พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้แรงงานเด็ก: นายจ้างต้องรู้ถึงอายุที่แท้จริงจึงมีความผิด
ความผิดฐานรับเด็กอายุต่ำกว่า13ปีบริบูรณ์เป็นลูกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน(ฉบับที่12)ข้อ20ซึ่งออกตามความในข้อ2(3)แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่103นั้นโจทก์ต้องนำสืบให้เห็นว่าบุคคลที่เป็นนายจ้างรู้ว่าเด็กที่ตนรับเป็นลูกจ้างนั้นมีอายุต่ำกว่า13ปีบริบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้แรงงานเด็ก: นายจ้างต้องรู้ว่าลูกจ้างอายุต่ำกว่า 13 ปี
การที่นายจ้างจะมีความผิดฐานรับเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปีบริบูรณ์เข้าทำงานอันเป็นการใช้แรงงานเด็ก ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 10) ข้อ 20 ซึ่งออกตามความในข้อ 2 (3) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ต้องได้ความว่านายจ้างรู้ว่าเด็กที่ตนรับเป็นลูกจ้างอายุต่ำกว่า 13 ปีบริบูรณ์ ซึ่งโจทก์จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่านายจ้างผู้รับเด็กเข้าทำงานรู้เช่นนั้น เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ นายจ้างก็ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรู้ตัวผู้รับผิดชอบและอายุความในคดีละเมิด: การย้อนสำนวนเพื่อพิจารณาความรับผิดของจำเลยที่ 2
คณะกรรมการสอบสวนซึ่งโจทก์ที่ 2 แต่งตั้งให้สอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบ ได้ทำการสอบสวนและรายงานผลการสอบสวนต่อผู้แทนของโจทก์ที่ 2สรุปว่า จำเลยที่ 1 เท่านั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการละเมิด จึงจะถือว่าโจทก์ที่ 2รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยที่ 2 ผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่วันดังกล่าวหาได้ไม่ แต่ถือว่าโจทก์ทั้งสองรู้ตัวจำเลยที่ 2 ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เมื่อกรมอัยการมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบว่า สมควรจะฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดชอบร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่ทราบหนังสือของกรมอัยการดังกล่าว คดีสำหรับจำเลยที่ 2จึงไม่ขาดอายุความ
ปัญหาว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดฐานละเมิดหรือไม่ เพียงใดนั้น ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัย เพื่อให้คดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ทั้งผลการวินิจฉัยของศาลล่างอาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิในการฎีกาของคู่ความ ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาปัญหาดังกล่าว
ปัญหาว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดฐานละเมิดหรือไม่ เพียงใดนั้น ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัย เพื่อให้คดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ทั้งผลการวินิจฉัยของศาลล่างอาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิในการฎีกาของคู่ความ ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาปัญหาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับเมื่อใด? ศาลฎีกาย้อนสำนวนให้พิจารณาความรับผิดของจำเลยที่ 2
คณะกรรมการสอบสวนซึ่งโจทก์ที่2แต่งตั้งให้สอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบได้ทำการสอบสวนและรายงานผลการสอบสวนต่อผู้แทนของโจทก์ที่2สรุปว่าจำเลยที่1เท่านั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการละเมิดจึงจะถือว่าโจทก์ที่2รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยที่2ผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่วันดังกล่าวหาได้ไม่แต่ถือว่าโจทก์ทั้งสองรู้ตัวจำเลยที่2ผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อกรมอัยการมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบว่าสมควรจะฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่2รับผิดชอบร่วมกับจำเลยที่1ด้วยเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีภายใน1ปีนับแต่ทราบหนังสือของกรมอัยการดังกล่าวคดีสำหรับจำเลยที่2จึงไม่ขาดอายุความ ปัญหาว่าจำเลยที่2ต้องรับผิดฐานละเมิดหรือไม่เพียงใดนั้นศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยเพื่อให้คดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาลทั้งผลการวินิจฉัยของศาลล่างอาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิในการฎีกาของคู่ความศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาปัญหาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก: ศาลพิจารณาประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกเป็นหลัก แม้ผู้คัดค้านใกล้ชิดผู้ตายแต่ไม่ได้หมายความเหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว
การตั้งผู้จัดการมรดกศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสมประกอบกับพฤติการณ์ที่จะให้ประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกการที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ตายไม่ทราบว่ามีทรัพย์มรดกอะไรบ้างทั้งไม่ทราบเจตนาของผู้ตายว่าประสงค์จะยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดส่วนผู้คัดค้านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตายรู้ว่าทรัพย์มรดกอยู่แห่งใดและทราบความประสงค์ของผู้ตายว่าต้องการยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดนั้นไม่ใช่เหตุผลที่แสดงถึงความเหมาะสมที่ผู้คัดค้านจะเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียวผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดกการให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้จัดการมรดกร่วมกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่าตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้นคดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตายการที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดแก่ทายาทและกองมรดก
