คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพ็ง เพ็งนิติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากรที่ถูกต้องตามราคาซื้อขายจริง และสิทธิในการอุทธรณ์การประเมินภาษี
โจทก์นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินตาม ป.รัษฎากรด้วย ได้ประเมินราคาสินค้าเพิ่มจากที่โจทก์ได้สำแดงไว้ ทำให้โจทก์ต้องชำระค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งการประเมินตาม ป.รัษฎากร มาตรา 18 วรรคหนึ่ง,30 ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องเกี่ยวกับค่าภาษีการค้าและค่าภาษีบำรุงเทศบาลที่เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งการประเมิน สินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรกำเนิดในประเทศนอร์เวย์มิได้กำเนิดในประเทศสวีเดน โจทก์ได้สำแดงราคา เครื่องหมายการค้าและประเทศกำเนิดสินค้าตามใบขนส่งสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตรงตามที่ปรากฏในใบอินวอยซ์ อันเป็นราคาแท้จริงที่ซื้อขายกันการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินราคาค่าสินค้าและแจ้งให้โจทก์ชำระค่าภาษีอากรเพิ่มโดยเทียบราคาจากสินค้าที่กำเนิดในประเทศสวีเดนจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบเพราะมิใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินเพิ่มภาษีการค้าร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนภาษีการค้าที่ขาดอยู่นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จโดยไม่จำกัดจำนวนไว้มิให้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องการชำระโดยไม่รวมเบี้ยปรับตาม มาตรา 89 เป็นการไม่ชอบด้วยป.รัษฎากร มาตรา 89 ทวิ วรรคสี่ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ยืมที่ไม่สมบูรณ์จากการกรอกข้อความภายหลังโดยไม่ยินยอม
จำเลยลงชื่อในหนังสือสัญญากู้โดยไม่กรอกข้อความ โจทก์ได้กรอกข้อความในหนังสือสัญญากู้นั้นว่าจำเลยกู้ยืมเงิน 60,000 บาท โดยจำเลยไม่ยินยอมสัญญากู้ยืมเงินไม่สมบูรณ์ ดังนี้โจทก์ไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานฟ้องบังคับจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในความผิดฐานมียาเสพติดประเภท 5 ต้องเป็นไปตามอัตราโทษที่สูงกว่า หากมีเจตนาจำหน่าย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 76 วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสน ห้าหมื่นบาท จะลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 วรรคแรก และวางโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้เพียง 5 เดือน จึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหา: อำนาจฟ้องของพนักงานสอบสวน และการใช้สัญญาเป็นหลักฐาน แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์
จำเลยทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของร้อยตำรวจโท ช.ในฐานะที่ร้อยตำรวจโทช. เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เมื่อจำเลยผิดสัญญาประกัน จำเลยก็ต้องรับผิดชอบต่อพนักงานสอบสวนแม้พันตำรวจโท ช. มิได้ทำการสอบสวนหรือร่วมทำการสอบสวนคดีดังกล่าว ตลอดจนมิใช่เป็นคู่สัญญาประกัน แต่พันตำรวจโท ธ. ในฐานะพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงขณะยื่นคำฟ้องก็มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ซึ่งจะต้องบังคับตามมาตรา 104 และมาตรา 118แห่งประมวลรัษฎากร แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหา: พนักงานสอบสวนมีอำนาจฟ้องได้ แม้ไม่ได้ทำการสอบสวนเอง สัญญาไม่ใช่สัญญาค้ำประกัน
จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัว ป. กับพวก ผู้ต้องหาไปจากการควบคุมของร้อยตำรวจโท ช.ในฐานะที่ร้อยตำรวจโทช. เป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงมิได้ทำในฐานะส่วนตัว เมื่อจำเลยผิดสัญญาประกัน จำเลยก็ต้องรับผิดชอบต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้แม้พันตำรวจโท ธ. มิได้ทำการสอบสวนหรือร่วมทำการสอบสวนคดีที่ ป. กับพวกตกเป็นผู้ต้องหา ตลอดจนมิใช่เป็นคู่สัญญาประกันแต่พันตำรวจโท ธ. ในฐานะพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงขณะยื่นคำฟ้อง ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ซึ่งจะต้องบังคับตามมาตรา 104 และมาตรา 118แห่ง ป.รัษฎากร เพราะฉะนั้นสัญญาประกันดังกล่าวแม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของของกลางในคดีพนัน: พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ
