คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยุทธ ธารีสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 933 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5786/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา: ต้องยื่นต่อศาลฎีกาโดยตรง การวินิจฉัยเรื่องระยะเวลาอุทธรณ์เป็นอำนาจศาลอุทธรณ์
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 252 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกา ในกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาแล้วแทนที่จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา จำเลยกลับยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่าจำเลยอุทธรณ์คำสั่งเกิน 10 วัน จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ ดังนี้หาใช่การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกาตามมาตรา 252 ไม่ แต่เป็นการสั่งโดยอาศัยมาตรา 232 และ 234 ซึ่งเป็นการอุทธรณ์เกี่ยวกับระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงต้องรับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5786/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ต้องยื่นต่อศาลฎีกาโดยตรง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 252 กรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ยอมรับฎีกาเพราะเหตุใดก็ตาม หากคำสั่งนั้นไม่เป็นที่พอใจของผู้ฎีกาและประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกาโดยตรง เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกานั้นชอบหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาแล้ว แทนที่จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลฎีกากลับยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ การปฏิบัติของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ แต่การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่าจำเลยอุทธรณ์คำสั่งเกิน 10 วันแล้วนั้น กรณีหาใช่การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ยอมรับฎีกาตามมาตรา 252ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ หากแต่เป็นการสั่งโดยอาศัย ป.วิ.พ.มาตรา 232 และ 234 ซึ่งเป็นการอุทธรณ์เกี่ยวกับระยะเวลาอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ต้องรับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5773/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่เป็นโมฆะ และสิทธิการครอบครองของเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรร
การซื้อขายที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้นเป็นการต้องห้ามตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินฯมาตรา 39 จึงเป็นโมฆะกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 113 ตาม พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินฯ มาตรา 19(7) และ 37 ผู้ที่จะเข้าอยู่ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินได้ต้องได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมก่อน และห้ามมิให้ยกอายุความครอบครองขึ้นต่อสู้กับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในเรื่องที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานฯ ได้มา ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินฯ ดังนั้น ในเขตปฏิรูปที่ดินบุคคลที่มิได้รับจัดสรรจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไม่มีสิทธิแย่งการครอบครองจากบุคคลที่ได้รับจัดสรรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1375 แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินของโจทก์ในเขตปฏิรูปเกิน 1 ปี ก็ไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปการที่จำเลยเข้าไปไถข้าวฟ่าง ที่โจทก์ปลูกไว้ย่อมเป็นการละเมิดส่วนค่าเสียหายจำเลยมิได้โต้แย้งว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดมากน้อยแต่ประการใด จำเลยจึงต้องรับผิดค่าเสียหายต่อโจทก์ตามจำนวนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยอาคารโรงงาน: ความเสียหายจากน้ำฝนภายในเกิดจากการป้องกันน้ำภายนอก มิใช่ความรับผิดของประกัน
จำเลยรับประกันภัยอาคารโรงงานและทรัพย์สินต่าง ๆ ในโรงงานของโจทก์ต่อมาภายในกำหนดเวลาประกันภัย ฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายความเสียหายดังกล่าวหาใช่เกิดจากน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคา ประตู หน้าต่าง ช่องลม ท่อน้ำหรือรางน้ำ และหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประกันภัยอาคารโรงงาน: ความเสียหายจากน้ำท่วมขังอันเกิดจากการปิดกั้นทางระบายน้ำ
จำเลยรับประกันภัยอาคารโรงงานและทรัพย์สินต่าง ๆ ในโรงงานของโจทก์ต่อมาภายในกำหนดเวลาประกันภัย ฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายความเสียหายดังกล่าวหาใช่เกิดจากน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคาประตู หน้าต่าง ช่องลม ท่อน้ำหรือรางน้ำ และหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5709/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารต้องร่นระยะจากถนนและเว้นที่ทางเดินหลังอาคารตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
แผงกันสาดเป็นส่วนหนึ่งของอาคารต้องเว้นระยะจากกึ่งกลางถนนถึงกันสาด 6 เมตร ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 72 "ทางออก" ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 76(5) หมายถึง การมีทางออกซึ่งเป็นตรอกซอย หรือถนน หาใช่ทางออกจากทางด้านหน้าของอาคารแต่ละหลังเมื่ออาคารของจำเลยไม่มีตรอก ซอยหรือถนนอันเป็นทางออกภายในระยะ 15 เมตร นับจากหัวมุมที่ถนนตัดกัน จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องเว้นที่ว่างให้เป็นทางเดินหลังอาคาร 2 เมตร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5664/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงในระยะประชิด ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายในระยะห่างเพียง 3 เมตร ถูกที่บริเวณเอวของผู้เสียหายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ซึ่งหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วหากเป็นเพียงการยิงขู่ จำเลยก็มีโอกาสที่จะยิงไปยังทิศทางอื่นที่มิใช่ทิศทางที่ผู้เสียหายยืนอยู่ เช่น ยิงขึ้นฟ้า เป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5664/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงใกล้ระยะ แม้อ้างยิงขู่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายในระยะห่างเพียง 3 เมตร ถูกที่บริเวณเอวของผู้เสียหายอันเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายซึ่งหากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว หากเป็นเพียงการยิงขู่ จำเลยก็มีโอกาสที่จะยิงไปยังทิศทางอื่นที่มิใช่ทิศทางที่ผู้เสียหายยืนอยู่ เช่นยิงขึ้นฟ้า เป็นต้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การบุกรุก, และการรอการลงโทษ: ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องที่ไม่ถูกยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
จำเลยที่ 1 มิได้ยกเรื่องหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น แม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยให้ตามป.วิ.พ. มาตรา 142(5) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยที่ 1 อายุ 48 ปี ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนมีเหตุอันควรปรานี ศาลฎีกาให้รอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5608/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องล้มละลายของผู้กู้ยืมเงินตามพรบ.การกู้ยืมเงินฯ และการพิสูจน์การมีส่วนร่วมในการกระทำผิด
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 อยู่ในฐานะเป็นผู้กู้ยืมเงิน และได้ตกเป็นผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ. 2527 มาตรา 4,5 ทั้งได้ถูกฟ้องต่อศาลอาญาไว้แล้วพนักงานอัยการย่อมฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายได้ตาม พ.ร.ก. ดังกล่าว มาตรา 10 ส่วนจำเลยที่ 6 เมื่อมิได้เป็นผู้กู้ยืมเงิน พนักงานอัยการย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 6 ให้เป็นบุคคลล้มละลายตาม พ.ร.ก. ดังกล่าว มาตรา 10.
of 94