พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4526/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดที่อ้างแต่การครอบครองปรปักษ์โดยไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิ่งปลูกสร้างในคดี ไม่มีประโยชน์ จึงไม่ต้องรับ
คำร้องสอดอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ จึงร้องขอเข้ามาเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิ์ของตนที่มีอยู่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57 (1) จึงเป็นคำฟ้องผู้ร้องสอดจึงต้องเสียค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง ทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้าง ทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4526/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิจากครอบครองปรปักษ์ต้องมีส่วนได้เสียในประเด็นที่ฟ้อง และมีคำขอบังคับ
คำร้องสอดอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทบางส่วนโดยการครอบครองปรปักษ์ จึงร้องขอเข้ามาเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิ์ของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) จึงเป็นคำฟ้องผู้ร้องสอดจึงต้องเสียค่าขึ้นศาล โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท แต่คำร้องสอดไม่ได้กล่าวอ้างถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทเลยว่า ผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียอย่างไรบ้างทั้งไม่มีคำขอบังคับมาด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์-ฎีกาในคดีปรับน้อยกว่า 100 บาท และการพิจารณาโทษรอการลงโทษ
เฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา371ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนั้นอัตราโทษอย่างสูงที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193ทวิการที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดรวมถึงอุทธรณ์ดุลพินิจในการกำหนดโทษซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาความผิดตามมาตรา371ด้วยโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรืออัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา193ตรีบัญญัติไว้จึงเป็นการไม่ชอบศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาความผิดดังกล่าวความผิดในข้อหาดังกล่าวย่อมยุติเพียงศาลชั้นต้นผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา221หาได้ไม่เพราะมิใช่กรณีฎีกาของจำเลยต้องห้ามฎีกาตามมาตรา218,219และ220การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมาทั้งหมดจึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707-732/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณดอกเบี้ยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง จำเลยต้องได้รับความยินยอมก่อน
จำเลยได้ก่อตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขึ้นและต่อมาได้ระบุเรื่องการหักเงินสะสมและการเข้าร่วมโครงการเงินสะสมไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ถือว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างจำเลยกับพนักงานของจำเลยแล้ว เมื่อจำเลยได้คำนวณดอกเบี้ยเงินสะสม และเงินสมทบตามวิธีการในเอกสารท้ายฟ้องมาเป็นเวลา 18 ปี แล้ว วิธีการคำนวณดังกล่าวย่อมเป็นส่วนหนึ่งของกฎข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง จำเลยไม่มีสิทธิเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณซึ่งไม่เป็นคุณและไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ก่อนได้