พบผลลัพธ์ทั้งหมด 643 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานรถไฟ ไม่ใช่บำนาญ การจ่ายเงินช่วยค่าครองชีพเป็นดุลพินิจจำเลย
เงินสงเคราะห์รายเดือนที่โจทก์ได้รับ เป็นเงินสงเคราะห์ที่จ่ายจากกองทุนสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ออกข้อบังคับไว้โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2494 มิใช่บำนาญ ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการการจ่ายเงินสงเคราะห์นี้ ข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 49ว่าด้วยกองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ข้อ 20กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานที่ถูกเก็บเงินตามข้อ 5 แห่งข้อบังคับนี้ได้รับเงินสงเคราะห์โดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการและระเบียบการที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายบำนาญแต่พระราชกฤษฎีกา เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521มาตรา 4 ตรี มาตรา 4 จัตวา และมาตรา 4 ฉ มิใช่พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ทั้งมิใช่ระเบียบการที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายบำนาญ จึงไม่จำต้องนำพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาอนุโลมใช้ตามข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทยข้างต้น จำเลยจะจ่ายเงินช่วยค่าครองชีพให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์มากน้อยเพียงใดเป็นดุลพินิจของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันค่าเครื่องบิน: โจทก์เป็นตัวแทนคนงาน ไม่ใช่ผู้ทรงสิทธิ
จำเลยออกเช็คจำนวนเงินเท่ากับจำนวนเงินในตั๋วแลกเงินของคนงานให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อค้ำประกันเงินตามตั๋วแลกเงินที่คนงานจ่ายเป็นค่าเครื่องบินให้แก่จำเลย มิใช่จำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์จึงเป็นเพียงตัวแทนของคนงานเท่านั้นแม้เช็คจะระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินก็มีผลเพียงให้ถือไว้แทนคนงานหาได้ทำให้โจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 904 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ เช็คย่อมไม่มีมูลหนี้ที่โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยผู้สั่งจ่ายรับผิดชำระเงินให้ตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนคดีและการสืบพยาน: คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนไม่ใช่ขาดนัด
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีตามที่ทนายจำเลยขอและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ คำสั่งดังกล่าวมิใช่คำสั่งที่แสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเบี้ยกิโลเมตรเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง คำนวณค่าชดเชยได้
จำเลยจ่ายค่าเบี้ยกิโลเมตรให้โจทก์ทุกวันตามระยะทางที่โจทก์ขับรถได้ในอัตรากิโลเมตรละ35 สตางค์ ค่าเบี้ยกิโลเมตรจึงเป็นเงินที่จำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันที่ทำงานหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่พนักงานทำงานได้ จึงเป็น"เงินเดือนค่าจ้าง"ตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534ข้อ 3 ซึ่งจะต้องนำไปรวมคำนวณค่าชดเชยที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ตามข้อ 45 แห่งระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ฉบับดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเบี้ยกิโลเมตรเป็นเงินเดือนค่าจ้าง ต้องนำไปคำนวณค่าชดเชย
จำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจ่ายค่าเบี้ยกิโลเมตรให้โจทก์ซึ่งพนักงานขับรถทุกวันตามระยะทางที่ขับรถได้ในอัตรากิโลเมตรละ 35 สตางค์โจทก์ขับรถวันละ 609 กิโลเมตร ได้รับค่าเบี้ยกิโลเมตรวันละ 213 บาท ค่าเบี้ยกิโลเมตรดังกล่าวจึงเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันที่ทำงานหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่พนักงานทำงานได้ ค่าเบี้ยกิโลเมตรจึงเป็น "เงินเดือนค่าจ้าง" ตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจพ.ศ.2534 ข้อ 3 ซึ่งจะต้องนำไปรวมคำนวณค่าชดเชยที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่โจทก์ตามข้อ 45 แห่งระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ฉบับดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4889/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเบี้ยกิโลเมตรเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง คำนวณค่าชดเชยได้
ค่าเบี้ยกิโลเมตรที่จำเลยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจ่ายให้โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถทุกวันตามระยะทางที่ขับรถได้ เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันที่ทำงาน หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่พนักงานทำงานได้เป็น "เงินเดือนค่าจ้าง" ตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานฯ ข้อ 3 ต้องนำไปรวมคำนวณค่าชดเชยที่จำเลยต้องจ่ายให้แก่โจทก์ตามข้อ 45 แห่งระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ฯฉบับดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผล ความรุนแรง และพฤติการณ์ของผู้กระทำ
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาไม่เกิน 24 วัน แต่ผู้เสียหายก็เบิกความยอมรับว่ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 5 วัน กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก7 วัน จึงไปทำงานได้ แม้ว่ามีดพร้าที่จำเลยใช้เป็นอาวุธฟันผู้เสียหายอาจทำให้ถึงตายได้ และผู้เสียหายมีบาดแผลที่หูและที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญก็ตาม แต่แพทย์เย็บบาดแผลทั้งหมดให้เพียง 7 เข็ม ทั้ง ๆ ที่จำเลยฟันหลายครั้ง ชี้ให้เห็นว่าจำเลยฟันไม่แรง นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเบิกความอีกว่าหากจำเลยจะฟันคอผู้เสียหายก็ฟันได้ แต่จำเลยไม่ทำ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า จึงลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายไม่ได้การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด: ไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดีได้
ศาล พิพากษา ถึงที่สุด และ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา แล้ว จึง ไม่อาจ จะ เปลี่ยน หรือ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4704/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด การเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดี
ศาลพิพากษาถึงที่สุด และกำหนดวิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้วจึงไม่อาจจะเปลี่ยนหรือกำหนดวิธีการบังคับคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีแรงงานที่มิได้โต้แย้ง ถือเป็นที่สิ้นสุด และอำนาจเลิกจ้างของนิติบุคคล
คำสั่งศาลแรงงานกลางที่กำหนดประเด็นข้อพิพาท เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ จึงไม่สามารถอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาล-แรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31
จำเลยเป็นนิติบุคคล น.ได้รับอำนาจจากกรรมการของจำเลยน.จึงเป็นผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล มีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ด้วย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 น.มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้
จำเลยเป็นนิติบุคคล น.ได้รับอำนาจจากกรรมการของจำเลยน.จึงเป็นผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล มีฐานะเป็นนายจ้างของโจทก์ด้วย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 น.มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้