คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยุทธ ธารีสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองก่อนเป็นป่าสงวนฯ และอำนาจศาลสั่งขับไล่ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ
จำเลยที่ 1 เข้ายึดถือที่พิพาทก่อนที่ทางราชการจะกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีเจตนากระทำผิด คำขอให้จำเลยที่ 1 และบริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ยึดถือครอบครองเป็นคำขอในวิธีการอุปกรณ์ของโทษ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคท้าย เมื่อศาลมิได้พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามบทมาตราดังกล่าว ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งตามที่โจทก์ขอได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 1 ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1693/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดเล่นบิลเลียดในสมาคมเพื่อความรื่นเริงโดยเก็บค่าเกมส์ตามสมควร ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน
จำเลยที่ 1 เป็นสมาคมได้จัดตั้งโต๊ะบิลเลียดเพียง4 โต๊ะโดยจำเลยที่ 1 เก็บเงินค่าเกมส์ จากผู้เล่นในอัตราชั่วโมงละ 60 บาทต่อหนึ่งโต๊ะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นค่าเกมส์ตามสมควร และไม่ปรากฏว่ามีการพนันเอาทรัพย์สินกันจึงเป็นการจัดขึ้นเพื่อความรื่นเริงในสมาคม การจัดให้มีการเล่นในสมาคมของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องมีใบอนุญาตตามกฎกระทรวงฉบับที่ 17 พ.ศ. 2503 ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 18(พ.ศ. 2504) ข้อ 5 ส่วนการที่จำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์จะไม่จัดตั้งโต๊ะบิลเลียดไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้นแต่กลับมาจัดตั้งโต๊ะบิลเลียดดังกล่าวก็เป็นเพียงฝ่าฝืนกฎหมายอื่นเท่านั้น หาเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสันนิษฐานทางกฎหมายยาเสพติด: ครอบครองเกิน 20 กรัม ถือมีไว้เพื่อจำหน่าย
ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่าการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายบทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักถึง236.8 กรัม ไว้ในครอบครองเช่นนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว โจทก์ไม่จำต้องนำพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาที่จะมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของเจ้าของรถแท็กซี่ต่อการกระทำละเมิดของคนขับที่ได้รับอนุญาตให้เช่ารถและวิ่งรับส่งผู้โดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
จำเลยที่ 2 เป็น เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ ได้นำรถแท็กซี่ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อนแล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของตัวแทนและเจ้าของรถ กรณีรถแท็กซี่ทำละเมิด
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า รถแท็กซี่คันที่เกิดเหตุเป็นรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3878กรุงเทพมหานครของอ. น้องชายจำเลยที่ 2 ไม่ใช่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 จึงเป็นการฟ้องผิดตัวนั้น ปรากฏว่า ในข้อนี้จำเลยที่ 2 ให้การเพียงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นเจ้าของรถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร เท่านั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า รถแท็กซี่คันเกิดเหตุไม่ใช่คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้องข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่นอกเหนือไปจากข้อต่อสู้ตามคำให้การของจำเลยที่ 2 เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถแท็กซี่ ได้นำรถแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน 1ท-3787 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2 ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อน แล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงในความผิดฐานใช้ผู้อื่นลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีในความผิดฐานใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,84 ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารกับใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,268,83 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอม 2 กระทงจำคุกกระทงละ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม 4 กระทง แต่ยังคงจำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยโดยลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองชอบด้วยกฎหมายของผู้รับจำนองเหนือทรัพย์สินที่จำหน่ายภายหลังการจดจำนอง
จำเลยเพิ่งซื้อที่ดินและบ้านพิพาทจาก ณ. และเข้าครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทภายหลังจากที่โจทก์ได้รับจำนองที่ดินและบ้านพิพาทไว้จาก ณ. แล้วโจทก์จึงได้สิทธิจำนองในที่ดินและบ้านพิพาทโดยชอบและมีสิทธิบังคับจำเลยให้ชำระหนี้จำนองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำความผิดชิงทรัพย์ ข่มขืนใจ และการยอมความที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยกระทำผิดไปด้วยอารมณ์โกรธแค้นที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดโดยมิได้มุ่งประสงค์ต่อผลในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริง จึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาในการที่จะมุ่งกระทำการลักเข็มขัดของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แต่การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายให้ส่งเข็มขัดให้ย่อมเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำตามที่จำเลยประสงค์ โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก ผู้เสียหายเบิกความและยื่นคำร้องฝ่ายเดียวต่อศาลว่าการกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะทำการชิงทรัพย์เพราะเป็นการเข้าใจผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์และจำเลยเป็นนักศึกษา ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความใด ๆ กับจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความแต่พอถือได้ว่าเป็นคำแถลงที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและขอให้ศาลปราณีเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาชิงทรัพย์: การกระทำด้วยอารมณ์โกรธแค้น ไม่เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นการข่มขืนใจ
จำเลยกับผู้เสียหายเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน นักศึกษาของสถาบันทั้งสองเคยมีเรื่องวิวาทชกต่อยกันเป็นประจำ จำเลยเคยถูกนักศึกษาสถาบันเดียวกับผู้เสียหายทำร้ายด้วยมีดได้รับบาดเจ็บ และเคยถูกถีบตกลงจากรถยนต์โดยสาร การที่จำเลยกระชากคอเสื้อและพูดขู่ผู้เสียหายให้ถอดเข็มขัดของผู้เสียหายให้จำเลยเมื่อพบกันในศูนย์การค้าโดยเข็มขัดดังกล่าวมีหัวเข็มขัดที่นักศึกษาสถาบันการศึกษาของผู้เสียหายใช้เท่านั้น และมีราคาเพียง 30 บาท ซึ่งจำเลยไม่สามารถนำไปใช้หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินได้ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น มิได้ประสงค์ต่อผลในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริงจึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาลักทรัพย์ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แต่การที่จำเลยขู่เข็ญให้ผู้เสียหายส่งเข็มขัดให้แก่จำเลย เป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำตามที่จำเลยประสงค์ โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเสรีภาพตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยข้อหาชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดินอันไม่อาจยอมความได้ การที่ผู้เสียหายเบิกความและยื่นคำร้องแต่ฝ่ายเดียวว่า การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะชิงทรัพย์ เพราะเป็นการเข้าใจผิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจำเลยเป็นนักศึกษาอยู่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลย ถือได้แต่เพียงว่าเป็นคำแถลงที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและขอให้ศาลปรานีจำเลยเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยยอมความกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณค่าเสียหายจากการซ่อมแซมรถไฟ: พิจารณาจากสภาพความเสียหายจริง ไม่ใช้สถิติโดยอัตโนมัติ
การซ่อมแซมความเสียหายของรถไฟในแต่ละขบวน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงาน และค่าควบคุมมากน้อยเพียงใด น่าจะต้องขึ้นอยู่กับสภาพของความเสียหายและความยากง่ายในการซ่อมแซมการนำเอาสถิติของค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมรถไฟขบวนอื่นมาใช้ในการคิดคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมแซมรถไฟของโจทก์ขบวนที่เกิดเหตุถูกรถยนต์ของจำเลยชนอาจไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและตามคำพยานของโจทก์ไม่แน่ชัดว่าโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่กล่าว คิดเป็นเงินจำนวนเท่าใด จึงเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายอันเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงานและค่าควบคุมให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง
of 94