พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7194/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: การเสพเมทแอมเฟตามีนและการขับรถภายใต้ฤทธิ์ยา
คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย (ก) จำเลยได้เสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เข้าสู่ร่างกายโดยวิธีรับประทานอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย (ข) จำเลยซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ประจำรถโดยเป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกไปตามทางหลวงและถนนสาธารณะโดยขณะขับรถได้เสพเมทแอมเฟตามีนตามคำฟ้องข้อ (ก) เข้าสู่ร่างกายโดยวิธีรับประทาน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยเสพเมทแอม-เฟตามีนต่างเวลาและต่างจำนวนกัน แต่กลับยอมรับว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยเสพตามฟ้อง ข้อ (ก) กับที่จำเลยเสพขณะขับรถยนต์บรรทุกตามฟ้อง ข้อ (ข) เป็นจำนวนเดียวกันและเสพในครั้งหนึ่งคราวเดียวกัน แม้การเสพเมทแอมเฟตามีนเพียงอย่างเดียวจะเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง แต่ความผิดฐานขับรถยนต์บรรทุกไปตามทางหลวงและทางสาธารณะโดยขณะขับรถได้เสพเมทแอมเฟตามีนก็เป็นกรรมเดียวที่เกิดจากการกระทำหลายอันเพราะต้องอาศัยองค์ประกอบความผิดคือการเสพเมทแอมเฟตามีนประกอบกับการขับรถไปตามทางหลวงหรือทางสาธารณะด้วยจึงจะเป็นความผิดดังนั้น การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7154/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะจากข้อมูลเท็จของผู้เอาประกัน และผลกระทบต่อสัญญาเพิ่มเติม
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคหอบหืดประจำตัว แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อความจริงนี้ให้จำเลยทราบซึ่งหากจำเลยทราบก็อาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นก่อนทำสัญญาหรือไม่รับประกันชีวิตของผู้ตาย สัญญาประกันชีวิตจึงเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะเหตุใด ดังนั้น เมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะหกล้มศีรษะฟาดพื้นเป็นเหตุให้เลือดออกในสมอง จำเลยจึงบอกล้างสัญญาประกันชีวิตอันต่อโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาได้และย่อมมีผลให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ
สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิต เมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะเพราะจำเลยบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้ว สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุย่อมตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นด้วย
สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิต เมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะเพราะจำเลยบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้ว สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุย่อมตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7154/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะจากข้อมูลเท็จของผู้เอาประกันภัย และผลกระทบต่อสัญญาประกันเพิ่มเติม
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยโดยทราบมาก่อนว่าตนเป็นโรคหอบหืดประจำตัวแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อความจริงนี้ให้จำเลยทราบซึ่งหากจำเลยทราบก็อาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นก่อนทำสัญญาหรือไม่รับประกันชีวิตของผู้ตายสัญญาประกันชีวิตจึงเป็นโมฆียะจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะเหตุใดดังนั้นเมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายเพราะหกล้มศีรษะฟาดพื้นเป็นเหตุให้เลือดออกในสมองจำเลยจึงบอกล้างสัญญาประกันชีวิตอันต่อโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาได้และย่อมมีผลให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ สัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันชีวิตเมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะเพราะจำเลยบอกล้างโมฆียะกรรมเสียแล้วสัญญาประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุย่อมตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานประจำวันคดีเป็นหลักฐานสัญญาค้ำประกันได้ หากมีเจตนาชัดเจนและลงลายมือชื่อ
ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุถึงการที่โจทก์ประสงค์จะขอถอนคำร้องทุกข์คดีอาญาเนื่องจากไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่1อีกต่อไปเพราะตกลงกันได้โดยจำเลยที่1ได้ออกเช็คพิพาท3ฉบับสั่งจ่ายเงินรวม410,000บาทเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์และมีจำเลยที่2ยืนยันว่าหากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับจำเลยที่2ยินยอมรับชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งให้แก่โจทก์นั้นย่อมแสดงให้เข้าใจได้ชัดเจนว่าถ้าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยที่2จะยอมชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์นั่นเองทั้งจำเลยที่2ก็ลงลายมือชื่อท้ายเอกสารดังกล่าวในช่องที่ระบุว่าผู้ค้ำประกันรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่จำเลยที่2ยอมตนเข้าค้ำประกันการชำระเงินตามเช็คที่จำเลยที่1ออกให้แก่โจทก์จำเลยที่2จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้ตามเช็ค: รายงานประจำวันเป็นหลักฐานแสดงเจตนาค้ำประกัน
ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุถึงการที่โจทก์ประสงค์จะขอถอนคำร้องทุกข์คดีอาญา เนื่องจากไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 อีกต่อไป เพราะตกลงกันได้โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คพิพาท 3 ฉบับ สั่งจ่ายเงินรวม 410,000 บาท เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ และมีจำเลยที่ 2 ยืนยันว่าหากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งให้แก่โจทก์นั้น ย่อมแสดงให้เข้าใจได้ชัดเจนว่าถ้าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 จะยอมชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์นั่นเอง ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ลงลายมือชื่อท้ายเอกสารดังกล่าวในช่องที่ระบุว่าผู้ค้ำประกัน รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่จำเลยที่ 2 ยอมตนเข้าค้ำประกันการชำระเงินตามเช็คที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7063/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัย: ความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้จัดการห้างหุ้นส่วน
