พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3481/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขานราคาประมูลที่ไม่ชัดเจนทำให้ผู้เสนอราคาเข้าใจผิด การขายทอดตลาดจึงไม่ชอบ
การที่ผู้แทนผู้ร้องที่ 2 ลงชื่อค้านราคาขาย 3,050,000 บาทในรายงานการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นเหตุผลสนับสนุนให้ฟังได้ว่าผู้แทนผู้ร้องที่ 2 เข้าใจผิดว่าในขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดี ขานราคาประมูลว่า "สามล้านห้า หนึ่ง สามล้านห้า สอง สามล้านห้า สาม"นั้น หมายถึงราคา 3,500,000 บาท นอกจากนี้ปรากฏว่าการให้ราคาประมูลก่อนครั้งสุดท้ายถือราคา 3,000,000 บาท เพิ่มจากราคาครั้งก่อนหน้านั้นถึง 950,000 บาท ย่อมทำให้ผู้แทนผู้ร้องที่ 2เข้าใจได้ว่าผู้ซื้อทรัพย์ประมูลราคา 3,500,000 บาท จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขานราคาไม่ชัดเจน การดำเนินการขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยมิชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สัญญากู้ยืมเงินสำเนาเป็นหลักฐานฟ้องร้องได้เมื่อต้นฉบับไม่อยู่ในการครอบครองของผู้มีหน้าที่นำสืบ
สัญญากู้เงินได้ทำไว้ 2 ฉบับ โดยขณะทำสัญญาได้ใช้กระดาษก๊อปปี้คั่นกลาง ต้นฉบับอยู่ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้กู้ ส่วนฉบับสำเนาอยู่ที่โจทก์ ดังนี้ สำเนาสัญญาไม่ใช่เอกสารปลอม เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยและนำสืบพยานหลักฐานแสดงให้เห็นแล้วว่าต้นฉบับเอกสารนำมาไม่ได้ จึงรับฟังสำเนาสัญญากู้ดังกล่าวได้ตามป.วิ.พ. มาตรา 93(2) เท่ากับโจทก์มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ จึงฟ้องร้องบังคับคดีจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาสำเนาใช้ฟ้องร้องได้ หากต้นฉบับไม่อยู่ในความครอบครองของศาล หรือคู่ความ
โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ 2 ฉบับ โดยใช้กระดาษก๊อปปี้คั่นกลางต้นฉบับอยู่ที่จำเลย ฉบับสำเนาอยู่ที่โจทก์ เมื่อโจทก์นำสืบว่าต้นฉบับสัญญากู้นำมาไม่ได้ จึงรับฟังสัญญาฉบับสำเนาซึ่งอยู่ที่โจทก์ได้ เท่ากับโจทก์มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือฟ้องร้องบังคับคดีจำเลยได้ตามกฎหมายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายเกินกว่าเหตุและไม่สมควร
จำเลยทั้งสองประกอบอาชีพรับราชการ มีเงินเดือนรวมกันเดือนละ14,780 บาท แต่เป็นหนี้โจทก์เพียง 60,000 บาทเศษ เป็นจำนวนไม่มากไม่ปรากฏว่ามีหนี้อื่นอีก หลังจากพ้นกำหนดตามคำบังคับของศาลจังหวัดชัยนาทเพียง 10 กว่าวัน โจทก์ก็ฟ้องขอให้ล้มละลายทันที ควรให้เวลาแก่จำเลยทั้งสองในการรวบรวมเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ คดีมีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันที่ชำระอากรแล้วรับฟังเป็นพยานได้ การอนุญาตชำระอากรระหว่างพิจารณาไม่เป็นเหตุฎีกา
ระหว่างพิจารณาโจทก์ส่งหนังสือค้ำประกันซึ่งติดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนเป็นพยานแต่ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ได้นำไปดำเนินการเสียเงินอากรและเงินเพิ่มอากรโดยชอบแล้วถือว่าหนังสือค้ำประกันเป็นตราสารที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ปัญหาว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์นำเอกสารไปเสียภาษีอากรและเงินเพิ่มโดยมิได้สอบถามจำเลยก่อนเป็นการไม่ชอบ จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ และไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249ประกอบ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3298-3299/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรที่ถูกต้องตามกฎหมาย: การแจ้งยอดเงินที่ชัดเจนและการมีอำนาจฟ้อง
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 88 การแจ้งการประเมินภาษีการค้าต้องทำเป็นหนังสือไปยังผู้ประกอบการค้าระบุโดยชัดแจ้งว่าจะต้องเสียภาษีประเภทอะไร เป็นเงินเท่าใดเพื่อให้ผู้เสียภาษีมีโอกาสตรวจสอบและโต้แย้งโดยการอุทธรณ์การประเมินได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยมีหนังสือแจ้งการประเมินโดยในช่องที่ให้กรอกจำนวนเงินค่าภาษีอากรตามที่ประเมินได้กรอกแต่จำนวนเงินในช่องอากรขาเข้า ส่วนในช่องภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลใส่เครื่องหมายขีดไว้ แสดงว่าไม่มียอดเงินค่าภาษีทั้งสองประเภท ดังกล่าวเช่นนี้ ถือว่าไม่ได้แจ้งยอดเงินที่ประเมินของภาษีการค้า และ ภาษีบำรุงเทศบาล แม้จะปรากฏว่ายอดเงินในช่องอากรขาเข้าจะมี ยอดเงินประเมินของภาษีการค้ากับภาษีบำรุงเทศบาลอยู่ด้วย ก็เป็น การ ประเมินโดยมิชอบ ถือว่าไม่มีการประเมิน ดังนั้น จำเลยจึงไม่มี อำนาจฟ้อง เรียกค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลจากโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการ หักลดหย่อนภาษีได้ หากโจทก์เป็นผู้จ่ายจริง
ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนรถยนต์ เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะของโจทก์ ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่เป็นรายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง อันจักต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตาม ป.รัษฎากร มาตรา 65 ตรี (9).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3235/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิซื้อขายโดยไม่สุจริต: ผู้ร้องไม่ต้องการเอารถคืนแต่ต้องการเงินส่วนที่ขาด จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องคืนของกลาง
จำเลยทำสัญญาซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ร้องโดยมีเงื่อนไขว่าให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของผู้ซื้อเมื่อชำระราคาหมดแล้ว จำเลยชำระค่างวดเป็นเช็คล่วงหน้าทุกงวด แต่เช็ค 7 งวดสุดท้ายถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้ร้องก็ไม่เคยดำเนินคดีอาญากับจำเลยฐานจ่ายเช็คไม่มีเงิน และไม่บอกเลิกสัญญา คงให้จำเลยครอบครองและใช้รถยนต์ของกลางเรื่อยมา แสดงว่าผู้ร้องไม่ต้องการเอารถยนต์ของกลางคืนแต่ประสงค์เพียงให้ได้รับชำระราคาส่วนที่ขาดเท่านั้น หากศาลสั่งคืนผู้ร้องก็ต้องมอบต่อให้จำเลยตามสัญญาซื้อขาย การขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ร้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยเป็นการขอคืนแทนจำเลยผู้กระทำผิด และเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอคืนของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี, การบังคับคดี, และการพิพากษาคดีทรัพย์สิน: ข้อจำกัดการอุทธรณ์และดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิจารณาคดีชั้นร้องขัดทรัพย์ใหม่โดยไม่ไต่สวนและสั่งให้ผู้ร้องนำพยานมาสืบใหม่โดยอนุญาตให้โจทก์ถามค้าน คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226(2) การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงและพิพากษาคดีขัดต่อกฎหมาย เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักคำพยาน จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์บ้านซึ่งปลูกติดอยู่กับที่ดินซึ่งโดยสภาพของบ้านก่อนมีการรื้อถอนย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 100 จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คลองชลประทานสาธารณสมบัติ ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิครอบครอง การกระทำไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ที่พิพาทเป็นส่วนหนี่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364, 365