คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมพงษ์ สนธิเณร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 633 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ (น้ำเสียรั่ว) ไม่เป็นคดีมีทุนทรัพย์ อนุญาตฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง 78,200บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์ โดยไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้ หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใด ๆ ให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ดังนี้ ความประสงค์โดยตรงของโจทก์นั้น มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไป ถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง ซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ย ก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6641/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขอปลดเปลื้องทุกข์จากการรั่วซึมของน้ำเสีย ไม่ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงไม่ขัดต่อการฎีกาตามมาตรา 248
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้อง78,200บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะโยกย้ายถังส้วมหรือปรับปรุงแก้ไขจนน้ำเสียจากบ้านจำเลยไม่ไหลซึมเข้าบ้านโจทก์กับมีคำขอให้จำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปจากบริเวณข้างบ้านโจทก์โดยที่ไม่ทำให้น้ำจากถังส้วมและห้องน้ำไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ได้หรือให้จำเลยทำถังส้วมใหม่โดยการเทฐานคอนกรีตก่ออิฐมอญฉาบปูนขัดมันภายในถังส้วมของจำเลยและไม่กระทำการใดๆให้น้ำเสียจากบ้านจำเลยไหลซึมเข้าบ้านโจทก์ความประสงค์โดยตรงของโจทก์มุ่งที่จะขอให้บังคับจำเลยย้ายถังส้วมและห้องน้ำออกไปถือได้ว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองซึ่งมิได้ห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงแม้จะมีคำขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายก่อนฟ้องพร้อมดอกเบี้ยก็ไม่ทำให้เป็นคดีมีทุนทรัพย์อันจะทำให้โจทก์ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6304/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหุ้น: หุ้นชนิดเดียวกันใช้แทนกันได้ แม้ซื้อใหม่หลังฟ้องคดี ไม่ทำให้หนี้สูญ
ใบหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์เป็นทรัพย์ที่มีสภาพเช่นเดียวกับสังกมทรัพย์ซึ่งสามารถนำใบหุ้นชนิดและประเภทเดียวกันซึ่งมีจำนวนเท่ากันใช้โอนแทนกันได้หาจำต้องเป็นใบหุ้นฉบับเดียวกับที่ซื้อไว้ด้วยไม่และแม้จะเป็นใบหุ้นที่ซื้อมาในวันอื่นภายหลังก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6304/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีด้วยใบหุ้นทดแทน: สิทธิในการรับชำระหนี้ด้วยใบหุ้นชนิดเดียวกัน แม้ซื้อภายหลังฟ้อง
ใบหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์เป็นทรัพย์ที่มีสภาพ เช่นเดียวกับสังกมทรัพย์ ซึ่งสามารถนำใบหุ้นชนิดและประเภทเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนเท่ากันใช้แทนกันได้แม้จะเป็นใบหุ้นที่ซื้อมาในวันอื่นภายหลังก็ตาม เมื่อก่อนฟ้อง คดีนี้โจทก์ได้ซื้อหุ้นให้แก่จำเลยตามข้อตกลงถูกต้องครบถ้วนแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะนำใบหุ้นบริษัทเดียวกันหมายเลขใด ๆ ซึ่งมีจำนวนหุ้นเท่ากันมาโอนให้แก่จำเลยได้ ดังนั้น การที่โจทก์ส่งมอบใบหุ้นพิพาทให้แก่กรมบังคับคดีในการบังคับคดีเอาแก่จำเลยเช่นนี้ถือว่าโจทก์ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิดชำระเงินค่าหุ้นให้โจทก์ตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6304/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหุ้น: ใบหุ้นชนิดเดียวกันใช้แทนกันได้ แม้ซื้อภายหลังฟ้องคดี
ใบหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์เป็นทรัพย์ที่มีสภาพเช่นเดียวกับสังกมทรัพย์ซึ่งสามารถนำใบหุ้นชนิดและประเภทเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนเท่ากันใช้โอนแทนกันได้ หาจำต้องเป็นใบหุ้นฉบับเดียวกับที่ซื้อไว้ด้วยไม่ และแม้จะเป็นใบหุ้นที่ซื้อมาในวันอื่นภายหลังก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6284/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: การพิจารณาเหตุผลที่แท้จริงในการเลิกจ้างและการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
จำเลยอุทธรณ์ว่า เงินค่าน้ำมันที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นประจำทุกเดือนโดยพิจารณาจากการออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ของโจทก์เพียงอย่างเดียวซึ่งหน้าที่การทำงานปกติของโจทก์ต้องออกไปเยี่ยมเยียนลูกค้านอกสถานที่ และโดยส่วนใหญ่โจทก์จะได้รับเงินดังกล่าวเต็มจำนวนทุกเดือนเงินดังกล่าวจำเลยจ่ายให้โจทก์ตามผลของการปฏิบัติงานของโจทก์ ก็คือการจ่ายตามผลงานนั้นเอง และเงินดังกล่าวจำเลย ถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน จึงเป็นค่าจ้างและจะต้องนำเงิน จำนวนดังกล่าวมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยนั้น เป็นการ ยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลแรงงานที่ฟัง ข้อเท็จจริงว่า จำเลยจ่ายค่าน้ำมันรถให้ไม่แน่นอนแล้วแต่การออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ของโจทก์ตามส่วน เป็นเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้โจทก์ที่ต้องจ่ายจริง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างมีผลกระทบความรู้สึกของพนักงานส่วนหนึ่งที่ทราบเรื่องและไม่พอใจโจทก์ และการที่จำเลยพิจารณาแล้วเห็นว่าอาจเกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้นั้นแม้จะเป็นการคาดเดาเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดจริงก็ตาม แต่เมื่อเป็นการคาดการณ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริงที่สืบเนื่องจาก ผลแห่งการกระทำของโจทก์ ดังนี้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นไปตามเหตุที่มีอยู่จริงและเพื่อผลในการป้องกันมิให้เกิดปัญหา หาได้มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควร ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6284/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง: เหตุผลทางธุรกิจ, ผลกระทบต่อความรู้สึกพนักงาน และการป้องกันปัญหา
