คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพ็ง เพ็งนิติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3958/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีล้มละลาย: การนับอายุความและการชำระหนี้
หนี้จำนวนแรกศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับ ท. และ ล.ชำระเงินแก่เจ้าหนี้พร้อมดอกเบี้ย โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นต้นไป เมื่อ ท.ชำระเงินจำนวน 107,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ ล. ชำระเงินจำนวน313,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแล้วให้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ ท. และ ล. จำนองไว้ เป็นมูลหนี้อันเป็นสิทธิเรียกร้อง อันตั้งฐานขึ้นโดยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจึงมีอายุความ 10 ปี หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ อายุความย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ คือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2521 เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นระยะเวลาเกิน 10 ปีแล้วจึงขาดอายุความ การที่ ท. และ ล. ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้แก่โจทก์ในวันที่ 15 มีนาคม 2521 และ 19 มิถุนายน 2521 ตามลำดับ เป็นการไถ่ถอนจำนองตามสิทธิที่ระบุไว้ในคำพิพากษา ไม่เกี่ยวกับการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง หนี้จำนองที่สอง ศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับพวกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ทุกวันที่ 15 ของเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2521 เป็นต้นไป หลังจากศาลพิพากษาแล้วมีการผ่อนชำระแก่เจ้าหนี้ 3 งวด แล้วไม่ชำระอีก อายุความเริ่มนับเมื่อผิดนัดงวดที่ 4 คือตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2521เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531 ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังอยู่ในระยะเวลา 10 ปี หนี้จำนวนหลังจึงยังไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3958/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมและการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลมีอายุความ 10 ปีตามป.พ.พ. มาตรา 168 ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลงซึ่งถือว่าผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด อายุความเริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้เป็นต้นไปตามมาตรา 169 เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงถือว่าเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 94(1) เจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3941/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดในคดีภาษีอากร ทำให้สืบพยานหลักฐานไม่ได้ ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางนัดชี้สองสถานวันที่ 14 ธันวาคม 2532โจทก์ได้ทราบล่วงหน้าถึงกำหนดวันนัดชี้สองสถานเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเศษ แต่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 วรรคแรก โจทก์มายื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 โดยอ้างเหตุว่า จำวันที่ที่ศาลนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไปและเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุพยาน ดังนี้ข้ออ้างที่ว่าจำวันที่ที่ศาลนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไป เป็นข้อที่ใคร ๆ ก็อ้างขึ้นมาได้ จึงมิใช่ข้อแก้ตัวอันสมควรแก่เรื่องส่วนข้ออ้างที่ว่าเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุ ก็ปรากฏว่าตามลักษณะของพยานเอกสารที่อ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์รู้อยู่แล้วว่ามีพยานเอกสารนั้น ๆ อยู่ ข้ออ้างของโจทก์ส่วนนี้จึงไม่ตรงต่อความเป็นจริง ดังนั้น ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ จึงมิใช่เหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาแห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรได้ จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ชอบ จำเลยให้การปฏิเสธ หน้าที่นำสืบย่อมตกอยู่แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 พยานหลักฐานที่โจทก์จะนำสืบย่อมต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ถือได้ว่าโจทก์ไม่อาจสืบพยานหลักฐานได้สมดังคำฟ้อง ศาลภาษีอากรกลางสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3941/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าในคดีภาษีอากร ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากเหตุผลไม่สมควร
โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8วรรคแรก โดยอ้างเหตุว่าจำวันนัดชี้สองสถานคลาดเคลื่อนไปและเพิ่งพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะระบุพยานนั้น สำหรับข้ออ้างว่าจำวันนัดผิดมิใช่ข้ออ้างอันสมควรแก่เรื่องตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรส่วนที่อ้างว่าเพิ่งค้นพบเอกสารต่าง ๆ ที่จะขอระบุพยานนั้นเป็นข้ออ้างที่ไม่ตรงต่อความจริง กรณีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8วรรคสี่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณภาษีเงินได้ของลูกจ้าง: วิธีการคำนวณที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เงินได้ที่นายจ้างออกให้เป็นค่าภาษีเงินได้ของลูกจ้าง ก่อนที่จะทราบว่าเป็นเงินได้จำนวนเท่าใด ต้องทราบเสียก่อนว่าลูกจ้างนั้นจะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินของตนเป็นจำนวนเท่าใด และภาษีเงินได้ซึ่งลูกจ้างจะต้องเสีย หากนายจ้างออกให้ก็ต้องนำมารวมกับเงินได้พึงประเมินเดิมของลูกจ้าง เพื่อถือเป็นเงินได้พึงประเมินทั้งสิ้นของลูกจ้างผู้นั้น การที่จำเลยนำเอาจำนวนเงินค่าภาษีเงินได้ที่นายจ้างออกแทนให้นั้นมาคำนวณทุกทอดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จบ อันเป็นการคำนวณภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษีเงินได้ที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้ของ ป.รัษฎากรที่ใช้บังคับในขณะนั้น วิธีการคำนวณของจำเลยจึงไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่า: การขู่ด้วยอาวุธปืนและการกระทำภายหลังเมาสุรา
จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า กูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น ดังนี้ คำพูดของจำเลยขณะที่ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายมีความหมายชัดเจนว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายเมื่อไปถึงกิ่งอำเภอไม่ใช่ยิงในขณะนั้นเป็นการกระทำในลักษณะขู่ผู้เสียหายมากกว่า หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ก็คงใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ต้องใช้อาวุธปืนจี้และมีการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตเช่นนั้น ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และจำเลยกระทำในขณะเมาสุรา การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่า: การขู่ด้วยอาวุธปืนและการเมาสุรา ไม่ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า กูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งอำเภอเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น ดังนี้คำพูดของจำเลยขณะที่ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายมีความหมายชัดเจนว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายเมื่อไปถึงกิ่งอำเภอไม่ใช่ยิงในขณะนั้นเป็นการกระทำในลักษณะขู่ผู้เสียหายมากกว่า หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ต้องใช้อาวุธปืนจี้และมีการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตเช่นนั้น ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และจำเลยกระทำในขณะเมาสุรา การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลเกี่ยวกับการรับฎีกาและการขยายระยะเวลาวางค่าธรรมเนียมศาล จำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาไปยังศาลฎีกาโดยตรง
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาและค่าทนายความที่จะใช้แทนโจทก์ให้แก่จำเลย และต่อมามีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นเป็นคำสั่งศาลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลย หาใช่เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 อย่างเดียวไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 252 จำเลยอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมศาลและคำสั่งไม่รับฎีกา: การอุทธรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา และค่าทนายความที่จะใช้แทนโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 2 ออกไปอีก และต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นคำสั่งศาลที่เกี่ยวเนื่องกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 หาใช่เป็นเรื่องการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 อย่างเดียว แต่อย่างใดไม่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกามายังศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3895/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องไล่เบี้ยผู้ค้ำประกัน - สิทธิไล่เบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 693 ใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ทำสัญญาค้ำประกันการชำระเงินกู้ของจำเลยกับธนาคารไว้ต่อมาจำเลยผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจึงหักบัญชีเงินฝากของโจทก์โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แทนจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ไปแล้ว ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยเพื่อต้นเงินและดอกเบี้ยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 693 กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164.
of 54