พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: การลดหย่อนค่าภาษีสำหรับเครื่องจักรกลที่ใช้ในอุตสาหกรรม
ตามคำฟ้องของโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่า ที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมีเนื้อที่ 4,090.99ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 กับมีเนื้อที่3,870.05 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2531 เพียงแต่โจทก์อ้างว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายควรมีเนื้อที่เพียง 324.56 ตารางเมตร ที่เหลือนอกนั้นเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่น ดังนั้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าว โจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องชำระค่าภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นทั้งหมดในอัตราร้อยละ12.5 ต่อปีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 8 และพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2475 มาตรา 5 และเมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกัน อันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเดียวกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้นการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกันในอัตราเดียวกัน แล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13เจ้าของโรงเรือนจะได้รับประโยชน์ลดค่ารายปีลงเหลือเพียงหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษีโรงเรือนก็ต่อเมื่อเจ้าของโรงเรือนได้ติดตั้งเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าในโรงเรือนและเป็นส่วนควบอันสำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม โมบายออฟฟิศมีเพียงแผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีตอันเป็นส่วนที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์นั้น มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศลำพังแต่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ตามความหมายของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 ไม่มีสิทธิได้ลดค่ารายปีสำหรับเสียภาษีโรงเรือนลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่เป็นฐานติดตรึงกับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งเป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น ไม่ได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วย จึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ไม่มีสิทธิได้ลดค่ารายปีสำหรับเสียภาษีโรงเรือนลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี ห้องปั๊มลมมีสภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลมไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า1 บาน ภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไกที่สนับสนุนการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีตจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลมเท่านั้นไม่ได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้สิ่งของคล้ายโรงเรือน ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ไม่มีสิทธิได้ลดค่ารายปีสำหรับเสียภาษีโรงเรือนลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นสายพาน*ลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึง อยู่ กับพื้นคอนกรีตในที่โล่งไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างไม่ได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่มีสิทธิได้ลดค่ารายปีสำหรับเสียภาษีโรงเรือนลงเหลือหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี โรงคุมสายพาน ลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้าน มีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.0x12 เมตรโครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรงมีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน ใช้เป็นที่แขวนสายพาน ลำเลียงปูนซีเมนต์ด้วยรอกร้อยโซ่ มีมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บสำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จจำหน่าย คาน รอกโซ่ สายพาน ลำเลียงและมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมล้อประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการส่งถ่ายแรงได้ จึงเป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นในโรงเรือนนั้น ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 มาตรา 13 จึงเป็นโรงเรือนที่ต้องลดค่ารายปีสำหรับเสียภาษีโรงเรือนลงเหลือเพียงหนึ่งในสามก่อนคำนวณภาษี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: การพิจารณาโรงเรือนที่มีส่วนควบเป็นเครื่องจักรกลไก
เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกัน อันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเคียงกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้น การที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดิน ที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกัน ในอัตราเดียวกันแล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี จึงเป็นการชอบ โมบายออฟฟิศ มีเพียงแผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงาน ของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีต ผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญ อยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต หาใช่อยู่ที่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่ เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีต อันเป็นส่วนที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ โมบายออฟฟิศ จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ที่จะได้รับลดค่ารายปีลงเหลือ หนึ่งในสาม ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่ เป็นฐานติดตรึง กับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง เป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับ ให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ ห้องปั๊มลมนั้น สภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลม ไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า 1 บานภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไก ที่สนับสนุน การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีต สภาพ ดังกล่าวจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลม เท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้ซึ่งสิ่งของคล้าย โรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึง อยู่กับพื้นคอนกรีตในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่ โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้านมีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.30x12 เมตร โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรง มีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซิเมนต์ ด้วยรอก ร้อย โซ่ มีมอเตอร์ ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บ สำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำหน่ายคานรอก โซ่ สายพานลำเลียงและมอเตอร์ ไฟฟ้าพร้อมล้อ ดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก ในการส่งด้วยแรงได้จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่สำคัญเพื่อใช้ ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้ง ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกจึงถือได้ว่า เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ ที่ลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นใน โรงเรือนนั้น ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13ต้องลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยถึงการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุมีพยานพบเห็นจำเลยที่ 7 กับพวก 2-3 คน ขนของมาอยู่ที่ทาวเฮาส์ ที่เกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้วมีการตรวจพบรอยนิ้วมือและฝ่ามือแฝง ของจำเลยที่ 7 บริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อจับจำเลยที่ 7 ได้เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบบัตร เอ.ที.เอ็ม. ของผู้ตายจากตัวจำเลยที่ 7 ทั้งชั้นสอบสวนจำเลยที่ 7 ก็ให้การรับสารภาพและนำชี้ ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 7 แล้วมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 7 ได้ร่วมกับคนร้ายกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษคดีกัญชา: ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านมนุษยธรรมและปริมาณยาเสพติด
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในข้อหาผลิตและมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายกับข้อหาจำหน่ายกัญชาอันเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ถึงสามกระทง แต่กัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดที่หาได้ไม่ยาก ของกลางมีน้ำหนักเพียง 24.46 กรัม ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะ ของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเป็นหญิงมีสามี สามีมีรายได้ ไม่แน่นอน ต้องเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งอายุมากและเลี้ยงดูบุตร อายุ 2 ปี 1 คน ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรให้โอกาสแก่จำเลย กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรมของกรรมการศึกษา โดยมีเหตุผลจากพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใสของครูใหญ่ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ก่อนเกิดเหตุได้มีผู้บริจาคเงินให้โรงเรียนซึ่งผู้เสียหายเป็นครูใหญ่จำนวนหนึ่ง ผู้เสียหายลงจำนวนเงินไว้ในบัญชีรับบริจาคน้อยกว่าตามที่รับบริจาคมาทั้งไม่มีบัญชีแสดงว่าได้ใช้จ่ายเป็นค่าอะไรจำนวนเท่าใด ไม่เคยทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายของโรงเรียนให้คณะกรรมการศึกษาของโรงเรียนทราบเหมือนครูใหญ่คนก่อน ๆ การกระทำของผู้เสียหายดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการศึกษาของโรงเรียนเข้าใจไปได้ว่าผู้เสียหายไม่สุจริต การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำต่อบุคคลที่สามในทำนองที่ว่าผู้เสียหายทุจริตว่าเบียดบังเอาเงินของโรงเรียนไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ไม่ทำการพัฒนาโรงเรียน จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมผู้เสียหายด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของจำเลยในฐานะกรรมการศึกษาของโรงเรียนย่อมกระทำได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การติชมด้วยความสุจริตและการแสดงความคิดเห็นโดยชอบธรรมของกรรมการศึกษาต่อครูใหญ่เกี่ยวกับการบริหารเงินบริจาค
ก่อนจำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาท ส. ซึ่งเป็นครูใหญ่ได้มีผู้บริจาคเงินให้โรงเรียนเป็นเงิน 4,000 บาท แต่ ส. ลงไว้ในบัญชีรับบริจาคเพียง 1,500 บาท ทั้งไม่มีบัญชีแสดงว่าได้ใช้จ่ายเป็นค่าอะไร จำนวนเท่าใด และ ส. ก็ไม่เคยทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายของโรงเรียนให้คณะกรรมการศึกษาของโรงเรียนได้ทราบเหมือนครูใหญ่คนก่อน ๆ การกระทำของ ส. ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยซึ่งเป็นกรรมการศึกษาของโรงเรียนเข้าใจไปได้ว่าส.ไม่สุจริตการที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่สามว่าส. ครูใหญ่ไม่ดีหลายอย่าง กินเงินโรงเรียน แล้วยังไม่พัฒนาโรงเรียนและว่าต้องการจะเอาครูใหญ่ออกจากโรงเรียน เนื่องจาก ส.