พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐาน – คดีปล้นทรัพย์ – ความขัดแย้งผลประโยชน์ – ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
แม้โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความว่า จำเลยทั้งสามกับพวกล้อมบังคับให้ผู้เสียหายนั่งและจับผู้เสียหายนอนลงโดยมีคนใช้เท้าเหยียบขาผู้เสียหาย และมีคนหยิบเงินจำนวน 6,500 บาทไปจากผู้เสียหาย แต่ก็ได้ความจากผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายรู้จักกับจำเลยทั้งสามมาก่อน เคยย้ายมาพักอาศัยอยู่กับทางฝ่ายจำเลยและเคยยืมเงินจำเลยที่ 2 กับวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 บอกให้ผู้เสียหายย้ายไปจากกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น เจือสมกับข้อนำสืบของจำเลยว่า ผู้เสียหายย้ายมาขออาศัยอยู่กับฝ่ายจำเลย ฝ่ายจำเลยให้การช่วยเหลือผู้เสียหายด้านการเงิน และยอมให้ผู้เสียขายโรตี บริเวณที่จำเลยที่ 1 เคยขายมาก่อน โดยให้ขายเพียง 1 เดือน แต่ผู้เสียหายไม่ยอมย้าย คืนเกิดเหตุจำเลยทั้งสามไปพบผู้เสียหายเพื่อขอให้ย้ายที่ขายโรตี ซึ่งผู้เสียหายไม่ยอม และจำเลยที่ 2 ทวงเงินผู้เสียหาย จึงเกิดโต้เถียงกัน ส่อแสดงว่าผู้เสียหายกับฝ่ายจำเลยมีข้อขัดแย้งผลประโยชน์กัน ทั้งผู้เสียหายยังเบิกความกลับไปกลับมาในเรื่องบริเวณที่ขายโรตีของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 และเรื่องการยืมเงินของจำเลยที่ 2 ในที่เกิดเหตุคำพยานผู้เสียหายมีพิรุธ กับหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุจนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมได้ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ถูกจับได้ในคืนเกิดเหตุ แต่ตรวจค้นไม่พบเงินของผู้เสียหายจากจำเลยทั้งสามพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิจารณาความขัดแย้งของคำเบิกความและเหตุการณ์ในเวลากลางคืน
เหตุเกิดในเวลากลางคืน ผู้เสียหายอ้างว่าเห็นและจำหน้าคนร้ายได้ในขณะที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์แซงรถจักรยานยนต์คันที่ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้าย ป. มา โดยอาศัยแสงไฟรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและแสงไฟรถจักรยานยนต์ที่แล่นสวนมากับแสงจันทร์แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วแสงไฟรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายย่อมพุ่งไปข้างหน้าจึงไม่สว่างพอที่จะทำให้ผู้เสียหายเห็นหน้าคนร้ายที่ขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่แซงรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายได้ส่วนแสงจันทร์ก็มีความสว่างน้อยไม่พอจะเห็นหน้าคนร้ายได้ ผู้เสียหายชี้ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์แต่กลับเบิกความตอบคำถามค้านว่าตอนที่ชี้ตัวนั้นเพิ่งรู้ว่าจำเลยเป็นคนที่ตนรู้จักมาก่อน ดังนี้หากผู้เสียหายจำคนร้ายได้จริงก็น่าจะบอกชื่อคนร้ายได้ในวันเกิดเหตุ คำเบิกความของผู้เสียหายจึงมีพิรุธไม่น่าเชื่อ ช่วงเวลาที่คนร้ายที่นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ลงจากรถมาถีบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายทันทีจน ป. พยานและรถตกลงไปในคูน้ำข้างทาง ทำให้โอกาสที่ ป. จะเห็นและจำหน้าคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์มีน้อย เมื่อพยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม: การลดค่าเสียหายที่ศาลกำหนดไม่ถือว่าโจทก์ดำเนินคดีไม่สุจริต
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม ป.วิ.พ. มาตรา 161 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีการที่ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้แก่โจทก์ต่ำกว่าที่โจทก์ขอมาในฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินคดีโดยไม่สุจริต ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีวางเพลิง: ศาลรับฟังพยานบุคคลประกอบเหตุผลน่าเชื่อถือ แม้มีพยานเพียงปากเดียว
