คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชาติศักดิ์ ธรรมศักดิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 212 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2906/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยไม่สุจริตหลังได้รับอนุญาต และภาระการพิสูจน์กรรมสิทธิ์เมื่ออ้างว่าถือแทนทายาท
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยและสามีได้ขออนุญาตปลูกบ้านพิพาทจากโจทก์และเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม แต่โจทก์นำสืบว่า สามีจำเลยได้ขออนุญาต ร. ปลูกบ้านเมื่อประมาณ 30 ปี ก่อนโจทก์เบิกความคดีนี้ ต่อมา ร. ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่บ้านพิพาทปลูกอยู่ให้แก่โจทก์และผู้อื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการนำสืบแตกต่างไปจากฟ้อง เพราะเมื่อ ร.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์และบุคคลอื่นแล้ว การที่จำเลยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทก็เท่ากับโจทก์และเจ้าของร่วมในที่ดินได้อนุญาตให้จำเลยปลูกบ้านอยู่ต่อไปนั่นเอง กฎหมายสันนิษฐานว่าผู้มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดเมื่อจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์และผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลอื่นจำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์ แต่ในทางนำสืบนั้น จำเลยคงมีแต่ตัวจำเลย พ.บุตรสาวของจำเลยและส. มาเบิกความลอย ๆ ว่าร. ถือกรรมสิทธิ์แทนบุคคลอื่น โดยปราศจากพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนจึงมีน้ำหนักน้อย ไม่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยหรือสามีจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในที่พิพาท การที่จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทจึงเป็นการอยู่โดยอาศัยสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอาศัยอยู่ต่อไปและได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้วแต่จำเลยไม่ออกไปจึงเป็นการละเมิดและต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2906/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องรื้อถอนบ้านรุกที่ดิน: การบรรยายฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดบ้าน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยอยู่บ้านเลขที่ 152/6ถนนเจริญนคร แขวงบุคคโลเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บางส่วนในที่ดินโฉนดเลขที่ 1266 และ 3751แขวงบุคคโลเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จำเลยได้อยู่อาศัยในบ้านเลขที่ดังกล่าวโดยปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์ทั้งสองแปลงนี้โดยจำเลยและสามีจำเลยขออนุญาตจากโจทก์และเจ้าของร่วม ต่อมาจำเลยยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาอาศัยในบ้านดังกล่าว โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยก็เพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสถานแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ส่วนบ้านเลขที่ 152/6 เป็นบ้านตึกหรือบ้านไม้ มีความกว้างยาวและเนื้อที่เท่าใดนั้น เป็นรายละเอียดที่ไม่จำต้องบรรยายในฟ้องทั้งจำเลยก็อาศัยในบ้านดังกล่าวย่อมรู้รายละเอียดดังกล่าวได้ดีอยู่แล้ว ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คเพื่อกู้ยืมเงิน ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค หากไม่มีหนี้เดิม
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยขอกู้ยืมเงินผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้ง 2 ฉบับให้ผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายจึงเอาเงินเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวมอบให้จำเลย แสดงให้เห็นว่า ก่อนจำเลยออกเช็คพิพาททั้ง 2 ฉบับให้ผู้เสียหายนั้นจำเลยกับผู้เสียหายมิได้มีหนี้ต่อกัน การออกเช็คของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงให้ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาทำร้ายร่วมกันแม้แบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน
ขณะเกิดการทำร้ายผู้ตายกับพวกในครั้งแรกที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดฟัน พ. จำเลยที่ 2 ก็ถือมีดและอยู่ด้วยในเหตุการณ์ต่อเนื่องกันขณะพวกจำเลยถีบรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายล้มลง แล้วจำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตาย ผู้ตายลุกขึ้นวิ่งหนีโดยมีจำเลยที่ 2วิ่งไล่ตาม จำเลยที่ 1 ก็ถือมีดดาบวิ่งตามไปด้วย พฤติการณ์เช่นนี้เท่ากับจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายผู้ตายกับพวกโดยไม่ได้แบ่งแยกว่าจำเลยทั้งสองกับพวกแต่ละคนจะแบ่งแยกกันทำร้ายผู้ตายกับพวกผู้ตายคนใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองมีเจตนายอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของแต่ละคนเมื่อจำเลยที่ 2 ใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายทำให้เกิดบาดแผลหลายแห่ง ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ร่วมมีบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายคือ ศีรษะบวมโนด้านหลังดั้งจมูกช้ำ หลังมือขวาบวม ไหล่ซ้ายเขียวช้ำ แขนซ้ายท่อนล่างเขียวช้ำ หลังมือซ้ายเขียวช้ำ ชายโครงซ้ายเขียวช้ำ ศีรษะข้างขวาบวมจากลักษณะบาดแผลของโจทก์ร่วมดังกล่าว แม้จะเป็นเพียงบาดแผลและเขียวช้ำ แต่ก็มีบาดแผลถึง 8 แห่ง และแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลมีความเห็นว่า บาดแผลดังกล่าวเกิดเพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้เส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดที่ใหญ่กว่าเส้นเลือดฝอยแตกต้องใช้เวลารักษาประมาณ 10 ถึง 15 วัน จึงจะหายเป็นปกติ ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดที่ดินและการเพิกถอน หากราคาประเมินต่ำกว่าตลาดและชำระหนี้ได้ ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริง
