พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3704/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้ครอบครองมีสิทธิเหนือทายาทเจ้าของเดิม แม้มีการจดทะเบียนโอน
เจ้าของเดิมยกที่พิพาทให้ผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตนมิใช่ในฐานะผู้อาศัย จึงไม่จำต้องบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังเจ้าของเดิม เมื่อผู้ร้องทั้งสองได้เข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่ พ.ศ.2503 ติดต่อกันตลอดมา ถือได้ว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์ในที่พิพาท นับแต่นั้นจนถึงวันยื่นคำร้องขอรวมเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ส่วนผู้คัดค้านเป็นทายาทผู้รับโอนมรดกที่พิพาท มิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้รับกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองการจดทะเบียนรับโอนที่พิพาทของผู้คัดค้าน จึงไม่เป็นการตัดสิทธิการได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทของผู้ร้องทั้งสอง และแม้ผู้ร้องทั้งสองมิได้คัดค้านการจดทะเบียนรับโอนมรดกที่พิพาท แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองได้ทราบหรือให้ความยินยอมด้วย จะถือว่าผู้ร้องทั้งสองรับรองกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านแล้วย่อมมิได้ ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าผู้คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3704/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้รับโอนมรดกจดทะเบียน แต่สิทธิครอบครองเดิมยังคงอยู่
เจ้าของเดิมยกที่พิพาทให้ผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตนมิใช่ในฐานะผู้อาศัย จึงไม่จำต้องบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังเจ้าของเดิม เมื่อผู้ร้องทั้งสองได้เข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่ พ.ศ. 2503 ติดต่อกันตลอดมา ถือได้ว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์ในที่พิพาท นับแต่นั้นจนถึงวันยื่นคำร้องขอรวมเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 ส่วนผู้คัดค้านเป็นทายาทผู้รับโอนมรดกที่พิพาทมิใช่บุคคลภายนอกผู้ได้รับกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง การจดทะเบียนรับโอนที่พิพาทของผู้คัดค้าน จึงไม่เป็นการตัดสิทธิการได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทของผู้ร้องทั้งสอง และแม้ผู้ร้องทั้งสองมิได้คัดค้านการจดทะเบียนรับโอนมรดกที่พิพาท แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสองได้ทราบหรือให้ความยินยอมด้วย จะถือว่าผู้ร้องทั้งสองรับรองกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านแล้วย่อมมิได้ ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าผู้คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3696/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกา การรับผิดของจำเลยที่ 4 และผู้รับประกันภัยเมื่อศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้เป็นฝ่ายขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อ โจทก์ฎีกา แต่ในชั้นฎีกาโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 จึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยดังกล่าวไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ไว้จากจำเลยที่ 1จะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเมื่อผู้เอาประกันภัยคือจำเลยที่ 1จะต้องรับผิด ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์จำเลยที่ 3 จึงได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3696/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาและการรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อจำเลยหลักไม่ต้องรับผิด
โจทก์ลงชื่อจะมาทราบคำสั่งศาลในวันที่ 16 เมษายน 2534ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534 ถือว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นำส่งสำเนาฎีกาแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน2534 แล้ว เมื่อโจทก์ไม่นำส่งตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบมาตรา 246,247 ในชั้นฎีกาโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1, ที่ 2และที่ 4 คดีสำหรับจำเลยดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้องโดยจำเลยดังกล่าวไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนนั้น เมื่อจำเลยที่ 1ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 จึงได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ คดีไม่ขาดอายุความ
เดิมศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยที่ 1จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ในกรณีที่ไม่อาจจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านได้เพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำได้โดยเหตุสุดวิสัย ให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ขอวางเงินจำนวน 30,000บาท พร้อมดอกเบี้ยต่อศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวแทนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ แล้วจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้จำเลยที่ 2 โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 โดยโจทก์เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะอันจะให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ก่อนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ถึงแม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปี ก็ไม่อยู่ในบังคับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 240 คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ คดีเดิมศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่า ให้จำเลยที่ 1จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ ดังนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวได้เพียงใดหรือไม่ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปร้องขอให้บังคับคดีในคดีนั้น จะมาร้องขอให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ในคดีนี้ซ้ำอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขายฝากที่ดิน: เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงและผลของการบังคับคดีที่ถูกต้อง
