบมะพร้าวผงโดยสัญญาทำในนามของโจทก์และมี ส. กรรมการโจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้ว่าจ้าง จำเลยเป็นผู้นำเครื่องอบมะพร้าวผงไปติดตั้งที่โรงงานของโจทก์ เพื่อใช้ผลิตมะพร้าวผงอันเป็นกิจการของโจทก์และรับเงินค่าติดตั้งจากโจทก์ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นการทำกับโจทก์หาใช่ทำกับ ส. ในนามส่วนตัวไม่ เมื่อจำเลยทำสัญญากับโจทก์ก็ต้องผูกพันตามสัญญา จะอ้างว่าโจทก์ไม่ประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์จึงไม่ผูกพันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้ผู้อื่นขายที่ดินแทน และผลผูกพันของสัญญาจะซื้อขายที่ไม่ทำเป็นหนังสือ
จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินแทน ในวันทำสัญญา โจทก์ได้วางมัดจำไว้ 5,000 บาท จึงเป็นสัญญาจะซื้อขายที่ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 การตั้งตัวแทนของจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 798
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษาและการขอเฉลี่ยทรัพย์ตามคำพิพากษา โดยมีข้อจำกัดด้านระยะเวลา
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง คำสั่งอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษายังคงมีผลต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) การที่บุคคลภายนอกส่งเงินมาตามคำสั่งอายัดชั่วคราวภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เมื่อโจทก์ได้ขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีถึงที่สุดแล้วจึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายนี้หลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่บุคคลภายนอกชำระเงินตามที่อายัดไว้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคห้า จึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์จากการอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นหลังการส่งมอบทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยสั่งอายัดเงินของจำเลยไปยังลูกหนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2529 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2530 ลูกหนี้ส่งเงินต่อศาลตามคำสั่งอายัดคำสั่งอายัดเงินชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังคงมีผลต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์ได้ขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีถึงที่สุดแล้ว จึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามมาตรา 290 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2531 จึงเป็นการยื่นหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ ต้องห้ามตามมาตรา 290 วรรคห้าผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้