คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยุทธ ธารีสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการครูทุจริตวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง เสียหายต่อกรมอาชีวศึกษา
จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย-เทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงานราชการของวิทยาลัยเทคนิคร. จำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้าง ปรับปรุงต่อเติมอาคารวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ดูแลรักษาวัสดุที่เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจ อันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแลรับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไว้ที่ร้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหาย แก่กรมอาชีวศึกษา และเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิด ป.อ. มาตรา 157
จำเลยรับราชการครู หน้าที่หลักคือการสอนหนังสือ การได้รับแต่งตั้งจากผู้บังคับบัญชาให้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ราชการพิเศษในการควบคุมการก่อสร้างต่อเติมอาคารวิทยาอาชีวศึกษา ส. งานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี การที่จำเลยทุจริตร่วมกันเอาเหล็กไลท์เกจไปขาย ก็เป็นเหล็กที่เหลือจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและมีราคาไม่มาก พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดจึงไม่ร้ายแรง จำเลยรับราชการโดยไม่มีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพ้นโทษตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์: 'พ้นโทษ' หมายถึงโทษจำคุกที่ได้รับจริง ไม่รวมรอการลงโทษ
คำว่า พ้นโทษ ซึ่งจะวางโทษทวีคูณได้ตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521มาตรา45นั้นหมายความถึงพ้นโทษจำคุกที่จำเลยได้รับจริงๆไม่หมายความรวมถึง รอการลงโทษจำคุกและปรับในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพ้นโทษทางลิขสิทธิ์: โทษจำคุกที่รอการลงโทษไม่ถือเป็น 'พ้นโทษ' เพื่อวางโทษทวีคูณ
คำว่าพ้นโทษซึ่งจะวางโทษทวีคูณได้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2521มาตรา55คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนศาลลงโทษจำคุกและปรับแต่รอการลงโทษจำคุกไว้จำเลยจึงไม่ได้รับโทษจำคุกจริงๆหรืออีกนัยหนึ่งโทษจำคุกที่รอไว้ไม่ใช่โทษจำคุกที่จำเลยได้รับจริงแม้จะพ้นโทษปรับแต่คดีก่อนมีทั้งรอการลงโทษจำคุกและปรับถือไม่ได้ว่ามีการพ้นโทษจำคุกจึงวางโทษจำเลยทวีคูณตามมาตรา45ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกกับการกระทำผิดซ้ำในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ถือว่าพ้นโทษจำคุก จึงไม่สามารถเพิ่มโทษทวีคูณได้
คดีก่อนศาลลงโทษจำเลยฐานละเมิดลิขสิทธิ์ โดยลงโทษปรับและจำคุก แต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ต่อมาขณะที่ยังไม่พ้นกำหนด 2 ปีดังกล่าว จำเลยกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำเลยจะพ้นโทษปรับ แต่คดีก่อนมีทั้งโทษปรับและรอการลงโทษจำคุก ถือไม่ได้ว่ามีการพ้นโทษจำคุก กรณีจึงวางโทษจำเลยทวีคูณตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2521มาตรา 45 ไม่ได้
(เทียบ ฎ.3076/2523 (ป.) และ ฎ.4272/2531)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ ไม่รับไต่สวนฐานะยากจนซ้ำ และไม่เปลี่ยนแปลงดุลพินิจเรื่องขยายเวลาค่าธรรมเนียม
ในการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่1ที่ยื่นครั้งแรกศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่1มิใช่เป็นคนยากจนพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้จำเลยที่1มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่1นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนแต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ว่าจำเลยที่1เป็นคนยากจนนั้นปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุอันเดียวกับที่ได้อ้างและศาลชั้นต้นไต่สวนไว้เดิมแล้วไม่มีเหตุที่พอจะหักล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ถึงแม้จำเลยที่1จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดก็ไม่พอที่จะแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยที่1นอกเหนือไปจากเดิมที่ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่1แล้วมีคำสั่งใหม่ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1ที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค2มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่1ชอบแล้วเป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค2ซึ่งยกอุทธรณ์ของจำเลยที่1ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่1ในชั้นอุทธรณ์ใหม่และเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค2สั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ในฐานะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค2โดยเฉพาะศาลฎีกาไม่พึงก้าวล่วงเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค2ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายและการไม่รับอุทธรณ์จากฐานะยากจน
ในการไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ที่ยื่นครั้งแรก ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 มิใช่เป็นคนยากจน พอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น คงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนยากจนนั้น ปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุอันเดียวกับที่ได้อ้างและศาลชั้นต้นไต่สวนไว้เดิมแล้ว ไม่มีเหตุที่พอจะหักล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นได้ ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใดก็ไม่พอที่จะแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยที่ 1 นอกเหนือไปจากเดิมที่ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่าที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องและไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว เป็นเรื่องต่อเนื่องกันกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ในชั้นอุทธรณ์ใหม่ และเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ในฐานะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่พึงก้าวล่วงเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยการพิจารณาคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิและฟ้องร้องได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวต่อจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าว เวลาล่วงเลยมา 2 ปีเศษ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พิจารณาคำร้องของโจทก์ตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด การที่จำเลยจะต้องส่งคำร้องไปให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรตรวจสอบก่อนตามระเบียบ ก็เป็นเรื่องภายในของจำเลย การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึง 2 ปีเศษ โดยไม่ได้ดำเนินการอย่างใดในเรื่องนี้นั้น เป็นการชี้ชัดให้เห็นถึงความละเลยเพิกเฉยไม่ติดตามดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนและเสียหายแก่โจทก์ ถือได้โดยปริยายว่าจำเลยปฏิเสธที่จะออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์มีอำนาจฟ้อง
ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว พ.ศ.2493เป็นเพียงบทบังคับให้ผู้เสียสัญชาติไทยต้องไปร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากนายทะเบียนท้องที่ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าตนได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทย มิฉะนั้นจะต้องมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาตามมาตรา 21 เท่านั้นการร้องขอเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวมิได้ทำให้เสียสิทธิอันมีอยู่แล้วแต่อย่างใด โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยหน้าที่นายทะเบียนคนต่างด้าว, การปฏิเสธโดยปริยาย, สิทธิในการขอใบสำคัญ
โจทก์ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวต่อจำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวเวลาล่วงเลยมา2ปีเศษแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พิจารณาคำร้องของโจทก์ตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใดการที่จำเลยจะต้องส่งคำร้องไปให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรตรวจสอบก่อนตามระเบียบก็เป็นเรื่องภายในของจำเลยการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึง2ปีเศษโดยไม่ได้คัดค้านดำเนินการอย่างใดในเรื่องนี้นั้นเป็นการชี้ชัดให้เห็นถึงความละเลยเพิกเฉยไม่ติดตามดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนและเสียหายแก่โจทก์ถือได้โดยปริยายว่าจำเลยปฏิเสธที่จะออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์มีอำนาจฟ้อง ตามมาตรา8แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนคนต่างด้าวพ.ศ.2493เป็นเพียงบทบังคับให้ผู้เสียสัญชาติไทยต้องไปร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากนายทะเบียนท้องที่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รู้หรือควรรู้ว่าตนได้เสียไปซึ่งสัญชาติไทยมิฉะนั้นจะต้องมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาตามมาตรา21เท่านั้นการ้องขอเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวมิได้ทำให้เสียสิทธิอันมีอยู่แล้วแต่อย่างใดโจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ: จำเลยต้องทราบการฟ้องและมีเจตนาไม่ยื่น
คำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยนั้น จำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัด การพิจารณาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องตามหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตยื่นคำให้การและการไต่สวนข้อเท็จจริงว่าจำเลยทราบการถูกฟ้องหรือไม่ ศาลต้องไต่สวนก่อน
การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยจำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัดนั้นยังไม่พอฟังว่าจำเลยจงใจจะไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดก่อนจึงไม่ชอบและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งก็เป็นการไม่ชอบเช่นกัน
of 94