คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญสิน ตุลากัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลายและการเพิกถอนการชำระหนี้
ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีประกัน เมื่อลูกหนี้ล้มละลายผู้คัดค้านอาจใช้สิทธิขอรับชำระหนี้โดยบังคับเอากับทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน แล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนหนี้ที่ยังขาดอยู่หรือขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน แล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ หรือตีราคาทรัพย์อันเป็นหลักประกันแล้วขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่ได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 96(2)(3)(4)ดังนั้น เงินค่าขายทรัพย์ที่เหลือจากการหักชำระหนี้รายอื่นจึงอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้มีประกันจะบังคับเอาได้การที่ผู้คัดค้านรับชำระหนี้ส่วนนี้ย่อมไม่ทำให้เจ้าหนี้อื่นซึ่งมีฐานะเป็นเพียงเจ้าหนี้สามัญเสียเปรียบ การกระทำของลูกหนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นจึงไม่อาจเพิกถอนการชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองรายนี้ตาม มาตรา 115.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศ: การกระทำถึงขั้นลงมือแล้วหรือไม่
จำเลยจะเดินทางไปต่างประเทศ เครื่องบินจะออกเวลา 8.40นาฬิกา จำเลยเดินทางไปถึงท่าอากาศยาน ได้ผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่สายการบินและรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารกับบัตรรับกระเป๋าเดินทางแล้วเวลา 8.15 นาฬิกา ขณะที่เจ้าหน้าที่สายการบินกำลังจะนำกระเป๋าเดินทางของจำเลยลำเลียงขึ้นเครื่องบินและจำเลยกำลังจะเดินเข้าไปในช่องทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ตรวจค้นตัวจำเลยและกระเป๋าเดินทางของจำเลยพบเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา9,100ดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกราชอาณาจักร เมื่อจำเลยรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางออกไปจากประเทศไทยและใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยมีเจตนานำเงินตราที่ต้องจำกัดหรือต้องห้ามออกไปนอกประเทศจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศ: การกระทำถึงขั้นลงมือแล้วหรือไม่
จำเลยจะเดินทางไปต่างประเทศ เครื่องบินขึ้นเวลา 8.40 นาฬิกาจำเลยไปถึงท่าอากาศยานรับบัตรที่นั่งผู้โดยสารและบัตรรับกระเป๋าเดินทางแล้ว เวลา 8.15 นาฬิกา ขณะจำเลยเดินเข้าช่องทางเดินเพื่อไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตรวจพบเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ9,100ดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกราชอาณาจักรที่จำเลย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางออกไปจากประเทศไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จโดยพ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว ดังนี้ จำเลยมีเจตนานำเงินตราที่ต้องจำกัด หรือต้องห้ามออกไปนอกประเทศ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง, การแก้คำฟ้อง, และอำนาจฟ้องคดีลักทรัพย์
ฎีกาของจำเลยที่ว่าคำเบิกความของพยานโจทก์แตกต่างกันเป็นพิรุธไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องร้อง โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย แม้ในคำฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักทรัพย์ของ ศ.ไม่ได้กล่าวถึงจำเลยลักทรัพย์ของว. ซึ่งเป็นผู้เสียหายแต่เมื่อโจทก์ขอแก้คำฟ้องและศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องแล้วว่า สิ่งของที่ลักเป็นของ ว.ซึ่งอยู่ในความครอบครองของศ.ตรงกับคำฟ้องของโจทก์แล้ว ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลล่างให้จำคุกเกินห้าปี โจทก์ร่วมไม่อาจฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ถือเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้จำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง และข้อห้ามฎีกานี้ใช้บังคับโจทก์ร่วมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญา: โจทก์ร่วมฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ หากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลล่างให้จำคุกเกินห้าปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตถือเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้จำคุกจำเลยเกินห้าปี โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคสอง และข้อห้ามฎีกานี้ใช้บังคับโจทก์ร่วมด้วย เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)ได้นิยามศัพท์คำว่า "โจทก์" ไว้ให้รวมถึงโจทก์ร่วมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภยันตรายจากอาวุธปืนของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหารกระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตาย จำเลยวิ่งไล่ตามแล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัดไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็หันหลังจะขึ้นบันไดบ้าน จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายล้มลง แสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากอาวุธปืน ย่อมเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลยซึ่งขณะนั้นจำเลยกับนางพ.ภริยากำลังนั่งรับประทานอาหาร กระสุนปืนถูกนาง พ. ล้มฟุบลงจำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายยิงปืนอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกจำเลย จำเลยจึงใช้มีดฟันไป และผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านซึ่งจำเลยเข้าใจว่า ผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก ดังนั้นจำเลยจึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอ ผู้ตายเซมาทางด้านหลัง จำเลยจึงฟันซ้ำอีก 1 ที ถูกบริเวณใบหน้าแสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลา และสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใดภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืน
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหาร กระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตายจำเลยวิ่งไล่ตาม แล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัด ไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านจำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายจึงล้มลง ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่า ขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้นผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตายย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยมีสิทธิป้องกันตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนที่ดินช่วงล้มละลาย: สุจริตของผู้รับโอน และผลกระทบถึงผู้รับจำนอง
การร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 ผู้ล้มละลายกับผู้คัดค้านที่ 1 และเพิกถอนการจำนองที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2เป็นคำร้องที่ขอให้ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ชำระหนี้อันจะแบ่งแยกกันชำระมิได้ แม้ผู้คัดค้านที่ 1 จะอุทธรณ์คนเดียว และศาลฎีกาฟังว่าผู้คัดค้านที่ 1 รับโอนที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทมาโดยสุจริตศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงผู้คัดค้านที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วยได้
of 13