จำเลยอุทธรณ์ว่า เงินค่าน้ำมันที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นประจำทุกเดือนโดยพิจารณาจากการออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ของโจทก์เพียงอย่างเดียวซึ่งหน้าที่การทำงานปกติของโจทก์ต้องออกไปเยี่ยมเยียนลูกค้านอกสถานที่ และโดยส่วนใหญ่โจทก์จะได้รับเงินดังกล่าวเต็มจำนวนทุกเดือน เงินดังกล่าวจำเลยจ่ายให้โจทก์ตามผลของการปฏิบัติงานของโจทก์ ก็คือการจ่ายตามผลงานนั้นเอง และเงินดังกล่าวจำเลยถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน จึงเป็นค่าจ้างและจะต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยนั้น เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลแรงงานที่ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยจ่ายค่าน้ำมันรถให้ไม่แน่นอนแล้วแต่การออกปฏิบัติงานนอกสถานที่ของโจทก์ตามส่วน เป็นเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้โจทก์ที่ต้องจ่ายจริง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างมีผลกระทบความรู้สึกของพนักงานส่วนหนึ่งที่ทราบเรื่องและไม่พอใจโจทก์ และการที่จำเลยพิจารณาแล้วเห็นว่าอาจเกิดปัญหาขึ้นภายหลังได้นั้น แม้จะเป็นการคาดเดาเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดจริงก็ตาม แต่เมื่อเป็นการคาดการณ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริงที่สืบเนื่องจากผลแห่งการกระทำของโจทก์ ดังนี้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นไปตามเหตุที่มีอยู่จริงและเพื่อผลในการป้องกันมิให้เกิดปัญหา หาได้มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควร ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6235/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีส่วนขาด แต่ไม่ถือเป็นผิดนัด
จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์เป็นงวด ๆ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลพิพากษาตามยอมตลอดมาโดยวางเงินต่อศาล จนถึงงวดสุดท้ายจำเลยก็ได้ชำระเงินภายในกำหนดเวลา จำเลยจึงหาได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่ เพียงแต่งวดสุดท้ายชำระหนี้ขาดไป 40,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนหนี้ทั้งหมด2,150,000 บาท แล้ว นับว่าเป็นส่วนน้อยมากและเกิดขึ้นเพราะความเผอเรอ อีกทั้งเมื่อจำเลยทราบเหตุก็ได้นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อให้โจทก์รับไปทันที แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะบิดพลิ้วในการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ และต่อมาโจทก์ก็ขอรับเงินดังกล่าวไปโดยมิได้อิดเอื้อน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัด อันจะเป็นเหตุให้โจทก์บังคับคดีได้เต็มตามฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6235/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ขาดจำนวนน้อย ก็ไม่ถือเป็นการผิดสัญญาหากเจตนาดีและมีการชำระหนี้ครบถ้วนในภายหลัง
จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์เป็นงวดๆตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมตลอดมาโดยวางเงินต่อศาลจึงถึงงวดสุดท้ายจำเลยก็ได้ชำระเงินภายในกำหนดเวลาจำเลยจึงหาได้กำหนดเวลาจำเลยจึงหาได้ผิดนัดชำระหนี้ไม่เพียงแต่งวดสุดท้ายชำระหนี้ขาดไป40,000บาทซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนหนี้ทั้งหมด2,150,000บาทแล้วนับว่าเป็นส่วนน้อยมากและเกิดขึ้นเพราะความเผอเรออีกทั้งเมื่อจำเลยทราบเหตุก็ได้นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อให้โจทก์รับไปทันทีแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะบิดพลิ้วในการชำระหนี้ให้แก่โจทก์และต่อมาโจทก์ก็ขอรับเงินดังกล่าวไม่มีเจตนาที่จะบิดพลิ้วในการชำระหนี้ให้แก่โจทก์และต่อมาโจทก์ก็ขอรับเงินดังกล่าวไปโดยมิได้อิดเอื้อนจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดอันจะเป็นเหตุให้โจทก์บังคับคดีได้เต็มตามฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6172/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งคืนรถยนต์เช่าซื้อที่ถูกยึด: การฟ้องร้องต้องเป็นคดีมีข้อพิพาท
ผู้ร้องยื่นร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งได้ให้ ว.เช่าซื้อไปแล้วว. ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกันทันทีตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและ ว.ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ร้องแต่ว.ไม่ส่งคืน ต่อมารถยนต์ได้เกิดอุบัติเหตุถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้เพื่อประกอบคดี ผู้ร้องได้ไปติดต่อขอรับรถยนต์คืนแต่พนักงานสอบสวนไม่คืนให้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน คืนรถยนต์ให้แก่ผู้ร้อง การยื่นคำร้องขอดังกล่าวไม่มีกฎหมาย สนับสนุนให้ยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่เกี่ยวกับรถยนต์ ก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลได้ โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อย่างคดีมีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เมื่อผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ตามกฎหมาย ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอ ฉะนั้น แม้ผู้คัดค้าน จะยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีก็ตามก็ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีที่มีข้อพิพาทได้ และไม่อาจปรับเข้ากับมาตรา 188(4) ได้
of 64