คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพ็ง เพ็งนิติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5825/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการชำระค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดิน ไม่ถือเป็นเหตุให้สภาพหนี้ไม่เปิดช่องให้โอนได้ จำเลยต้องชำระเพิ่ม
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสองแปลงให้โจทก์และเสียค่าธรรมเนียม ค่าอากร ค่าภาษีเงินได้ตามสัญญาจะซื้อจะขาย หาก ไม่อาจโอนได้ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ การที่เจ้าพนักงานที่ดิน ประเมินราคาที่ดินเพียงแปลงเดียว ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียม ค่าอากร ค่าภาษีเงินได้เป็นเงิน 3,213,280 บาท แต่ราคาที่ดินตาม สัญญาจะซื้อจะขายเป็นเงิน1,525,925 บาท เมื่อหักเงินมัดจำออกแล้ว จำเลยจะได้รับชำระเงินจากโจทก์อีกประมาณ 1,000,000 บาท ไม่พอ ชำระค่าธรรมเนียมในการโอน จำเลยต้องหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมอีก 2,000,000 กว่า บาทการที่จำเลยมีเงินไม่พอชำระค่าธรรมเนียม ค่าอากร ค่าภาษีเงินได้นั้นไม่ใช่เป็นกรณีสภาพแห่งหนี้ไม่เปิด ช่องให้โอนที่ดินให้โจทก์ได้ แต่เป็นกรณีที่จำเลยมีภาระเพิ่มขึ้น ในการที่ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยจะคืนเงินมัดจำ แทนการโอนที่ดินให้โจทก์หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5737/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องภาษีการค้า/บำรุงเทศบาล & ราคาอันแท้จริงของสินค้านำเข้า: การประเมินราคาตามหลักเกณฑ์ศุลกากร
การอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล แม้จะเป็นการเรียกเก็บภาษีต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่กับการเรียกเก็บอากรขาเข้า ก็ไม่มีบทกฎหมายใดสนับสนุนให้อุทธรณ์การประเมินต่อผู้อำนวยการกองวิเคราะห์ราคา กรมศุลกากรผู้จัดเก็บแทนได้ การที่โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อผู้อำนวยการกองดังกล่าว จึงไม่ถือว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 30 แต่ต้องถือว่าในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล โจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินตาม ป.รัษฎากร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล อะไหล่ที่โจทก์นำเข้าเป็นอะไหล่เทียมที่มีคุณภาพ ชนิด และขนาดเหมือนอะไหล่แท้ และมีหมายเลขชิ้นส่วน (PARTNO.) ตรงกัน เมื่อการประเมินราคาของเจ้าพนักงานใช้วิธีนำเอาราคาของอะไหล่แท้แต่ละยี่ห้อที่อะไหล่เทียมของโจทก์จะนำไปใช้กับรถยนต์ตามยี่ห้อของอะไหล่แท้มาเปรียบเทียบ โดยคิดลดจากใบแจ้งราคาหรือบัญชีราคาสินค้าของอะไหล่แท้ ราคาอะไหล่เทียมที่เจ้าพนักงานคิดคำนวณขึ้นจึงเป็นราคาที่ขายได้โดยไม่ขาดทุน อันถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโจทก์กล่าวอ้างว่าราคาที่โจทก์สำแดงไว้เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าราคาที่โจทก์ขายในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด อันพอที่จะพิจารณาให้เห็นได้ว่าราคาที่ขายได้โดยไม่ขาดทุนของโจทก์จะเป็นราคาตามที่โจทก์สำแดงไว้หรือไม่ เมื่อจำเลยไม่ยอมรับราคาที่โจทก์สำแดง กรณีจึงต้องฟังว่าราคาที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินตามหลักเกณฑ์แห่งคำสั่งทั่วไป กรมศุลกากรที่ 28/2527 ซึ่งเจ้าพนักงานของจำเลยได้ถือปฏิบัติเป็นการทั่วไปนั้น เป็นราคาที่โจทก์จะขายได้โดยไม่ขาดทุนอันถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5535/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินคานำเข้า: การพิจารณาจากราคาที่เคยตกลงกันและชนิดสินค้าที่เหมือนกัน
ของรายพิพาทที่โจทก์นำเข้าห่างจากวันที่นำเข้าครั้งก่อน 7 วันซึ่งราคาอันแท้จริงในท้องตลาดยุติกันว่ามีราคาเครื่องละ 177เหรียญสหรัฐฯ ไม่น่าที่ราคาของของที่นำเข้าจะทันได้เปลี่ยนแปลงไปและเมื่อของที่นำเข้ามาเป็นของชนิดเดียวกันจากบริษัทผู้ผลิตขายในต่างประเทศบริษัทเดียวกัน แสดงให้เห็นได้ว่าน่าจะเป็นของที่ผลิตในคราวเดียวกัน เพราะระยะเวลา 7 วัน ไม่น่าจะผลิตของต่างคราวกันเป็นจำนวนมากได้ เป็นไปไม่ได้ว่าเมื่อของนั้นนำเข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว จะมีราคาที่ขายโดยไม่ขาดทุนเท่ากับราคาที่กำหนดไว้ในประเทศของผู้ผลิต ต้องถือว่าราคาของในการนำเข้าคราวก่อนที่โจทก์จำเลยรับกันว่ามีราคาเครื่องละ 177 เหรียญสหรัฐฯนั้นเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5511-5512/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลซ้ำซ้อนเกิน 5 ปี และการประเมินภาษีการค้าเกิน 10 ปี หลังการยื่นแบบแสดงรายการ
เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกโจทก์ครั้งเดียวภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้า และเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าแล้ว โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์ ถือว่าการเรียกตรวจสอบไต่สวนตามหมายเรียกดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว การที่เจ้าพนักงานประเมินมาแจ้งประเมินครั้งที่สองโดยมิได้ออกหมายเรียกมาไต่สวนใหม่ภายในกำหนด 5 ปีนั้นจึงเป็นการประเมินโดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องอ้างว่าเจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มไม่ถูกต้องเพราะโจทก์มิได้มีรายรับจากการค้าเพิ่มการที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าเพราะโจทก์มิใช่ผู้ประกอบการค้าในฐานะผู้ผลิตตามคำสั่งของกรมสรรพากร ที่ ป.4/2527จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้ในคำฟ้อง อันมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง จึงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 24 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 โจทก์ลงลายรับเฉพาะจำนวนที่ได้รับจากลูกช่วงทำไม้หลังจากหักค่าจ้างออกแล้วเป็นการลงรายรับเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรเท่านั้นเจ้าพนักงานคิดคำนวณปริมาตรไม้แล้วปรับปรุงบัญชีรายรับของโจทก์ตามราคาที่ขายตามหลักฐานที่ตรวจสอบได้ไม่เป็นการคำนวณรายรับที่ไม่ถูกต้อง ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีพิพาทโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าโดยแสดงรายรับขาดไปเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของยอดรายรับของโจทก์ที่เจ้าพนักงานตรวจสอบได้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีการค้าของโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดยื่นแบบแสดงรายการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 88 ทวิ(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5394/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดอาญา พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยาน คงมีแต่ ฉ. เบิกความว่าผู้เสียหายได้เล่าให้ฟังว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ผู้เสียหายกับมีคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย และบันทึก การ ชี้ ตัวจำเลยเป็นพยาน ซึ่งล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ไม่อาจฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5366/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสนับสนุนการตั้งโรงงานแปรรูปไม้เถื่อน แม้รับจ้างแต่ทราบถึงการกระทำผิด
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโรงงานที่จำเลยรับจ้างทำการแปรรูปไม้ ตั้งขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของจำเลยถือได้ว่า เป็นความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดฐานตั้ง โรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกเสียภาษีจากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่การค้า/หากำไร สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคำนวณภาษีได้หากเกิดความสำคัญผิด
ตามมาตรา 48(4) แห่ง ป. รัษฎากร ที่กำหนดให้ผู้มีเงินได้ จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือ หากำไรเลือกเสียภาษีเฉพาะเงินได้ประเภทนี้ โดยไม่ต้องนำไป รวมคำนวณภาษีกับเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีตามที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา 48(1) และ (2) ก็ได้นั้น เป็นการให้สิทธิผู้เสียภาษี และมีเจตนารมณ์เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้แก่ผู้มีเงินได้ในประเภทดังกล่าว และสิทธิตามมาตรา 48(4) นี้ ก็มิได้มีข้อจำกัดไว้ว่าจะหมดไปเมื่อใด ดังนั้น จึงต้องถือว่า สิทธิของผู้เสียภาษีคงมีอยู่ตลอดเวลาที่ภาระในการเสียภาษียังมีอยู่ โจทก์มีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งใน ทางการค้าหรือหา กำไร จึงมีสิทธิตามมาตรา 48(4) การที่โจทก์ ยื่นเสียภาษีโดย วิธีรวมคำนวณ ด้วยความเข้าใจผิดเพราะคิดหัก ค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ทำให้จำนวนภาษี ซึ่งคำนวณตามวิธีที่โจทก์ยื่น เสียภาษีขาดไปเป็นจำนวนถึง2,276,397.80 บาท ซึ่งถ้าโจทก์ แยกยื่นเฉพาะเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มุ่งในทาง การค้าหรือหากำไรแล้ว โจทก์จะมีจำนวนภาษีที่ต้องชำระเพิ่มอีกเพียง 98,800.99 บาท เท่านั้น เห็นได้ว่าการที่โจทก์ยื่นเสียภาษี