ศ. ปลูกสร้างตึกแถวพิพาทในที่ดินโดยมีข้อสัญญากับ น.ว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จและ ศ. ได้รับเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่า ศ. จะยกตึกแถวพิพาทให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ น.เมื่อขณะปลูกสร้างจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับ น.ในขณะนั้น รู้เห็นยินยอมให้ น. ทำสัญญาดังกล่าว ต้องถือว่า น.มีสิทธิที่จะให้ก่อสร้างตึกแถวในที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 1ได้โดยไม่ถือว่าตึกแถวพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 เมื่อ ศ. ก่อสร้างตึกแถวพิพาทเสร็จและจดทะเบียนยกกรรมสิทธิ์ให้ น. น.จึงเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทแต่เพียงผู้เดียว เมื่อ น. ถึงแก่กรรมและทำพินัยกรรมยกตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท และจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่เจ้าของตึกแถวพิพาทไม่มีอำนาจทำสัญญาขายฝากนิติกรรมขายฝากตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยร่วมจึงไม่มีผลบังคับ จำเลยร่วมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนนิติกรรมขายฝากตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยร่วมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนกับการขายลดเช็ค: การกระทำไม่เกินขอบเขตทางธุรกิจ
ตามหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำเลยที่ 1 ระบุว่าจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการค้า คือ ขายน้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่อง ฯลฯ การขายลดเช็คเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้าในการหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้จ่ายในกิจการค้า จึงไม่เป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในโฉนดที่ดินเมื่อมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แม้มีการอ้างเป็นทรัพย์มรดก
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนด จำเลยเก็บรักษาโฉนดไว้ โจทก์ขอโฉนดคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ ขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อโฉนดมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ซึ่งจากข้อความที่ระบุในโฉนดได้ความว่า ทางราชการออกโฉนดให้ไว้แก่โจทก์ จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดนั้น ส่วนที่จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกโฉนดคืนจากจำเลยโดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนด และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดนั้น คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลยหรือไม่ และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดของโจทก์ไว้ เพราะข้ออ้างดังคำให้การของจำเลยเป็นเพียงเหตุที่ทำให้คู่ความอาจไปใช้สิทธิดำเนินการเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก โจทก์จึงมีสิทธิเรียกโฉนดคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดให้โจทก์ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาล หรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดฉบับใหม่แทนให้โจทก์ โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดให้โจทก์ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาล หรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดฉบับใหม่แทนให้โจทก์ โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในโฉนดที่ดิน: แม้เป็นทรัพย์มรดก แต่เจ้าของสิทธิย่อมเรียกคืนได้หากไม่ได้ยินยอมให้ครอบครอง
โจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลย โดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินดังกล่าว และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์ จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลย และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลยก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้การที่ทางราชการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวให้ไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินนั้นโจทก์มีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาล หรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืนขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดฉบับเจ้าของที่ดินเดิมแล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้นเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี โจทก์ขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในโฉนดที่ดิน: แม้มีข้ออ้างเป็นทรัพย์มรดก แต่เจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนดมีสิทธิเรียกคืนได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่ดิน จำเลยเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ โจทก์ขอโฉนดที่ดินคืน จำเลยไม่ยอมคืนขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อโฉนดที่ดินมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งจากข้อความที่ระบุในโฉนดที่ดินได้ความว่า ทางราชการออกโฉนดที่ดินให้ไว้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินนั้น ส่วนที่จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกโฉนดที่ดินคืนโดยไม่ได้ขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดิน และจำเลยก็ไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดที่ดินนั้นคดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของบิดาของโจทก์จำเลยตกได้แก่โจทก์จำเลยและทายาทอื่นดังคำให้การของจำเลยหรือไม่ และแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นดังคำให้การของจำเลย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิยึดถือเอาโฉนดที่ดินของโจทก์ไว้ เพราะข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงเหตุที่ทำให้คู่ความอาจไปใช้สิทธิดำเนินการเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก โจทก์จึงมีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งศาลหรือถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะคืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกโฉนดที่ดินฉบับเจ้าของที่ดินเดิม แล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่แทนให้โจทก์โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยนั้น โจทก์จะขอให้บังคับคดีดังกล่าวไม่ได้เพราะเป็นการขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลนอกคดี