คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยุทธ ธารีสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6326/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้จำนองร่วม: การเฉลี่ยหนี้จากทรัพย์จำนองเมื่อมีเจ้าหนี้หลายราย
ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในหนี้จำนอง มีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 และร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามมาตรา 290 ได้ด้วย การที่ผู้ร้องและโจทก์ในคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกัน และเป็นผู้รับจำนองทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ในสัญญาจำนองฉบับเดียวกันบุริมสิทธิของผู้ร้องและโจทก์เป็นบุริมสิทธิที่จะบังคับและได้รับชำระหนี้ร่วมกันจากทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ได้เพียงไม่เกินวงเงินจำนอง จะขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิเต็มตามจำนวนหนี้หาได้ไม่ ส่วนหนี้ที่เหลือผู้ร้องคงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้อย่างเจ้าหนี้สามัญ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6303/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ: ศาลรับแก้ไขคำให้การได้ แม้หลังชี้สองสถาน หากเป็นปัญญาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องและข้อพิพาท
จำเลยขอแก้ไขคำให้การภายหลังจากวันชี้สองสถานว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้นำข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยเสียก่อนตามเงื่อนไขในสัญญาว่าจ้างที่ตกลงกันไว้กับจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การกล่าวอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้ศาลชอบที่จะรับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6287/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ท่อนไม้กว้าง 7 เซนติเมตร ยาว 1 เมตรเศษ ตีโจทก์ร่วมที่ศีรษะจากทางด้านหลังจนโจทก์ร่วมล้มสลบไป แสดงว่าตีโดยแรงและเลือกตีส่วนสำคัญของร่างกาย หากไม่ได้รับการผ่าตัดสมองอาจถึงแก่ความตาย จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าความตายอาจเกิดจากการกระทำของตน เป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6051/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ก่อนล้มละลาย: เจ้าหนี้ได้เปรียบหรือไม่
จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย ทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปรากฏว่าในระหว่างระยะเวลาภายหลังจากถูกฟ้องจำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ให้ผู้คัดค้านเป็นเงิน 520,000 บาท จำเลยยังคงค้างผู้คัดค้านอยู่อีก 681,279.40 บาท ผู้คัดค้านได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่เหลือดังกล่าว โดยขอให้ขายทรัพย์ที่จำนองเป็นประกันและขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนเงินที่ขาดอยู่ ดังนี้ การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านภายหลังถูกฟ้อง มีผลทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นของจำเลย เพราะหากผู้คัดค้านไม่ได้รับชำระหนี้จำนวน 520,000 บาทไปก่อน ผู้คัดค้านก็จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เต็มจำนวนหนี้ โดยขอให้ขายทรัพย์ที่จำนองก่อนถ้าขายทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่ถึงจำนวนหนี้ทั้งหมด ผู้คัดค้านได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองนั้นก่อนส่วนหนี้ที่ยังขาดอยู่ผู้คัดค้านจะได้เพียงส่วนเฉลี่ยโดยเสมอภาคกับเจ้าหนี้อื่นของจำเลย ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วผู้คัดค้านอาจจะได้รับชำระหนี้ไม่เต็มจำนวนหนี้ แต่การที่ผู้คัดค้านได้รับชำระหนี้ไปก่อนแล้วนำเอาหนี้ส่วนที่ขาดมาขอรับชำระหนี้ ถ้าขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่ถึงจำนวนหนี้ทั้งหมดที่เป็นหนี้อยู่ ผู้คัดค้านจะได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนอง ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนเงินที่ได้รับชำระไปก่อนผู้คัดค้านอาจจะได้รับชำระหนี้เต็มตามจำนวนหนี้ จึงเป็นการได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นของจำเลย และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยมีเจ้าหนี้รวมเป็นจำนวนเงินถึง 12,378,335.11 บาท แต่มีทรัพย์สินเพียง 40,000 บาท แสดงว่าจำเลยมีทรัพย์สินไม่พอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมด พฤติการณ์ที่จำเลยชำระเงินให้ผู้คัดค้านไปก่อน จึงเป็นการมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นของจำเลย ผู้คัดค้านจะได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 โดยสุจริตดังอ้างหรือไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็เพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและมีพฤติการณ์ประวิงคดี
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำ พยาน ปาก อื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาล ดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยาน โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการงดสืบพยาน โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำพยานปากอื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาลดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5968/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องมีเหตุเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย การอ้างราคาต่ำไม่เพียงพอ
การที่ศาลจะสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้นั้น จะต้องปรากฎว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตาม ป.วิ.พ.เมื่อคำร้องของจำเลยทั้งสามที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดกล่าวอ้างแต่เพียงว่า การขายทอดตลาดดังกล่าวขายในราคาต่ำไป มิได้อ้างเหตุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีดังกล่าวแต่ประการใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 จำเลยทั้งสามจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด และศาลชั้นต้นมีอำนาจงดไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5934/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกซ้อนทับในคดีอาญาหลายกระทง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโทษไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
คดีแรกศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาฉ้อโกง จำคุก 4 ปี นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2528 คดีหลังศาลพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหา ฉ้อโกงประชาชน ความผิดต่อ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจ หลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และความผิดต่อ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมจำคุก 20 ปี นับแต่วันที่ 8 เมษายน2528 เมื่อศาลมิได้พิพากษาให้นับโทษ ในคดีหลังต่อจากคดีแรกโทษจำคุกในคดีแรกจึงซ้อนและเกลื่อนกลืน ไปกับโทษจำคุกในคดีหลัง จำเลยจึงมิได้รับโทษเกินกว่า 20 ปี ไม่ขัดต่อ ป.อ. มาตรา 91(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5846/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท - ความรับผิดส่วนตัวของผู้สั่งจ่ายที่มิได้ประทับตราบริษัท - ล้มละลาย
แม้มูลหนี้ตามเช็คพิพาทเกิดจากการหักทอนบัญชีหนี้สินระหว่างโจทก์กับบริษัท ป. แต่เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือที่จำเลยออกให้โจทก์โดยมิได้ประทับตราของบริษัท ป. จำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทเป็นส่วนตัว การที่จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้แทนบริษัทป. โดยมิได้ประทับตราบริษัท ป. ถือว่าจำเลยจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์ในฐานะส่วนตัว มิใช่ในฐานะตัวแทนบริษัท ป. จำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้น เมื่อจำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้โจทก์ และ ยังเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้อื่นอยู่อีกหลายล้านบาท รวมทั้งจำเลย ได้ บอก กับอ.ว่า ไม่มีเงินชำระ ยอมติดคุก จำเลยจึงเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาอุกฉกรรจ์: การกระทำความผิดร้ายแรงต่อเจ้าพนักงานและผู้บริสุทธิ์ ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยกระทำความผิดอย่างอุกอาจโดยยิงเจ้าพนักงานตำรวจขณะเข้าจับกุมจำเลยในย่านชุมชน ทั้งยังยิงผู้บริสุทธิ์ตายอีก 2 คน เป็นการโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ ไม่มีเหตุจะให้ลงโทษสถานเบา จำเลยถูกจับกุมได้ในที่เกิดเหตุและมีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์มาแต่ต้น แสดงว่ามีพยานหลักฐานมัดตัวจำเลยอย่างมั่นคง การให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดเป็นการจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ.
of 94