พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน, ความผิดฐานปล้นทรัพย์, ตัวการร่วม, ลดโทษตามมาตรา 76/78
พระราชบัญญัติ ญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494มาตรา 8(1) กำหนดให้ศาลคดีเด็กและเยาวชนมีอำนาจเช่นเดียวกับศาลจังหวัดในคดีอาญาที่มีข้อหาว่า เด็กหรือเยาวชนกระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดเว้นแต่คดีอาญาที่มีข้อหาว่า เยาวชนซึ่งอายุเกินสิบหกปีบริบูรณ์กระทำความผิดในเหตุฉกรรจ์บางประเภทตามที่ระบุไว้รวมทั้งความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยที่ 5 มีอายุเกินกว่าสิบหกปีบริบูรณ์และกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จะกระทำความผิดในท้องที่ที่มีศาลคดีเด็กและเยาวชนเปิดดำเนินการแล้วก็ตาม เมื่อเป็นความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ จำเลยที่ 5 ร่วมกับพวกอีก 4 คน พากันขึ้นไปบนรถยนต์โดยสารขณะที่พวกจำเลยทำการปล้นทรัพย์ผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยที่ 5ยืนโหนบันไดรถบังไม่ให้คนอื่นเห็นการปล้นทรัพย์ที่พวกจำเลยกระทำอยู่เป็นการร่วมกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 5จึงเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานปล้นทรัพย์ การกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย สำหรับความผิดที่ร่วมกันเป็นตัวการปล้นทรัพย์ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและเป็นเหตุในลักษณะคดี เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยที่ฎีกา ย่อมมีอำนาจพิพากษาเลยไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อไม่รับฟ้อง, ความเป็นอิสระของการพิจารณาคดี, และดุลพินิจในการลดโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่นและศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยอายุน้อย แต่พฤติกรรมแสดงถึงความสำนึกผิดชอบเสมือนผู้ใหญ่
ขณะกระทำผิด จำเลยที่ 1 ที่ 2 อายุ 18 ปี ทั้งให้การรับสารภาพตลอดมา แต่ พฤติกรรมที่จำเลยทั้งสองกระทำความผิดตั้งแต่ เริ่มแรกโดย ร่วมกันวางแผนและดำเนินการตาม แผน ที่วางไว้ เป็นพฤติกรรมอัน ส่อแสดงให้เห็นถึง ความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลย่อมใช้ ดุลพินิจ ไม่ลดมาตราส่วนโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพ, พยานแวดล้อม, และดุลพินิจศาลในการลดโทษคดีอาญา
จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เพียงขอลดมาตราส่วนโทษโดยมิได้อุทธรณ์ในปัญหาที่ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง ปัญหานี้จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยก็เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่น และศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย
แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้
การพิพากษาคดีอาญา หาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาคดีอื่น ดังนั้นเมื่อ ว. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับจำเลยถูกฟ้องในคดีอื่น และศาลพิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีประจักษ์พยาน จึงไม่ผูกพันศาลว่าจะต้องพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีนี้ด้วย
แม้จำเลยจะกระทำผิดขณะมีอายุ 18 ปี แต่พฤติกรรมที่จำเลยร่วมกันวางแผนกระทำความผิดและดำเนินการตามแผนที่วางไว้ส่อแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดชอบเสมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ศาลใช้ดุลพินิจไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง ศาลลดโทษจากเหตุบรรเทา
แม้ไม่ได้ความว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงทำร้ายมีขนาดเท่าใดแต่เมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกขวาแล้วจำเลยแทงซ้ำอีก ผู้เสียหายปัดแขนข้างที่จำเลยถืออาวุธอาวุธของจำเลยจึงผ่านท้องมาถูกแขนซ้ายของผู้เสียหายได้รับบาดแผลและจำเลยได้แทงผู้ตายที่หน้าท้องหนึ่งครั้ง บาดแผลลึก 6 นิ้วฟุตเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แสดงว่าอาวุธที่จำเลยใช้เป็นอาวุธที่ร้ายแรง และจำเลยตั้งใจแทงผู้เสียหายและผู้ตายที่บริเวณลำตัวอันเป็นอวัยวะสำคัญอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีความผิดทั้งฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตาย ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน อายุเพียง 20 ปีจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาเพียงช่วยพวกของจำเลยในการต่อสู้หลังเกิดเหตุ 4 วัน ก็เข้ามอบตัว และเบิกความในชั้นศาลว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยจึงเป็นการลุแก่โทษและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ควรปรานีลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงต่อเนื่อง และเหตุบรรเทาโทษจากวัยและมอบตัว
แม้ไม่ได้ความว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงทำร้ายมีขนาดเท่าใดแต่เมื่อจำเลยแทงผู้เสียหายถึงสองครั้ง ครั้งแรกถูกที่ข้อศอกขวา แล้วจำเลยแทงซ้ำอีกผู้เสียหายปัดแขนข้างที่จำเลยถืออาวุธ อาวุธของจำเลยจึงผ่านท้องมาถูกแขนซ้ายของผู้เสียหายได้รับบาดแผล และจำเลยได้แทงผู้ตายที่หน้าท้องหนึ่งครั้งบาดแผลลึก 6 นิ้วฟุต เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย แสดงว่าอาวุธที่จำเลยใช้เป็นอาวุธที่ร้ายแรง และจำเลยตั้งใจแทงผู้เสียหายและผู้ตายที่บริเวณลำตัวอันเป็นอวัยวะสำคัญอย่างร้ายแรง จำเลยจึงมีความผิดทั้งฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตาย
ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน อายุเพียง 20 ปีจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาเพียงช่วยพวกของจำเลยในการต่อสู้หลังเกิดเหตุ 4 วันก็เข้ามอบตัว และเบิกความในชั้นศาลว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย จึงเป็นการลุแก่โทษและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ควรปรานีลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลย.
ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน อายุเพียง 20 ปีจำเลยกระทำผิดโดยมีเจตนาเพียงช่วยพวกของจำเลยในการต่อสู้หลังเกิดเหตุ 4 วันก็เข้ามอบตัว และเบิกความในชั้นศาลว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย จึงเป็นการลุแก่โทษและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล คดีมีเหตุบรรเทาโทษ ควรปรานีลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าหลังวิวาทและการลดโทษตามอายุ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงหลังเหตุการณ์ผ่านไป 15 นาที ไม่ถือเป็นบันดาลโทสะ
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15นาทีการที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดพยายามฆ่าหลังวิวาทและการไม่สามารถลดโทษเนื่องจากอายุเกินเกณฑ์
จำเลยหัวเราะ เมื่อผู้เสียหายสอบถามจำเลย จำเลยก็ไม่ตอบผู้เสียหายพูดว่าจะเตะ จำเลยว่าจะเตะก็ลองดู ผู้เสียหายจึงต่อยจำเลยแล้วเกิดต่อสู้กันขึ้น แสดงว่าจำเลยและผู้เสียหายสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน เมื่อจำเลยสู้ไม่ได้จึงกลับบ้านนำอาวุธปืนมายิงผู้เสียหายหลังเกิดเหตุแล้วประมาณ 15 นาที การที่จำเลยยิงผู้เสียหายจึงไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุเกิน 17 ปีแล้วการที่ศาลชั้นต้นลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ย่อมไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ได้มาโดยสมัครใจเป็นหลักฐานสำคัญประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ แม้พยานจะเป็นผู้ร่วมกระทำผิด
คำเบิกความของ ณ. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่โจทก์กันไว้เป็นพยานนั้นรับฟังได้ แต่มีน้ำหนักน้อยเมื่อปรากฏว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งห้าได้กล่าวถึงพฤติการณ์ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายผู้ตายแล้วนำทรัพย์ไปแบ่งกันโดยละเอียด ตรงกับคำเบิกความของ ณ. ทั้งจำเลยที่ 1ยังนำถุงผ้าขนหนูสำหรับใส่สตางค์ของผู้ตายไปมอบให้พนักงานสอบสวนเป็นของกลาง การนำชี้ที่เกิดเหตุ ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งห้ากระทำต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก และยอมให้ถ่ายภาพ วี.ดี.โอ. ประกอบคดี แสดงว่าจำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ จึงเป็นพยาหนหลักฐานประกอบคำเบิกความของ ณ. และพยานแวดล้อมของโจทก์ให้ฟังได้ว่า จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย
ขณะกระทำผิดจำเลยที่ 2 มีอายุ 17 ปีเศษ สมควรลดมาตราส่วนโทษประหารชีวิตให้หนึ่งในสามตามป.อ. มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) เหลือจำคุกตลอดชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา78 เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามมาตรา 53คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน.
ขณะกระทำผิดจำเลยที่ 2 มีอายุ 17 ปีเศษ สมควรลดมาตราส่วนโทษประหารชีวิตให้หนึ่งในสามตามป.อ. มาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) เหลือจำคุกตลอดชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา78 เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามมาตรา 53คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่สมัครใจและพยานร่วมกระทำผิดเป็นหลักฐานประกอบคดีปล้นทรัพย์จนผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำเบิกความของ ณ. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยแต่โจทก์กันไว้เป็นพยานนั้นรับฟังได้ แต่มีน้ำหนักน้อยเมื่อปรากฏว่าคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งห้าได้กล่าวถึงพฤติการณ์ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายผู้ตายแล้วนำทรัพย์ไปแบ่งกันโดยละเอียด ตรงกับคำเบิกความของ ณ. ทั้งจำเลยที่ 1 ยังนำถุง ผ้าขนหนูสำหรับใส่สตางค์ของผู้ตายไปมอบให้พนักงานสอบสวนเป็นของกลางการนำชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งห้ากระทำต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก และยอมให้ถ่าย ภาพ วี.ดี.โอ. ประกอบคดีแสดงว่าจำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ จึงเป็นพยานหลักฐานประกอบคำเบิกความของ ณ. และพยานแวดล้อมของโจทก์ให้ฟังได้ว่า จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นตาย ขณะกระทำผิดจำเลยที่ 2 มีอายุ 17 ปีเศษ สมควรลดมาตราส่วนโทษประหารชีวิตให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 76 ประกอบด้วย มาตรา52(1) เหลือจำคุกตลอดชีวิต คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา 78 เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิต เป็นโทษจำคุก 50 ปี ตามมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน.