คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ราเชนทร์ จัมปาสุต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด (ฝิ่น) โดยการส่งมอบเงินและยา
จ่าสิบตำรวจ ส.ผู้ล่อซื้อฝิ่นส่งมอบเงินค่าซื้อฝิ่นให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2ยืนอยู่ด้วย จำเลยที่ 1 นับเงินแล้วส่งให้จำเลยที่ 2 ตรวจนับเงินต่อ พร้อมทั้งจำเลยที่ 1 ได้มอบฝิ่นให้แก่จ่าสิบตำรวจ ส. การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันขายหรือจำหน่ายฝิ่นตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบเงินและฝิ่นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
จ่าสิบตำรวจ ส. ผู้ล่อซื้อฝิ่นส่งมอบเงินค่าซื้อฝิ่นให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 ยืนอยู่ด้วย จำเลยที่ 1 นับเงินแล้วส่งให้จำเลยที่ 2 ตรวจนับเงินต่อ พร้อมทั้งจำเลยที่ 1 ได้มอบฝิ่นให้แก่จ่าสิบตำรวจ ส. การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันขายหรือจำหน่ายฝิ่นตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจากหนี้สินล้นพ้นตัว โดยมีหนี้ถึงที่สุดและข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย
โจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยที่ 2 ซึ่งต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันจำนวนเงินไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท จำนวนสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยได้รับหนังสือทวงถามแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่า เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 8(9) และเมื่อฟังประกอบหลักฐานอื่นว่า จำเลยที่ 2 ยังเป็นหนี้โจทก์ในคดีอื่นซึ่งถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งถึงความอยู่และแท้จริงของหนี้ดังกล่าว จึงนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาฟังประกอบดุลพินิจเพื่อมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 เด็ดขาดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันขายทอดตลาดเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2มิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องแจ้งวันขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1ทราบก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2752/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งวันขายทอดตลาด: บุคคลผู้มีส่วนได้เสียเฉพาะทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 มิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่บุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องแจ้งวันขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1 ทราบก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: การงดการขาย, ราคาต่ำกว่าราคาสูงสุดเดิม, และการเพิกถอนการขาย
เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 434,000 บาท ในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ให้ราคาสูงสุด 500,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนอง และกำชับโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดหน้า มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควร แต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่า 450,000 บาท ตามที่มีผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่สอง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงาน-บังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสองจำเลยจึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดใหม่อีกไม่ได้
การที่ผู้ซื้อทรัพย์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฎหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2746/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: ศาลยืนตามเจ้าพนักงาน หากไม่มีพฤติการณ์ทุจริตหรือฝ่าฝืนกฎหมาย แม้ผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญา
เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ที่ยึดไว้ 434,000 บาทในการขายทอดตลาดครั้งแรกมีผู้ให้ราคาสูงสุด 500,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีได้งดการขายตามคำคัดค้านของโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนอง และกำชับโจทก์ จำเลยและผู้รับจำนองให้หาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ในนัดหน้า มิฉะนั้นจะขายไปในราคาที่เห็นสมควรแต่จำเลยไม่สามารถหาคนมาซื้อในราคาที่สูงกว่า 450,000 บาท ตามที่มีผู้ให้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดครั้งที่สอง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดไปในราคาดังกล่าวตามที่เห็นสมควรแล้ว โดยไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296วรรคสอง จำเลยจึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและทำการขายทอดตลาดใหม่ อีกไม่ได้ การที่ผู้ซื้อทรัพย์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการต่อไปตามสัญญาและบทกฎหมาย มิใช่ข้ออ้างเพื่อเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์สินคืน ย่อมทำให้สิทธิจำนำระงับสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตราดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์คืน สิทธิจำนำระงับสิ้น ไม่สามารถขอกันส่วนได้
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769(2) แห่ง ป.พ.พ. สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตราดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์สินจำนำทำให้สิทธิจำนำระงับสิ้น และไม่มีสิทธิขอกันส่วนตามกฎหมาย
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำ ย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตรา ดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้.
of 33