การตั้งผู้จัดการมรดกศาลย่อมใช้ดุลพินิจคำนึงถึงความเหมาะสมประกอบกับพฤติการณ์ที่จะให้ประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดก การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย ไม่ทราบว่ามีทรัพย์มรดกอะไรบ้าง ทั้งไม่ทราบเจตนาของผู้ตายว่าประสงค์จะยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใด ส่วนผู้คัดค้านอยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย รู้ว่าทรัพย์มรดกอยู่แห่งใดและทราบความประสงค์ของผู้ตายว่าต้องการยกทรัพย์มรดกส่วนใดให้แก่ผู้ใดนั้น ไม่ใช่เหตุผลที่แสดงถึงความเหมาะสมที่ผู้คัดค้านจะเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามกฎหมายที่จะเป็นผู้จัดการมรดก การให้ผู้ร้องและผู้คัดด้านได้จัดการมรดกร่วมกันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทายาทและกองมรดกมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่า ตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น คดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตาย การที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็อ้างว่า ตนสมควรเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และขอให้ศาลตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น คดีไม่มีประเด็นว่าทรัพย์สินใดเป็นมรดกของผู้ตาย การที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่มรดกของผู้ตายจึงเป็นเรื่องนอกเหนือจากคำขอและนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์ชั่วคราวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาคดี ไม่เข้าข่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ร้องมีสิทธิถอนเงินประกันได้ทันที
การที่ศาลออกหมายอายัดชั่วคราวไปยังเจ้าพนักงานที่ดินและจำเลยทั้งสองตามที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองโอนขายยักย้ายหรือจำหน่ายที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)เป็นเพียงการสั่งห้ามชั่วคราวยังไม่มีกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ามาอายัดที่ดินพิพาทไม่อยู่ในบังคับของตาราง5ที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีโจทก์จึงมีสิทธิถอนเงินประกันค่าเสียหายที่วางไว้ได้ทันทีเมื่อศาลมีคำสั่งถอนหมายอายัดชั่วคราวซึ่งมีผลเท่ากับถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ครูทุจริตวัสดุราชการจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา
จำเลยทั้งสองเป็นข้าราชการครูได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค ร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. จึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัย ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเมื่อจำเลยทั้งสองให้ ก. นำเหล็กวัสดุที่เหลือใช้ไปเก็บไว้ที่ร้านของ ก. และให้ ก. เอาวัสดุดังกล่าวไปเสียเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการครูทุจริตวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง เสียหายต่อกรมอาชีวศึกษา
จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย-เทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิคร. จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้าง ปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจ อันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหาย แก่กรมอาชีวศึกษา และเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิด ป.อ. มาตรา 157
จำเลยรับราชการครู หน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ การได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส. งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขาย ก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มาก พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรง จำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย
จำเลยรับราชการครู หน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ การได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส. งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขาย ก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มาก พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรง จำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ครูทุจริตวัสดุราชการ (เหล็กไลท์เกจ) คดีถึงฎีกา ศาลลดโทษปรับรอการลงโทษ
จำเลยเป็นข้าราชการครูมีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิค ร.จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจอันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมอาชีวศึกษาและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 จำเลยรับราชการครูหน้าที่หลักคือการสอนหนังสือการได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส.งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีการที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขายก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มากพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรงจำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย