พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน: ศาลวินิจฉัยตามฟ้องและข้อต่อสู้ของคู่ความ ไม่ถือว่าวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเพราะจำเลยรังวัดแบ่งแยกหน้า ที่ดิน กว้าง ไม่ถึง 52 เมตร ซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งสัญญาตามโครงการที่โจทก์วางไว้ จำเลยให้การว่าฝ่ายโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้วินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ตาม การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้นก็เป็นการวินิจฉัยตามคำฟ้องของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าฝ่ายใดผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามฟ้องนั่นเองหาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานอาศัยหน้าที่ทุจริตเบียดบังทรัพย์ของกลาง แม้ไม่มีหน้าที่ดูแลโดยตรง
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 ผู้กระทำผิดต้องมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นโดยทุจริต จำเลยที่ 1เป็นเจ้าพนักงานตำรวจตำแหน่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ มิได้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเลื่อยยนต์ของกลางซึ่งนายดาบตำรวจ ส.เป็นผู้เก็บรักษา การที่จำเลยที่ 1 ลักเลื่อยยนต์ดังกล่าวไปจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่เวรยามและสายตรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งของต่าง ๆ ในบริเวณสถานีตำรวจ ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งโดยชอบให้ดูแลรักษาทรัพย์ของกลางที่สถานีตำรวจด้วย การที่จำเลยที่ 1 อาศัยโอกาสดังกล่าวลักเลื่อยยนต์ของกลางไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามป.อ. มาตรา 157.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ทุจริตลักทรัพย์ของกลาง แม้ไม่มีหน้าที่ดูแลโดยตรงแต่ได้รับคำสั่งให้ดูแลทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจยึดเลื่อยยนต์ เป็นของกลางและมอบให้นายดาบตำรวจ ส. เป็นผู้เก็บรักษาไว้แล้ว จำเลยที่ 1 หาได้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเลื่อยยนต์ ของกลางโดยตรงไม่ แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้นำเลื่อยยนต์ ดังกล่าวไปขาย ก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่เวรยามและสายตรวจซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งของต่าง ๆ ในบริเวณสถานีตำรวจ ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งโดยชอบให้ดูแลรักษาทรัพย์ของกลางที่สถานีตำรวจด้วย การที่จำเลยที่ 1 อาศัยโอกาสดังกล่าวลักเลื่อยยนต์ ของกลางซึ่งอยู่ในความดูแลตามหน้าที่ไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาพยานหลักฐานไม่เพียงพอ โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัย
ในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบให้ปราศจากความสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิด เมื่อคดีมีปัญหาว่าถ้อยคำที่จำเลยให้การต่อเจ้าพนักงานว่า บ. เป็นบุตรของ ค. นั้นเป็นเท็จหรือไม่ โดยโจทก์มี พ.เท่านั้นที่เบิกความว่า บ.ที่จำเลยพามาให้ดูไม่ใช่บุตรของ ค.กับว. พยานโจทก์นอกจากนี้ก็มีแต่คำให้การที่เจ้าพนักงานบันทึกไว้ มิได้นำพยานบุคคลมาสืบประกอบ จำเลยไม่มีโอกาสซักค้านพยานดังกล่าวได้พยานโจทก์จึงยังเป็นที่สงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5875/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีอาญา: องค์ประกอบความผิดไม่เข้าข่าย & โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 342,265,268ซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่า 3 ปี แต่โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 342 ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานนี้ได้ ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 265,268 ได้เช่นกัน คงเหลือความผิดฐานอื่นซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี จึงเป็นคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ.