พบผลลัพธ์ทั้งหมด 323 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าว่าคดีแทนจำเลยโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีแพ่งหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และสิทธิในการยื่นคำขอรับชำระหนี้
ขณะคดีแพ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 25แต่ศาลจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามที่เห็นสมควรก็ได้ เมื่อปรากฏว่าศาลได้มีหนังสือแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงไม่ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลย และขอให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีเพื่อให้โจทก์ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแต่ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป อันมีผลเท่ากับศาลไม่อนุญาตให้จำหน่ายคดีตามคำแถลงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว แม้ในวันนัดต่อ ๆ มาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้มาศาลก็ตาม แต่ศาลได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลทุกครั้ง กรณีดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้าว่าคดีแทนจำเลยแล้วเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดีผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีแพ่งย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่คดีแพ่งดังกล่าวถึงที่สุด ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 93.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสภาพการจ้างและการปรับอัตราเงินเดือน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เคยประกาศใช้ข้อบังคับตามเอกสารหมาย จ.3 ที่กำหนดอัตราเงินเดือนไว้ 21 ขั้น และจำเลยได้ปรับอัตราเงินเดือนให้แก่โจทก์เกินอัตราขั้นสูง อันเป็นคุณแก่โจทก์มากแล้ว ซึ่งเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยไม่ชอบ แต่อุทธรณ์ของโจทก์สรุปได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยไม่ชอบ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพักงานลูกจ้างโดยจ่ายค่าจ้าง ไม่ถือเป็นการลงโทษ จึงสามารถขออนุญาตศาลลงโทษภายหลังได้
การที่ผู้ร้องสั่งพักงานผู้คัดค้านโดยจ่ายค่าจ้าง เป็นการสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขออนุญาตลงโทษผู้คัดค้านต่อศาลแรงงานกลางเสียก่อน ไม่ถือว่าเป็นการลงโทษจึงมิใช่กรณีผู้ร้องลงโทษผู้คัดค้านก่อนมาขออนุญาตศาล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเข้าเป็นคู่ความของผู้มีส่วนได้เสียในคดีครอบครองปรปักษ์ ศาลอนุญาตให้เข้าเป็นคู่ความตามมาตรา 57(1) ได้
ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องอ้างว่า ช. ยกที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องและผู้ร้องสอด หรือสั่งว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว คำร้องของ ผู้ร้องสอดจึงเป็นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องสอดเมื่อผู้ร้องสอดเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดีย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุด
จำเลยเคยถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาต่อศาลชั้นต้นในข้อหาหมิ่นประมาท คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง ซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกัน ดังนี้ ต้องฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ศาลแพ่งต้องยึดตามคำพิพากษาศาลอาญาที่วินิจฉัยว่าไม่มีหลักฐานความผิด
โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับการกระทำอันเดียวกันเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงในข้อหาหมิ่นประมาท ศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีอาญาแล้วว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าจำเลยได้กล่าวข้อความใส่ความโจทก์ต่อผู้อื่นอันฝ่าฝืนความจริงหรือไม่ ดังนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในคดีบังคับคดี: ผู้รับโอนสิทธิยังไม่จดทะเบียน ไม่ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้สั่งงดการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไว้ก่อนเพื่อบรรเทาความเสียหาย เป็นเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264กรณีไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามมาตรา 231 เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้งดการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้องอันเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณา โจทก์ย่อมมีสิทธิฎีกาได้ตามมาตรา 228(2),247 ผู้ร้องมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แม้จำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง แต่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กัน ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะมาร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจำนองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้จากการกระทำที่เอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งก่อนล้มละลาย
การที่จำเลยขอกู้ยืมเงินจากผู้คัดค้าน และผู้คัดค้านตกลงยินยอมให้กู้ เมื่อผู้คัดค้านมอบเงินที่กู้ให้จำเลยรับไป การกู้ยืมก็เกิดขึ้น ผู้คัดค้านจึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยในทันทีนั้นเอง หลังจากนั้นการที่จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้แก่ผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านจึงเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยอยู่ก่อนแล้วในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 การจำนองที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันเงินกู้แก่ผู้คัดค้านมีผลบังคับนับแต่วันที่มีการทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันคือวันที่ 31 มกราคม 2527 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย วันที่13 กุมภาพันธ์ 2527 จำเลยมอบอำนาจให้ ช. ไปทำการจำนองดังกล่าวจึงเป็นการที่จำเลยกระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย และเมื่อจำเลยเป็นหนี้เจ้าหนี้ถึง 134 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 99,000,000 บาท แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของจำเลยได้เพียง 711,227.45 บาทจำเลยมีหนี้สินรวมกันมากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่หลายเท่าตัว จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันเงินกู้แก่ผู้คัดค้านเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ก่อนที่จำเลยจะถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเพียง 13 วัน ทั้งผู้คัดค้านก็มิได้นำสืบว่ากิจการของจำเลยกำลังรุ่งเรืองแต่อย่างใด พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวแสดงว่า จำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นตามมาตรา 115
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจำนองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้อื่นในคดีล้มละลาย พิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์
จำนองเป็นสัญญาที่เอาทรัพย์สินตราไว้เป็นประกันการชำระหนี้มีหนี้ประธาน คือหนี้เงินกู้ยืมที่ลูกหนี้รับไปในวันกู้ยืม ส่วนจำนองเป็นแต่เพียงอุปกรณ์แห่งหนี้เงินกู้ยืมซึ่งเป็นหนี้คนละส่วนที่แยกออกจากกันได้ เมื่อเจ้าหนี้ตกลงให้กู้และมอบเงินกู้ให้ลูกหนี้รับไป การกู้ยืมก็เกิดขึ้น เจ้าหนี้จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ หลังจากนั้นลูกหนี้ได้มอบอำนาจให้ ช. ไปทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้จึงเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้อยู่ก่อนแล้วในขณะที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนอง สัญญาจำนองต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 714 การจำนองที่ดินพิพาทจึงมีผลบังคับนับแต่วันที่มีการทำสัญญาและจดทะเบียนจำนองกัน คือวันที่ 31 มกราคม 2527เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ขอให้ล้มละลาย ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2527การที่ลูกหนี้มอบอำนาจให้ ช. จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่เจ้าหนี้ จึงเป็นการกระทำใด ๆ ซึ่งลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามเดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย และการที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ 134 ราย รวมเป็นเงินประมาณ99,000,000 บาท แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ 711,227.45 บาท ลูกหนี้จึงมีหนี้สินรวมกันมากกว่าจำนวนทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่หลายเท่าตัว ลูกหนี้ได้จำนองที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันเงินกู้แก่เจ้าหนี้เป็นจำนวน500,000 บาท ก่อนที่ลูกหนี้จะถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเพียง 13 วันโดยไม่ปรากฏว่ากิจการของลูกหนี้กำลังรุ่งเรือง พฤติการณ์แห่งคดีแสดงว่าลูกหนี้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ดังนี้ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนการจำนองได้ตามพ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 115.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินมรดกผ่านการครอบครองเพื่อตนเองและการเสียภาษีอย่างต่อเนื่อง
ที่ดินพิพาทมี ส.ค.1 เป็นมรดก โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาทชั้นหลานของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกตาย มารดาโจทก์ พี่ชายโจทก์และโจทก์ได้เข้าไปปลูกบ้านในที่ดินพิพาทและเก็บเงินค่าเช่าบ้านพักที่ปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทมาบำรุงรักษาและซ่อมแซมบ้านดังกล่าว อันเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่น แต่เมื่อจำเลยเตือน ขอให้มารดาโจทก์แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่ทายาท มารดาโจทก์ไม่ยอมแบ่งให้และว่า ถ้าอยากได้ก็ให้ไปฟ้องเอาเอง และมารดาโจทก์ก็จัดการชำระภาษีโรงเรือนและภาษีที่ดินในนามของตนเอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่ามารดาโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเองแล้ว หาใช่เป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ ทั้งไม่ปรากฏว่าได้มีทายาทคนหนึ่งคนใดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทนี้แต่อย่างใดสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจึงตกอยู่แก่มารดาโจทก์แล้วเมื่อมารดาโจทก์ถึงแก่ความตาย โจทก์ซึ่งเป็นบุตรและเป็นทายาทก็เข้าครอบครองต่อและเสียภาษีที่ดินและภาษีโรงเรือนในนามของโจทก์ทั้งโจทก์ยังได้ฟ้องขับไล่ทายาทอื่นให้ออกจากห้องแถวซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทอีกด้วย ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของโจทก์แล้ว.