โดยวิธีรวมยื่นนั้นเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดเมื่อภาระหน้าที่ ในการชำระภาษีของโจทก์ยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลง วิธีการยื่นเสียใหม่โดยใช้วิธีการยื่นแยกเฉพาะเงินได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรเพื่อ บรรเทาภาระภาษีตามที่ ประมวลรัษฎากรให้สิทธิไว้ได้ เพราะไม่ทำให้ จำนวนภาษีที่โจทก์จะต้องเสียโดยวิธีแยกยื่นตามมาตรา 48(4)นี้ขาดจำนวนไป การที่เจ้าพนักงานประเมินนำเอาการยื่นรวม ที่โจทก์ยื่นด้วยความสำคัญผิดมาเป็นหลักในการประเมินโดยไม่ให้ โอกาสโจทก์แก้ไขตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายย่อมเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5323/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกเสียภาษีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และการแก้ไขการยื่นภาษีจากความสำคัญผิด
ประมวลรัษฎากร มาตรา 48(4) กำหนดให้ผู้มีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรเลือกเสียภาษีเฉพาะเงินได้ประเภทนี้ โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 48(1)และ (2) ก็ได้นั้น เป็นการให้สิทธิผู้เสียภาษีและมีเจตนารมณ์เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ในประเภทดังกล่าว และสิทธิตามมาตรานี้มิได้มีข้อจำกัดไว้ว่าจะหมดไปเมื่อใด ดังนั้น จึงต้องถือว่าสิทธิของผู้เสียภาษีคงมีอยู่ตลอดเวลาที่ภาระในการเสียภาษียังมีอยู่ โจทก์มีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรจึงมีสิทธิตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 48(4) การที่โจทก์ยื่นเสียภาษีโดยวิธีรวมคำนวณด้วยความเข้าใจผิดเพราะคิดหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายทำให้จำนวนภาษีซึ่งคำนวณตามวิธีที่โจทก์ยื่นเสียภาษีขาดไปเป็นจำนวนถึงสองล้านบาทเศษซึ่งถ้าโจทก์แยกยื่นเฉพาะเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรแล้ว โจทก์จะมีจำนวนภาษีที่ต้องชำระเพิ่มอีกเพียงเก้าหมื่นบาทเศษเท่านั้นเห็นได้ว่าการที่โจทก์ยื่นเสียภาษีโดยวิธีรวมยื่นนั้นเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิด เมื่อภาระหน้าที่ในการชำระภาษีของโจทก์ยังมีอยู่โจทก์จึงมีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการยื่นเสียใหม่โดยใช้วิธีการยื่นแยกเฉพาะเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้เพราะไม่ทำให้จำนวนภาษีที่โจทก์จะต้องเสียขาดจำนวนไป การที่เจ้าพนักงานประเมินนำเอาการยื่นรวมที่โจทก์ยื่นด้วยความสำคัญผิดมาเป็นหลักในการประเมินโดยไม่ให้โอกาสโจทก์แก้ไขตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายย่อมเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละข้อต่อสู้เรื่องรายรับและรายจ่ายต้องห้ามในการประเมินภาษี ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และการไม่อาจพิสูจน์รายจ่ายจริง
โจทก์สละข้อต่อสู้ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับประเด็นการลงยอดรายรับของห้างฯ ผิดพลาด ค่าใช้จ่ายต้องห้ามในการคำนวณกำไรสุทธิ และการหักต้นทุนขายร้อยละ 90 ของรายรับปัญหาดังกล่าวจึงยุติ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องในประเด็นดังกล่าวแม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ปัญหาการประเมินภาษีเกี่ยวกับยอดซื้อและค่าใช้จ่ายต่างจังหวัดว่าเป็นรายจ่ายต้องห้ามหรือไม่ พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้ออะไรจากใครเมื่อใดและได้จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ลูกจ้างของโจทก์จริง ถือได้ว่ายอดซื้อและค่าใช้จ่ายต่างจังหวัดเป็นรายจ่ายที่โจทก์กำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง ต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตาม ป.รัษฎากร มาตรา 65 ตรี(9).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5238/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาเจ้าหนี้และอำนาจขยายเวลาชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องจดทะเบียนในประเทศไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย ถือว่าเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ในราชอาณาจักร แม้กรรมการผู้มีอำนาจของผู้ร้องได้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรชั่วคราวในช่วงเวลาที่กำหนดให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ก็ไม่ทำให้ภูมิลำเนาของผู้ร้องเปลี่ยนไป เจ้าพนักงาน-พิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจขยายกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ให้ผู้ร้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 91
of 54