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 3 จำนวน2 แปลง จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่าที่ดินแปลงที่ 2 มีราคาเพียงพอชำระหนี้ ขอให้ระงับการขายที่ดินแปลงที่ 1 กับอ้างว่าการประเมินราคาและการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงต่ำกว่าราคาท้องตลาดทำให้จำเลยที่ 3 เสียหาย หากเป็นจริงก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของ จำเลยที่ 3 เสียก่อนที่จะพิจารณาสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2491/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิในที่ดินพิพาท
จำเลยที่ 1 ให้การไว้ว่าโจทก์ซื้อที่ดินจาก จ. โดยไม่สุจริตศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์หรือจำเลยที่ 1 ใครมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่ากัน ถือว่าเป็นการกำหนดครอบคลุมถึงประเด็นที่ว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ด้วย โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดจาก จ. โดยจดทะเบียนถูกต้อง ก่อนซื้อจ. บอกว่าได้ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาท และโจทก์ก็เห็นจำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมากว่า 10 ปี แต่โจทก์ไม่ได้สอบถามจำเลยที่ 1 ว่าอาศัย จ. อยู่ในที่พิพาทจริงหรือไม่ถือว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาจาก จ. โดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1ย่อมยกการครอบครองปรปักษ์ที่พิพาทขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการใช้สิทธิทางศาลเพื่อจัดการพรรคการเมืองเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง สมาชิกพรรคไม่มีอำนาจฟ้อง
การใช้สิทธิทางศาลที่อ้างว่า หัวหน้าพรรคการเมืองจัดให้พรรคการเมืองกระทำการใด ๆ อันมิชอบนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะดำเนินการโดยเฉพาะ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2524 มาตรา 34 และมาตรา 48 ประกอบมาตรา 37หาได้มีบทบัญญัติใน พ.ร.บ. ดังกล่าวให้อำนาจสมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธินั้นไม่ การที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองจำเลยที่ 1 นำข้อบังคับใหม่ซึ่งยังไม่ได้จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ไปดำเนินการบังคับใช้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค อันเป็นการนำข้อบังคับที่มิชอบด้วยกฎหมายมาใช้บังคับแก่สมาชิกพรรคนั้น ตราบใดที่โจทก์ทั้งหกยังไม่ได้ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1 ใหม่จึงเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันในทางความคิดเท่านั้น กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมาชิกพรรคไม่มีอำนาจฟ้องคดีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค เหตุอำนาจอยู่ที่นายทะเบียนและศาลฎีกา
ตามฟ้องโจทก์ทั้งหกอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นพรรคการเมือง โจทก์ทั้งหกเป็นสมาชิกพรรคจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สมาชิกพรรคทั่วประเทศเพื่อพิจารณาความเห็นในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับของพรรคเสียใหม่ เมื่อมีการแก้ไขบังคับใหม่แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้นำข้อบังคับใหม่ไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่กลับนำมาดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทันทีในวันเดียวกันนั้น อันเป็นการนำข้อบังคับที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาใช้บังคับแก่สมาชิกพรรค การกระทำของจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์ทั้งหกและสมาชิกพรรคได้รับความเสียหายนั้นในข้อที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิทางศาลกรณีมีการอ้างว่าหัวหน้าพรรคการเมืองจัดให้พรรคการเมืองกระทำการใด ๆ ที่มิชอบนั้น พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะดำเนินการโดยเฉพาะ โดยตามมาตรา 34นายทะเบียนมีอำนาจเตือนเป็นหนังสือให้หัวหน้าพรรคการเมืองระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำเช่นนั้น และหากหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ปฏิบัติ นายทะเบียนอาจยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลฎีกามีคำสั่งระงับหรือจัดการแก้ไขการกระทำนั้นหรือให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกจากตำแหน่งได้ และตามมาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 หากการกระทำรุนแรงถึงขนาด นายทะเบียนอาจแจ้งต่ออธิบดีกรมอัยการให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกามีคำสั่งยุบเลิกพรรคการเมืองเสียได้ หาได้มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524 ที่บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธิทางศาลไม่โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1ตามข้อบังคับใหม่ปี 2530 เป็นโมฆะส่วนในข้อที่ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกตามกฎหมายแพ่งหรือไม่นั้น ตราบใดที่โจทก์ทั้งหกยังไม่ได้ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคจำเลยที่ 1 ใหม่ สิทธิและหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกมีอยู่อย่างไรก็มีอยู่อย่างนั้น ข้ออ้างตามฟ้องที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคจำเลยที่ 1 ดำเนินการประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคโดยมิชอบ จึงเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันในทางความคิดเท่านั้น กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกตามกฎหมายแพ่ง โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของสมาชิกพรรคการเมือง: สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับเฉพาะเจาะจง
ไม่มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524ที่บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธิทางศาลได้ โจทก์ในฐานะสมาชิกพรรคจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับใหม่เป็นโมฆะและตราบใดที่โจทก์ยังไม่ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่สิทธิและหน้าที่ของโจทก์มีอยู่อย่างไร ก็มีอยู่อย่างนั้น ข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคดำเนินการประชุมเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคโดยมิชอบนั้น เป็นเพียงความขัดแย้งกันในทางความคิด กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 22