คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวรรค์ ศักดารักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 643 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7512/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงค่าระวางขนส่ง: ข้อจำกัดและขอบเขตการบังคับใช้
การชำระค่าระวางขนส่งระหว่างโจทก์จำเลยนี้ เมื่อสินค้าไปถึงท่าเรือของโจทก์แล้ว จำเลยมีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าระวางขนส่งได้ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าหลังจากจำเลยขนสินค้าไปถึงท่าเรือของโจทก์และมีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือจำเลยไปแล้วบางส่วน จำเลยได้มีหนังสือให้โจทก์ชำระค่าขนส่งและค่าเรือเสียเวลาแก่จำเลยแล้วหลายครั้ง แต่โจทก์ไม่ยอมชำระจำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงเหล็กพิพาทของโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 630
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งแต่เพียงว่า จำเลยมีสิทธิที่จะยึดหน่วงไว้เพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ได้ให้การโดยแจ้งชัดว่าเกินความจำเป็นอย่างไรและศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท ฎีกาของโจทก์ที่ว่าเหล็กพิพาทที่จำเลยยึดหน่วงไว้มีราคาสูงเกินกว่าตามที่จำเป็นจะพึงใช้สิทธิยึดหน่วงไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.พ.พ.มาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ที่โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้ปรากฏว่าระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยขายทอดตลาดเหล็กพิพาทได้เงินมาจำนวน 161,000 บาทจำเลยได้หักเป็นค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งรวมทั้งค่าเสียหายอื่น ๆตามฟ้องแย้งไปรวมเป็นเงิน 118,965 บาท คงเหลือเงินที่จำเลยนำมาวางศาลจำนวน 42,035 บาท โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยอีกนั้น ฎีกาโจทก์ดังกล่าวเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดี ซึ่งไม่เป็นเหตุทำให้ศาลฎีกาต้องเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7512/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงค่าระวางขนส่งและการชำระหนี้: การยึดหน่วงถูกต้องตามกฎหมายเมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าขนส่ง
การชำระค่าระวางขนส่งระหว่างโจทก์จำเลยนี้เมื่อสินค้าไปถึงท่าเรือของโจทก์แล้วจำเลยมีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าระวางขนส่งได้ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าหลังจากจำเลยขนสินค้าไปถึงท่าเรือของโจทก์และมีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือจำเลยไปแล้วบางส่วนจำเลยได้มีหนังสือให้โจทก์ชำระค่าขนส่งและค่าเรือเสียเวลาแก่จำเลยแล้วหลายครั้งแต่โจทก์ไม่ยอมชำระจำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงเหล็กพิพาทของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา630 โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งแต่เพียงว่าจำเลยมีสิทธิที่จะยึดหน่วงไว้เพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้นไม่ได้ให้การโดยแจ้งชัดว่าเกินความจำเป็นอย่างไรและศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทฎีกาของโจทก์ที่ว่าเหล็กพิพาทที่จำเลยยึดหน่วงไว้มีราคาสูงเกินกว่าตามที่จำเป็นจะพึงใช้สิทธิยึดหน่วงไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา249วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ที่โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้ปรากฏว่าระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยขายทอดตลาดเหล็กพิพาทได้เงินมาจำนวน161,000บาทจำเลยได้หักเป็นค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งรวมทั้งค่าเสียหายอื่นๆตามฟ้องแย้งไปรวมเป็นเงิน118,965บาทคงเหลือเงินที่จำเลยนำมาวางศาลจำนวน42,035บาทโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยอีกนั้นฎีกาโจทก์ดังกล่าวเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีซึ่งไม่เป็นเหตุทำให้ศาลฎีกาต้องเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7300/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยของผู้รับประกันภัยในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดและผู้ต้องร่วมรับผิด
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ เนื่องจากจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อชนรถยนต์ ของผู้มีชื่อที่ได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหายโดยจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดกับจำเลยที่ 1ตามกฎหมาย และโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องร้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยอำนาจตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 มิใช่เป็นการฟ้องร้อง บังคับคดีตามสัญญาประกันภัย จึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงจึงไม่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7298/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้าง: คำพูดไล่ออกไม่ได้มีลักษณะเป็นการเลิกจ้าง หากเกิดจากความไม่พอใจและโต้เถียงกัน
การที่พ.กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยพูดแก่โจทก์ว่าทำอย่างนี้ออกไปดีกว่ายังไม่เป็นการไล่โจทก์ออกจากงานอาจพูดด้วยความไม่พอใจที่ถูกลูกค้าติและโจทก์ได้พูดโต้ตอบพ.ทำให้พ. เกิดโทสะจริตจึงได้พูดกับโจทก์ดังกล่าวไม่มีกิจจะลักษณะว่าจำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา582

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7298/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดแสดงความไม่พอใจ ไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง
คำพูดของ พ.กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยที่พูดแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างว่า ทำอย่างนี้ออกไปดีกว่า ยังไม่เป็นการไล่โจทก์ออกจากงาน เพราะพูดด้วยความไม่พอใจที่ถูกลูกค้าติว่าโจทก์ซึ่งทำหน้าที่พ่อครัวทำอาหารเค็มจัดหวานจัดและโจทก์ได้พูดโต้ตอบกับ พ. ทำให้ พ.เกิดโทสะจริตจึงได้พูดกับโจทก์ดังกล่าวไปและไม่มีกิจจะลักษณะว่าจำเลยโดย พ.จะเลิกจ้างโจทก์ การที่โจทก์ออกจากงานไปยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตาม ป.พ.พ.มาตรา 582

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7149/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินจากการซื้อขายและการจำนองที่ดินโดยผู้ไม่มีสิทธิ
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้องโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนโอนสิทธิกันตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา4ทวิแต่การที่ผู้ร้องได้รับการครอบครองแล้วผู้ร้องย่อมได้สิทธิครอบครองไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1377และ1378 เมื่อจำเลยผู้จำนองมิใช่เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปจำนองเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา705การจำนองจึงไม่มีผลโดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจำนองสุจริตหรือไม่ การได้ที่ดินมาโดยการซื้อขายและด้วยวิธีส่งมอบการครอบครองเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรมไม่อยู่ในบังคับของมาตรา1299วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7149/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยไม่จดทะเบียน & สิทธิครอบครอง - ผลของการจำนองโดยผู้มิใช่เจ้าของ
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้องโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนโอนสิทธิกันตาม ป.ที่ดิน มาตรา4 ทวิ แต่การที่ผู้ร้องได้รับการครอบครองแล้ว ผู้ร้องย่อมได้สิทธิครอบครองไปตามป.พ.พ. มาตรา 1377 และ 1378
เมื่อจำเลยผู้จำนองมิใช่เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปจำนอง เป็นการต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 705 การจำนองจึงไม่มีผล โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจำนองสุจริตหรือไม่
การได้ที่ดินมาโดยการซื้อขายและด้วยวิธีส่งมอบการครอบครองเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรม ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 1299 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7022/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์สัญญาค้ำประกัน: ค้ำประกันหนี้รายเดียวกัน ปิดอากรแสตมป์ฉบับเดียวได้
บัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร หมวด 6 ข้อ 17เรื่อง ค้ำประกัน กำหนดไว้ว่า "สัญญาค้ำประกันสำหรับจำนวนเงินเกิน 10,000 บาทผู้ค้ำประกันต้องปิดอากรแสตมป์ 10 บาท" บทบัญญัติดังกล่าวมิได้กำหนดไว้ว่าจะต้องปิดอากรแสตมป์คนละ 10 บาท แม้ตามสัญญาค้ำประกันจะมีจำเลยที่ 2 และที่ 3เป็นผู้ลงลายมือชื่อค้ำประกัน 2 คน แต่ก็เป็นการค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน สัญญาฉบับเดียวกัน การปิดอากรแสตมป์ไว้ในสัญาค้ำประกันดังกล่าว 10 บาท เป็นการถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงรับฟังสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7022/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้รายเดียวกัน การปิดอากรแสตมป์ถูกต้อง และความรับผิดของผู้ค้ำประกันร่วม
จำเลยที่2และที่3เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์ของจำเลยที่1ต่อโจทก์สัญญาค้ำประกันดังกล่าวทำขึ้นเป็นฉบับเดียวเมื่อบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากรหมวด6ข้อ17เรื่องค้ำประกันมิได้กำหนดไว้ว่าจะต้องปิดอากรแสตมป์คนละ10บาทแม้ตามสัญญาค้ำประกันจะมีจำเลยที่2และที่3เป็นผู้ลงลายมือชื่อค้ำประกัน2คนแต่ก็เป็นการค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันสัญญาฉบับเดียวกันการที่ปิดอากรแสตมป์ไว้ในสัญญาค้ำประกันดังกล่าว10บาทเป็นการถูกต้องครบถ้วนจึงรับฟังสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6923/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อเท็จจริง
ศาลแรงงานวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่ารายรับของจำเลยเป็นวิธีแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจวิธีหนึ่ง ในแต่ละปีจำเลยมีกำไรจัดแบ่งโบนัสให้แก่โจทก์และพนักงานคนอื่น จำเลยอุทธรณ์ว่ารายรับของจำเลยไม่มีกำไร จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า เอกสารหมาย ล.3 เป็นเพียงซีด้าหารือมาเพื่อให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้น หลังจากที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว จำเลยก็ยังประกาศรับสมัครพนักงานอื่นอีกและได้เปลี่ยนวิธีการเป็นจ้างนิติบุคคลมาทำงานแทน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ก่อนครบกำหนดตามสัญญา ทำให้โจทก์มีปัญหาในครอบครัวของโจทก์ที่ขาดรายได้ตามปกติ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งโจทก์ยังมีสิทธิที่จะได้ทำงานตามสัญญาอีกมีระยะเวลาถึง 7 เดือน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะโจทก์หวังว่าจะได้ทำงานจนครบกำหนดตามสัญญาและเมื่อใกล้จะครบกำหนดตามสัญญาโจทก์จึงจะหางานใหม่ได้ทัน จำเลยทำสัญญาไว้กับโจทก์มีระยะเวลาที่แน่นอนและโจทก์มิได้กระทำความผิด ที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหายนั้น ศาลแรงงานวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA)มีคำสั่งให้ลดพนักงานลงเนื่องจากโครงการของหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา (CIDA) มีจำนวนลดลงจริง จำเลยจึงมีเหตุผลเพียงพอเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์ว่าหน่วยงานการพัฒนาระหว่างประเทศแคนาดา(CIDA) เพียงแต่หารือมาให้จำเลยหาทางลดจำนวนพนักงานลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในปีต่อไปเท่านั้น จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมนั้นเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน อุทธรณ์ของโจทก์และจำเลยจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 65