แม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่เมื่อได้ความว่าคนร้ายยืนห่างจากประจักษ์พยานโจทก์เพียง 6 เมตร และคนร้ายเป็นผู้ที่ประจักษ์พยานรู้จักมาก่อน บริเวณที่คนร้ายยืนอยู่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าที่หน้าร้าน และจากโป๊ะจอดเรือส่องถึงพอที่จะเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจน และจำได้ว่าเป็นจำเลย ทั้งพยานโจทก์ปากนี้ก็ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีข้อระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย เชื่อได้ว่าได้เบิกความไปตามความจริง ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า พยานโจทก์เป็นคนหลังค่อม เมื่อยืนหลังตู้เย็นย่อมไม่สามารถมองเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจนนั้น ความพิการดังกล่าว ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคในการมองเห็นเหตุการณ์ และที่โจทก์ไม่นำ บ.ลูกจ้างผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่นอนอยู่กับพยานมาเบิกความ ก็เป็นเรื่องดุลยพินิจของโจทก์ที่จะนำสืบพยานของตนมากน้อยเพียงใดไม่ถือเป็นข้อพิรุธ ทั้งที่อ้างว่าการจุดไฟที่ถุงพลาสติกเปลวไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว คนร้ายย่อมไม่มีเวลาพอที่จะโยนถุงเข้าไปในร้านผู้เสียหายนั้น ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น ดังนั้น แม้โจทก์จะมีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่พยานดังกล่าวก็เบิกความมีเหตุผลน่าเชื่อถือ ศาลรับฟังประกอบพยานอื่นลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4124/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของสมาคมในการกำหนดระเบียบการแข่งขันและอำนาจในการพิจารณารับสมัครเข้าร่วม
จำเลยที่ 1 เป็นสมาคม การดำเนินงานมีคณะกรรมการซึ่งที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งข้อบังคับต่าง ๆ ของสมาคมให้อำนาจจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกได้ และจำเลยที่ 1 ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับกีฬาแข่งนกไว้ ซึ่งตามระเบียบดังกล่าวข้อ 2 กำหนดว่าสมาคมสงวนสิทธิที่จะไม่รับนกของผู้หนึ่งผู้ใดเข้าร่วมการแข่งขันหรือบอกเลิกรับนกกับผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลล่วงหน้า และผู้เข้าร่วมการแข่งขันไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นดังนั้นโจทก์หรือผู้ใดจะส่งนกพิราบเข้าแข่งขันกับจำเลยที่ 1 ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ หาได้มีกฎหมายใดบังคับให้จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องรับนกของโจทก์เข้าแข่งขันไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงทึ่ 14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้กลั่นแกล้งโจทก์ การที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันมีมติไม่รับนกของโจทก์เข้าร่วมแข่งขัน จะฟังว่าจำเลยทั้งสิบสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกองมรดกจากสัญญาค้ำประกันและมอบสิทธิในเงินฝากเพื่อประกันหนี้
โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงอัตราดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระและกำหนดเวลาชำระกับหากผิดนัดให้ชำระกันอย่างไรไว้ให้สามารถเข้าใจได้ ส่วนดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เมื่อใด เกินกฎหมายหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม คดีแพ่งของศาลชั้นต้นที่จำเลยที่ 2 คดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยขอเพิกถอนสัญญาค้ำประกันที่ภริยาจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ คดีดังกล่าวจำเลยที่ 2 ฟ้องในฐานะส่วนตัว แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยาจำเลยที่ 2 มิได้ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดเป็นการส่วนตัวโจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้อยู่ในฐานะเดียวกัน ถือว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยา มิใช่คู่ความในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำและไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ บันทึกการจำนำเงินฝากประจำ ระบุว่าภริยาจำเลยที่ 2 จำนำเงินฝากประจำของตนไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของตนและ/หรือจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นการจำนำเงินฝากเพราะเงินที่ภริยาจำเลยที่ 2ฝากประจำไว้ดังกล่าวตกแก่ผู้รับฝากไปแล้ว การที่ภริยาจำเลยที่ 2 นำสมุดคู่ฝากเงินฝากประจำดังกล่าวมอบให้ไว้แก่โจทก์จึงมิใช่การจำนำเงินฝาก แต่เป็นการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของตนและของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสัญญาต่างหากจากสัญญาค้ำประกันที่ภริยาจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ อันเป็นสัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 สัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลนี้ผูกพันตัวภริยาจำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวกับสินสมรส จึงมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5ที่ได้ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1476,1477,1480 ที่จำเลยที่ 2จะต้องให้ความยินยอมร่วมกันเป็นหนังสือตามมาตรา 1479 จำเลยที่ 2ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยา จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเพิกถอนสัญญาค้ำประกันที่ภริยาทำไว้ก่อนสมรส ไม่ใช่การจัดการสินสมรส
แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า สัญญาค้ำประกันที่ น.ภริยาโจทก์ทำไว้แก่จำเลยเป็นนิติกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการจัดการสินสมรสโจทก์ไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนก็ตาม แต่ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาค้ำประกันที่ น.ทำไว้แก่จำเลยหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งปัญหาดังกล่าวเกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในฟ้องและจากการนำสืบของโจทก์จึงเป็นข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบแม้ไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์เป็นประเด็นขึ้นมาได้ในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคสอง สัญญาค้ำประกันที่น.ยอมผูกพันตนต่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของ ส.เพื่อชำระหนี้เมื่อส.ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เป็นสัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680ซึ่งผูกพันตัว น.มิได้เกี่ยวกับสินสมรสและมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่มาตรา 1476,1477 ที่โจทก์ซึ่งเป็นสามีจะต้องให้ความยินยอมร่วมกันเป็นหนังสือตามมาตรา 1479 โจทก์จึงขอให้เพิกถอนสัญญาค้ำประกันดังกล่าวตามมาตรา 1480 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันของภริยาที่ผูกพันตนเอง มิใช่การจัดการสินสมรส สามีไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอน
การที่ น. ภริยาโจทก์ทำสัญญาค้ำประกันการกู้เบิกเงินเกินบัญชีของ ส. โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม มิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1476,1477 ซึ่งจะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอเพิกถอน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เกิดจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างไว้ในฟ้อง และจากทางนำสืบของโจทก์จึงเป็นข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ แม้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ และศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3903/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ประเด็นต่างกัน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวพิพาทของโจทก์ จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์ปลอมเอกสารเกี่ยวกับห้องแถวพิพาท จำเลยแจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์ โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยโดยตกลงชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นเงิน 20,200 บาท เมื่อถึงกำหนดโจทก์เพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับให้ ดังนี้ ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคนละเรื่องกัน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ ชอบที่จะไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3901/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การมอบอำนาจให้ทนายความลงลายมือชื่อในคำขอ
ตามหนังสือมอบอำนาจโจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. เป็นผู้ยื่นด้วยขอรับชำระหนี้ และดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายนี้แทน ฯลฯฉะนั้น น. จึงมีสิทธิที่จะดำเนินคดีเรื่องนี้แทนโจทก์ได้ตลอดทั้งการขอรับชำระหนี้ด้วย เพราะการขอชำระหนี้เป็นเรื่องของกระบวนพิจารณาที่โจทก์จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483การที่ น. ลงลายมือชื่อในคำขอรับชำระหนี้หาใช่เป็นการลงลายมือแทนโจทก์ไม่ หากแต่เป็นการกระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นตัวการตามที่ได้รับมอบหมายให้ทำการขอรับชำระหนี้แทนตามหนังสือมอบอำนาจ