จำเลยเป็นเจ้าของและเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ผู้ร้องอ้างว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์เป็นของผู้ร้องก็เพียงแต่อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ไปจากผู้ร้องปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อที่อ้างเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งหากมีสัญญาเช่าซื้อในขณะที่จำเลยถูกจับกุมจำเลยน่าจะนำมาแสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจในชั้นจับกุมหรือสอบสวนการที่จำเลยไม่บอกต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือแสดงสัญญาเช่าซื้อนั้นคงเป็นเพราะจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อไว้ การที่ผู้ร้องนำมาแสดงในภายหลังเพื่อร้องขอของกลางคืน อาจจะทำขึ้นในภายหลังก็เป็นได้ผู้ร้องอ้างตนเองเป็นพยานเพียงปากเดียวไม่มีพยานอื่นเบิกความสนับสนุน และคดีนี้ศาลสั่งริบของกลางเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอคืนของกลาง พยานผู้ร้องจึงเป็นพิรุธไม่น่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางเป็นของผู้ร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่า: นับแต่วันผิดนัดชำระค่าเช่าตามสัญญาเช่า และฟ้องภายใน 5 ปี
การนับอายุความนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169ให้นับเริ่มแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป สัญญาเช่าระบุว่า ผู้เช่าจะต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้าภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ดังนั้น หากผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาดังกล่าว ถือว่าผู้เช่าตกเป็นฝ่ายผิดนัด ผู้ให้เช่าย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องของตนได้ตั้งแต่วันที่ 6 ของเดือนที่ผิดนัดนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 โจทก์ต้องฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าเช่าภายในกำหนดระยะเวลา 5 ปี เมื่อค่าเช่าที่โจทก์จะเรียกเก็บเป็นเดือนสุดท้ายคือวันที่ 5 สิงหาคม 2524 แต่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าในวันที่ 28 สิงหาคม 2529 คดีโจทก์สำหรับค่าเช่าขาดอายุความ เมื่อหนี้ค่าเช่าซึ่งเป็นหนี้ประธานขาดอายุความแล้ว หนี้ที่เป็นเบี้ยปรับของค่าเช่าซึ่งเป็นอุปกรณ์ย่อมขาดอายุความด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 190.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่า: เริ่มนับเมื่อผิดนัดชำระ และฟ้องภายใน 5 ปี
การนับอายุความนั้น ป.พ.พ. มาตรา 169 ให้นับเริ่มแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป เมื่อสัญญาเช่าได้กำหนดให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน หากผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาดังกล่าวก็ถือว่าผู้เช่าตกเป็นฝ่ายผิดนัดผู้ให้เช่าย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องของตนได้ทันที โจทก์บังคับตามสิทธิเรียกร้องของตนได้ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2524 ซึ่งตาม ป.พ.พ.มาตรา 166 โจทก์จะต้องฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าเช่าภายในกำหนดระยะเวลา 5 ปี ค่าเช่าที่โจทก์จะเรียกเก็บเป็นเดือนสุดท้ายคือวันที่ 5 สิงหาคม 2524 แต่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าในวันที่ 28 สิงหาคม 2529 คดีโจทก์สำหรับค่าเช่าจึงขาดอายุความเมื่อหนี้ค่าเช่าซึ่งเป็นหนี้ประธานขาดอายุความ หนี้ที่เป็นเบี้ยปรับซึ่งเป็นอุปกรณ์ก็ขาดอายุความด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 190.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามวินิจฉัย: โต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐาน & เหตุอายุความต่างจากที่กล่าวอ้างในศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า สภาพการเป็นข้าราชการของจำเลยสิ้นสุดลงโดยจำเลยลาออกจากราชการ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ลาออกจากราชการ แต่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการ และอ้างพยานหลักฐานต่าง ๆ ขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เหตุที่จำเลยยกขึ้นอ้างตามฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้นต่างไปจากที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ และอ้างวันเริ่มเกิดสิทธิเรียกร้องอันเป็นวันเริ่มนับอายุความต่างกัน ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยจึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: พิจารณาจากข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และประโยชน์ของกองมรดก
การขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก เพียงแต่บรรยายถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันจำเป็นและสมควรจะต้องมีผู้จัดการมรดกเท่านั้น ส่วนการที่ศาลจะตั้งใครเป็นผู้จัดการมรดกนั้นแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก และภายใต้บังคับบทบัญญัติที่ชี้แนวทางให้ศาลปฏิบัติในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718 ฉะนั้น แม้คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องของผู้ร้องคัดค้านที่ 2 จะมิได้บรรยายว่าผู้คัดค้านที่ 2 ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดกได้ ก็เป็นคำร้องขอที่ชอบ เพราะคำร้องขอเช่นว่านี้ไม่จำต้องบรรยายบทบังคับให้ศาลต้องปฏิบัติไว้ด้วย
of 54