พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพ.ร.บ.ศุลกากรจากการรับและขนย้ายยางแผ่นหลีกเลี่ยงภาษี และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยได้รับยางแผ่นของกลางไว้ แล้วช่วยพาเอาไปเสียหรือช่วยซ่อนเร้น โดยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้าในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ จำเลยใช้รถยนต์ของกลางพาเอายางแผ่นของกลางไปถือได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งในกรณีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา27 ทวิ นี้พระราชบัญญัติศุลกากรไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดไว้ จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้ในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับในสัญญาจะซื้อขาย: สิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมจากเบี้ยปรับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยมีข้อตกลงว่าถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้โจทก์ฟ้องศาลบังคับให้เป็นไปตามสัญญา กับยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งด้วย ค่าเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับซึ่งกำหนดไว้ในสัญญา และเป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้สัญญาจะให้เมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เมื่อจำเลยทั้งสองผิดสัญญาโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 ไป นอกจากโจทก์จะเรียกให้โอนที่ดินเป็นการชำระหนี้ได้แล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากจำเลยได้ด้วย ทั้งหากโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควร โจทก์จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหายกับมีสิทธิพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับในสัญญาซื้อขายและการบังคับตามสัญญาเมื่อผิดนัด
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ โดยมีข้อตกลงว่าถ้าจำเลยผิดสัญญายอมให้โจทก์ฟ้องศาลบังคับให้เป็นไปตามสัญญา กับยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งด้วย ค่าเสียหายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับซึ่งกำหนดไว้ในสัญญา และเป็นเบี้ยปรับซึ่งลูกหนี้สัญญาจะให้เมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เมื่อจำเลยทั้งสองผิดสัญญาโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 ไปนอกจากโจทก์จะเรียกให้โอนที่ดินเป็นการชำระหนี้ได้แล้ว โจทก์ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากจำเลยได้ด้วย ทั้งหากโจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในมูลชำระหนี้ไม่ถูกต้องสมควร 1โจทก์จะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบในฐานเป็นจำนวนน้อยที่สุดแห่งค่าเสียหาย กับมีสิทธิพิสูจน์ค่าเสียหายยิ่งกว่านั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ไปศาล ศาลถือว่าจงใจขาดนัด แม้จะมีเหตุทำเอกสารหาย
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยานโจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้นพฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ถือจงใจ ทำให้ไม่รับพิจารณาใหม่
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้ โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลย-ที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินเดือนเพื่อชดใช้หนี้ ไม่ถือเป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง เจ้าหนี้ไม่อาจอายัดเงินได้
การที่ ส. ทำหนังสือยินยอมให้กองคลัง สำนักพระราชวังหักเงินเดือนของตนส่งชดใช้หนี้ให้แก่จำเลย มีผลเท่ากับ ส.มอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทนตนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิที่จะรับเงินเดือนของข้าราชการนั้นโอนกันไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินเดือนชดใช้หนี้ ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง สิทธิรับเงินเดือนข้าราชการโอนไม่ได้
บุคคลภายนอกทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือนส่งใช้หนี้แก่จำเลย มีผลเท่ากับมอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทน ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิรับเงินเดือนของข้าราชการโอนกันไม่ได้ โจทก์จึงขออายัดเงินตามหนังสือยินยอมดังกล่าวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดเงินเดือนข้าราชการเพื่อชำระหนี้: สิทธิเรียกร้องโอนไม่ได้ มิใช่อายัดได้
การที่ส.ซึ่งเป็นข้าราชการสำนักพระราชวังทำหนังสือยินยอมให้กองคลัง สำนักพระราชวัง หักเงินเดือนของตนส่งชดใช้หนี้ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้นั้นมีผลเท่ากับ ส. มอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทนตนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิที่จะรับเงินเดือนของข้าราชการนั้นโอนกันไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ โจทก์ย่อมจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินตามหนังสือดังกล่าวไม่ได้ ปัญหาที่ว่า ศาลชั้นต้นควรทำการไต่สวนคำร้องของ โจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและกำหนดวิธีการให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกหมายอายัดเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่นั้น เมื่อตามคำร้อง ของโจทก์ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งได้แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องทำการไต่สวนคำร้องของ โจทก์ก่อนแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3777/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชัดเจน: จำเป็นต้องระบุเหตุผลความไม่ชอบด้วยกฎหมายของการงดสืบพยานอย่างชัดเจน
อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองบรรยายแต่เพียงว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย ทำให้จำเลยเสียเปรียบเป็นคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยไม่ได้ประวิงคดีและยังมีปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยที่ต้องนำสืบโดยมิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของจำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบอย่างไร และทำไมจึงทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบเพราะเหตุใดคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ชอบอย่างไร เหตุใดการกระทำของจำเลยไม่เป็นการประวิงคดี และคดีมีปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยที่จะต้องนำสืบมีว่าอย่างไร ดังนี้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการเปลี่ยนแปลงฐานแห่งข้อฟ้องในชั้นฎีกา: สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องโดยมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ที่ดินเป็นทางภารจำยอมไปสู่ทางสาธารณะแล้วต่อมาจำเลยปิดกั้นทางเดิน ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางและจดทะเบียนเป็นภารจำยอมเท่านั้น ฉะนั้น การที่โจทก์ฎีกาว่าได้สิทธิภารจำยอมมาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย