คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บุญสิน ตุลากัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรับรองสำเนาเอกสารในชั้นศาล
สำเนาเอกสารซึ่งพนักงานสอบสวนลงลายมือชื่อรับรองว่าเป็นเอกสารที่ถ่ายมาจากตันฉบับจริง และไม่ปรากฏว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวไม่ตรงกับต้นฉบับ ทั้งจำเลยไม่โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสาร ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเหล่านี้ได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 238 จำเลยหลอกลวงพวกผู้เสียหายว่าบริษัท บ. สามารถจัดส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศได้ จนพวกผู้เสียหายหลงเชื่อและสมัครไปทำงานกับจำเลย โดยบริษัท บ. และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานการกระทำของจำเลยเป็นการจัดหางานตามความหมายของพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 4 แล้ว เมื่อจำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำและขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น ทั้งตามคำฟ้องไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดในฐานนี้อีกกระทงหนึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานสำเนาเอกสาร และเจตนาการกระทำความผิดฐานจัดหางาน
สำเนาเอกสารซึ่งพนักงานสอบสวนลงลายมือชื่อรับรองว่าเป็นเอกสารที่ถ่ายมาจากต้นฉบับจริง และไม่ปรากฏว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวไม่ตรงกับต้นฉบับ ทั้งจำเลยไม่โต้แย้งคัดค้านความถูกต้องแท้จริงของเอกสาร ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารเหล่านี้ได้โดยชอบตามประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 238
จำเลยหลอกลวงพวกผู้เสียหายว่าบริษัท บ.สามารถจัดส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศได้ จนพวกผู้เสียหายหลงเชื่อและสมัครไปทำงานกับจำเลย โดยบริษัท บ.และจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางาน การกระทำของจำเลยเป็นการจัดหางานตามความหมายของพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511 มาตรา 4 แล้ว เมื่อจำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำและขณะเดียวกันก็ประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น ทั้งตามคำฟ้องไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหาย จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดในฐานนี้อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากละเมิด: ค่ารักษาพยาบาล, ค่าขาดประโยชน์, ค่าเสียบุคคลิกภาพ, และขอบเขตความรับผิดของผู้กระทำละเมิด
โจทก์ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากจำเลยกระทำละเมิดจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีทุกข์ซึ่งโจทก์ไม่มีส่วนผิด โจทก์ย่อมจะหาความสะดวกเพื่อให้ได้รับทุกข์น้อยที่สุดโดยการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ จำเลยจะกะเกณฑ์ให้โจทก์ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐหาได้ไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง โจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างรักษาตัวเนื่องจากเจ็บป่วยเพราะจำเลยกระทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดเต็มจำนวนของเงินเดือนที่โจทก์ไม่ได้รับนั้น จำเลยจะเกี่ยง ให้โจทก์นำค่าน้ำมันรถค่าอาหารการกินมาหักจากเงินเดือนก่อนหาได้ไม่ ค่าทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วยกับค่าสูญเสียบุคลลิกภาพ ต่างก็เป็นค่าเสียหายซึ่งไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ ศาลย่อมกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้โดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าค่าทนทุกข์ทรมานเท่าใดค่าสูญเสียบุคคลิกภาพเท่าใด ค่าเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลิกภาพกับค่าเสียหายที่เกิดจากการที่ไม่สามารถประกอบการงานในอนาคตเป็นค่าเสียหายที่ไม่ซ้ำกัน เพราะการเสียบุคคลิกภาพนั้นเป็นการเสียความมีลักษณะสง่าผ่าเผยในสังคม ซึ่งต่างหากจากการเสียความสามารถในการประกอบการงาน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: กำหนดราคาค่าทดแทนตามราคาตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ฯ เป็นการเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวง จึงต้องตกอยู่ในบังคับแห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 และการกำหนดค่าทดแทนจะต้องถือตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงดังกล่าวใช้บังคับ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 76 (2) ไม่ใช่ถือตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 23 ใช้บังคับ เพราะพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวออกมาใช้บังคับแทนประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 23 ซึ่งหมดอายุบังคับใช้ และมิได้ถือตามราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2348/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: หลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนตามราคาตลาดในวันที่ประกาศพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกฯ เป็นการเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวง จึงต้องตกอยู่ในบังคับแห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 และการกำหนดค่าทดแทนจะต้องถือตามราคาธรรมดาซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงดังกล่าวใช้บังคับ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295ข้อ 76(2) ไม่ใช่ถือตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 23 ใช้บังคับ เพราะพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวออกมาใช้บังคับแทนประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 23 ซึ่งหมดอายุบังคับใช้ และมิได้ถือตามราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร: แม้หย่าและศาลไม่ได้กำหนดให้จ่าย ก็ฟ้องได้ในฐานะผู้ปกครอง
บิดาและมารดามีหน้าที่ร่วมกันให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ มีลักษณะเป็นหนี้ร่วมกันแม้โจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากกัน และศาลพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง จ. บุตรผู้เยาว์โดยไม่ได้กำหนดให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในนามตนเองได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นมารดาและผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ใช่ฟ้องในนามของผู้เยาว์หรือในฐานะเป็นตัวแทนผู้เยาว์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1565 ไม่เป็นคดีอุทลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททางจราจร: การใช้สิทธิและหน้าที่ของผู้ขับขี่ตามกฎหมาย และการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด
พระราชบัญญัติ ญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(2) บัญญัติว่า ถ้ามาถึงทางแยกทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยกผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน แต่แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวซึ่งทำให้คนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทางผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา เมื่อพิจารณาภาพถ่ายความเสียหายเห็นได้ว่ารถยนต์ชนกันอย่างแรง ซึ่งก็ต้องเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงของคนขับรถของจำเลยนั้นเองด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาท บทบัญญัติดังกล่าวมิได้คุ้มครองให้คนขับรถของจำเลยพ้นผิด แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติแต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททางจราจรและการประเมินค่าเสียหายจากการชน การซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายและสิทธิเรียกร้องค่าแรง
แม้ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(2) คนขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 5 มีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทาง ผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา การที่คนขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 5 ขับรถด้วยความเร็วสูงเข้าไปในสี่แยกทั้ง ๆ ที่มีรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 3แล่นเข้ามาพร้อมกันจนชนกันอย่างแรงถือว่าเป็นความประมาทของคนขับรถของจำเลยที่ 5 ด้วย แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำ และมีงานทำเป็นปกติแต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าวและมาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขับรถ ณ ทางแยกต้องควบคู่กับความระมัดระวัง และค่าแรงซ่อมแซมจากละเมิด
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 (2) บัญญัติว่า ถ้ามาถึงทางแยกทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน แต่แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวซึ่งทำให้คนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทางผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา เมื่อพิจารณาภาพถ่ายความเสียหายเห็นได้ว่ารถยนต์ชนกันอย่างแรง ซึ่งก็ต้องเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงของคนขับรถของจำเลยนั้นเองด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาท บทบัญญัติดังกล่าวมิได้คุ้มครองให้คนขับรถของจำเลยพ้นผิด
แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติ แต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1931/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษา แม้ยังอยู่ในกระบวนการอุทธรณ์
จำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีอื่นแล้ว แม้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยังต้องถูกบังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่เหตุที่จะนับโทษต่อไม่ได้
of 13