กรมธรรม์ประกันภัยระบุเงื่อนไขว่า จำเลยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย และไม่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุมหรือครอบครองทรัพย์สินนั้น แต่รถยนต์คันเกิดเหตุที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้จากจำเลยร่วมเป็นของจำเลยร่วม แม้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยร่วม แต่จำเลยร่วมจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลย่อมเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนตาม ป.พ.พ.มาตรา 1015ดังนั้น จะถือว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยด้วยหาได้ไม่ ทั้งรถยนต์คันที่ได้รับความเสียหายเป็นของโจทก์ มิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยร่วมผู้เอาประกันภัย หรือของบุคคลดังกล่าว กรณีจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขเข้าข้อยกเว้นดังกล่าวที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และเป็นเจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนชนได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7063/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยรถยนต์: การยกเว้นความรับผิดต่อทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัว ไม่ครอบคลุมรถยนต์ที่เสียหายซึ่งเป็นของบุคคลภายนอก
กรมธรรม์ประกันภัยระบุเงื่อนไขว่าจำเลยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยและไม่คุ้มครอบความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้เก็บรักษาควบคุมหรือครอบครองทรัพย์สินนั้นแต่รถยนต์คันเกิดเหตุที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้จากจำเลยร่วมเป็นของจำเลยร่วมแม้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยร่วมแต่จำเลยร่วมจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลย่อมเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1015ดังนั้นจะถือว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยด้วยหาได้ไม่ทั้งรถยนต์คันที่ได้รับความเสียหายเป็นของโจทก์มิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยร่วมผู้เอาประกันภัยหรือของบุคคลดังกล่าวกรณีจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขเข้าข้อยกเว้นดังกล่าวที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนชนได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7031/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์โรงเรือนแยกจากที่ดิน ผู้ซื้อมีสิทธิเฉพาะโรงเรือน ไม่มีสิทธิในที่ดิน โจทก์มีสิทธิขับไล่
โรงเรือนพิพาทเดิมเป็นของ ท.โดย ท.เช่าที่ดินของ บ.เพื่อปลูกโรงเรือนพิพาทดังกล่าว ต่อมาปี 2530 บ.ยกที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงให้ ล.ต่อมา ล.ได้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็นหลายแปลง ทำให้โรงเรือนพิพาทอยู่บนที่ดินสองแปลง คือโฉนดเลขที่ 6204 และ 62023 ครั้นปี 2533 จำเลยซื้อโรงเรือนพิพาทมาจาก ท. หลังจากนั้นปี 2537 ล.ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 62023 แก่โจทก์กรณีจึงเป็นเรื่องจำเลยซื้อเฉพาะโรงเรือนพิพาทจาก ท. แม้การซื้อขายจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์เฉพาะโรงเรือนพิพาทเท่านั้น หามีสิทธิในที่ดินซึ่งปลูกโรงเรือนไม่ และเป็นเรื่องที่จำเลยมีโรงเรือนส่วนหนึ่งในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ และแม้จำเลยจะเช่าที่ดินของ ล.ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องการปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของบุคคลอื่นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ.มาตรา 1312 จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอมตามบทกฎหมายดังกล่าวได้ และโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7031/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในโรงเรือนเมื่อซื้อเฉพาะโรงเรือน ไม่ได้ซื้อที่ดิน โจทก์มีสิทธิขับไล่จำเลยได้
โรงเรือนพิพาทเดิมเป็นของ ท. โดย ท. เช่าที่ดินของ บ. เพื่อปลูกโรงเรือนพิพาทดังกล่าว ต่อมาปี 2530 บ.ยกที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงให้ ล. ต่อมา ล. ได้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็นหลายแปลง ทำให้โรงเรือนพิพาทอยู่บนที่ดินสองแปลงคือโฉนดเลขที่ 6204 และ 62023 ครั้นปี 2533 จำเลยซื้อโรงเรือนพิพาทมาจาก ท. หลังจากนั้นปี 2537 ล. ได้ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 62023 แก่โจทก์กรณีจึงเป็นเรื่องจำเลยซื้อเฉพาะโรงเรือนพิพาทจาก ท. แม้การซื้อขายจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์เฉพาะโรงเรือนพิพาทเท่านั้น หามีสิทธิในที่ดินซึ่งปลูกโรงเรือนไม่ และเป็นเรื่องที่จำเลยมีโรงเรือนส่วนหนึ่งในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิและแม้จำเลยจะเช่าที่ดินของ ล. ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องการปลูกโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของบุคคลอื่น ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1312 จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามบทกฎหมายดังกล่าวได้ และโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทชำระค่าเช่าซื้อ แม้มีการบอกเลิกสัญญาและยึดรถ ก็ยังถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาท2ฉบับให้ผู้เสียหายเพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถเกรดแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่ายต่อมาผู้เสียหายบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและยึดรถเกรดคืนไปจากจำเลยแม้มีผลทำให้จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างให้แก่ผู้เสียหายอีกต่อไปก็หาทำให้ความผิดอาญาที่เกิดขึ้นสำเร็จแล้วระงับไปไม่