โกงกินเงินของโรงเรียนที่ชาวบ้านบริจาคช่วยเหลือให้กับทางโรงเรียนครูใหญ่เป็นคนขี้โกง โกงเงินโรงเรียนไม่ว่ารายได้ใด ๆ ของโรงเรียน ส. จะโกงหมดทุกเรื่อง จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตติชมส. ด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของจำเลยในฐานะกรรมการศึกษาของโรงเรียนย่อมกระทำได้ ไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6551/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์:หน้าที่โจทก์ในการส่งหมายแจ้งและสำเนาคำฟ้อง และผลของการไม่กำหนดระยะเวลา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174ที่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องมีอยู่ 2 กรณี กรณีแรกตามมาตรา 174(1) เป็นการทิ้งฟ้องเพราะโจทก์เพิกเฉยไม่ร้องขอให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีแก่จำเลยตามมาตรา 173 วรรคแรก ซึ่งเป็นคำฟ้องในศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องให้การแก้คดี มิใช่ฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกาที่จำเลยไม่จำต้องแก้คดี กรณีที่สองเป็นเรื่องโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตามมาตรา 174(2) ในกรณีฟ้องอุทธรณ์จำเลยจะยื่นคำแก้อุทธรณ์หรือไม่ก็ได้ จึงไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ส่งหมายและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยเพื่อแก้คดีตามมาตรา 173 ที่จะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174(1)ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์โดยให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ แต่มิได้กำหนดเวลาให้โจทก์นำส่งเมื่อโจทก์มิได้นำส่งจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตามมาตรา 174(2) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6501/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อสินค้าเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไร การประเมินภาษีต้องไม่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
โจทก์กู้เงินจากบริษัทในเครือของผู้ขายในอัตราร้อยละ 90 ของราคาสินค้าเพื่อชำระค่าสินค้า การที่โจทก์มีเงินแล้วไม่ชำระหนี้เงินกู้หรือการที่โจทก์เอาเงินที่มีอยู่ในบริษัทในเครือใช้โดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทน หาทำให้ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ซึ่งเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะของโจทก์มาแต่ต้น กลายเป็นมิใช่รายจ่ายดังกล่าวไม่ โจทก์จึงนำดอกเบี้ยมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ หาใช่รายจ่ายซึ่งต้องห้ามตาม ป.รัษฎากรมาตรา 65 ตรี(13) ไม่และไม่มีกฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินคิดคำนวณหาดอกเบี้ยจากเงินที่โจทก์ให้บริษัทในเครือใช้ในอัตราเท่ากับที่โจทก์ต้องเสียไป แล้วนำมาหักออกจากดอกเบี้ยที่โจทก์ชำระเพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของโจทก์ลดลงและเงินได้สุทธิของโจทก์เพิ่มขึ้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6489/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้สำนักงานสาขาเป็นตัวแทนปฏิบัติตามสัญญา ทำให้สำนักงานสาขาเป็นผู้เสียภาษี
สัญญาให้ใช้สิทธิยินยอมให้โจทก์มีสิทธิผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทผู้ให้สิทธิ และบริษัทดังกล่าวจะให้คำแนะนำในข้อปฏิบัติกรรมวิธีการผลิตสินค้า รวมทั้งการช่วยเหลืออื่น ๆ ตลอดจนส่งผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำโจทก์เป็นครั้งคราว ซึ่งในทางปฏิบัติโจทก์ได้ขอคำแนะนำผ่านสำนักงานสาขาในประเทศไทยของบริษัทดังกล่าว บางครั้งบริษัทดังกล่าวส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำสำนักงานสาขา โจทก์ก็ได้ขอคำแนะนำจากสำนักงานสาขาโดยตรง ดังนี้แม้โจทก์จะทำสัญญาให้ใช้สิทธิกับบริษัทดังกล่าวโดยตรง สำนักงานสาขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสัญญาก็ตาม แต่บริษัทมอบหมายให้สำนักงานสาขาเป็นตัวแทนในการปฏิบัติตามข้อสัญญา คือให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ตรวจสอบยอดขายและการเปลี่ยนแปลงราคาขาย ต้องถือว่าสำนักงานสาขาเป็นนิติบุคคลเดียวกันกับบริษัทดังกล่าวได้กระทำกิจการอันเป็นเหตุให้ได้เงินค่าสิทธิในประเทศสำนักงานสาขาในไทยเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 66 กรณีจึงไม่ใช่เงินได้ของนิติบุคคลต่างประเทศที่มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยตามมาตรา 70 โจทก์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6489/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินค่าสิทธิจากสัญญาให้ใช้สิทธิ หากสำนักงานสาขาเป็นตัวแทนปฏิบัติพันธะตามสัญญา ถือเป็นเงินได้ที่เกิดขึ้นในไทย
สัญญาให้ใช้สิทธิยินยอมให้โจทก์มีสิทธิผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทผู้ให้สิทธิ และบริษัทดังกล่าวจะให้คำแนะนำในข้อปฏิบัติกรรมวิธีการผลิตสินค้า รวมทั้งการช่วยเหลืออื่น ๆ ตลอดจนส่งผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำโจทก์เป็นครั้งคราว ซึ่งในทางปฏิบัติโจทก์ได้ขอคำแนะนำผ่านสำนักงานสาขาในประเทศไทยของบริษัทดังกล่าว บางครั้งบริษัทดังกล่าวส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำสำนักงานสาขา โจทก์ก็ได้ขอคำแนะนำจากสำนักงานสาขาโดยตรงดังนี้แม้โจทก์จะทำสัญญาให้ใช้สิทธิกับบริษัทดังกล่าวโดยตรงสำนักงานสาขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสัญญาก็ตาม แต่บริษัทมอบหมายให้สำนักงานสาขาเป็นตัวแทนในการปฏิบัติตามข้อสัญญา คือให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ตรวจสอบยอดขายและการเปลี่ยนแปลงราคาขาย ต้องถือว่าสำนักงานสาขาเป็นนิติบุคคลเดียวกันกับบริษัทดังกล่าวได้กระทำกิจการอันเป็นเหตุให้ได้เงินค่าสิทธิในประเทศสำนักงานสาขาในไทยเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 66กรณีจึงไม่ใช่เงินได้ของนิติบุคคลต่างประเทศที่มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทยตามมาตรา 70 โจทก์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย.