คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จเร อำนวยวัฒนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 617 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4808/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง แม้มีการป้องกันตัวเบื้องต้น ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
ภายหลังจากจำเลยชกต่อยผู้ตายล้มลงที่พื้นแล้วจำเลยเข้าไปกระทืบที่ศีรษะและตามลำตัวผู้ตายอย่างรุนแรงและใช้มีดปาดคอผู้ตายด้วยเป็นเหตุให้ผู้ตายมีบาดแปลตามร่างกายหลายแห่งที่สำคัญคือม้ามซึ่งอยู่บริเวณช่องท้องแตกมีเลือดตกในช่องท้อง1,700ซี.ซี.และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทืบผู้ตายที่บริเวณท้องซึ่งเป็นที่ตั้งอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรงอีกทั้งขณะทำร้ายจำเลยก็พูดแสดงเจตนาว่าจะทำร้ายผู้ตายให้ตายในชั้นสอบสวนจำเลยได้ให้การรับสารภาพฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาชั้นพิจารณาจำเลยก็ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดีพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยฎีกาว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายนั้นคดีนี้จำเลยรับสารภาพและไม่ได้สืบพยานข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายเป็นฝ่ายถืออาวุธมีดเข้าทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้นฎีกาของจำเลยข้อนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195ประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง: หนังสือเวียนไม่ใช่กฎหมาย ผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนร่วมหรือบกพร่องจึงต้องรับผิด
หนังสือกระทรวงมหาดไทยเรื่องแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของเทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งเพื่อให้เทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาถือเป็นแนวปฏิบัติเท่านั้นมิใช่กฎหมายดังนั้นจะถือว่าผู้บังคับบัญชาทุกชั้นจะต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชากระทำทุจริตโดยเด็ดขาดไม่ได้จะต้องรับผิดเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของเทศบาลต่อการทุจริตของเจ้าหน้าที่
หนังสือกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยา เป็นเรื่องที่กระทรวง-มหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งเพื่อให้เทศบาล สุขาภิบาลและเมืองพัทยาถือเป็นแนวปฏิบัติเท่านั้น มิใช่กฎหมาย ดังนั้น จะถือว่าผู้บังคับบัญชาทุกชั้นจะต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชากระทำทุจริตโดยเด็ดขาดไม่ได้ จะต้องรับผิดเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในทางแพ่งของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง: หนังสือกระทรวงมหาดไทยเป็นเพียงแนวปฏิบัติ ไม่ใช่กฎหมาย
หนังสือกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยา เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งเพื่อให้เทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาถือเป็นแนวปฏิบัติเท่านั้นมิใช่กฎหมาย ดังนั้น จะถือว่าผู้บังคับบัญชาทุกชั้นจะต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชากระทำทุจริตโดยเด็ดขาดไม่ได้ จะต้องรับผิดเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง: หนังสือกระทรวงมหาดไทยเป็นแนวปฏิบัติ ไม่ใช่กฎหมาย
หนังสือกระทรวงมหาดไทยเรื่องแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของเทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งเพื่อให้เทศบาลสุขาภิบาลและเมืองพัทยาถือเป็นแนวปฏิบัติเท่านั้นมิใช่กฎหมายดังนั้นจะถือว่าผู้บังคับบัญชาทุกชั้นจะต้องร่วมรับผิดเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชากระทำทุจริตโดยเด็ดขาดไม่ได้จะต้องรับผิดเมื่อกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3799/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นและการใช้สิทธิก่อน
จำเลยใช้คำว่า byblos และ Bblos เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลย โดยวิธีเลียนแบบมาจากเครื่องหมายการค้าพิพาทของโจทก์แล้วนำไปยื่นคำขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน เมื่อโจทก์ใช้ชื่อของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าพิพาทและได้ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าของโจทก์มาก่อนจำเลย โจทก์ย่อมมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย แม้โจทก์ยังไม่ได้ส่งสินค้าของโจทก์ที่ใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทมาจำหน่ายในประเทศไทยหรือมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทยก็ตาม และเมื่อโจทก์ได้มายื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทในสินค้าจำพวกที่ 38 สำหรับสินค้าเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องแต่งกาย แต่ถูกนายทะเบียนปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนโดยอ้างว่าเครื่องหมายการค้าพิพาทมีลักษณะเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมาย-การค้าที่จำเลยนำมายื่นขอจดทะเบียนไว้ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธินำคดีไปสู่ศาลเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลยได้ ตามมาตรา 17แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือขอขยายเวลาชำระเงินค่านา ไม่ถือเป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ทำให้คำวินิจฉัยถึงที่สุดและโจทก์หมดสิทธิซื้อนา
หนังสือขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาที่โจทก์มีไปถึงประธาน คชก.ตำบลบึงคอไห ตามเอกสารหมาย จ.8 มีข้อความว่า ข้าพเจ้านายสอาด พรมกลิ่น ได้รับหนังสือของ คชก.ตำบลเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531ให้ข้าพเจ้านำเงินไปวางมัดจำนากับนางโซม ปิ่นทอง มีกำหนด 30 วัน ตั้งแต่ได้รับหนังสือนั้น ข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะนำเงินไปวางมัดจำ จึงขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2531 จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2532 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ด้วย ข้อความในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาตามที่ คชก.ตำบลบึงคอไหได้วินิจฉัยไว้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์2531 ไม่ใช่เป็นเรื่องคัดค้านคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบึงคอไห หนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบึงคอไหต่อ คชก.จังหวัดปทุมธานีตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 56 วรรคหนึ่ง
โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. จำนวน 1,000,000 บาท ภายใน30 วัน นับแต่วันที่ออกหนังสือ ส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน 60 วันคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุด ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 56 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนาง ซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา 53 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ถือว่าหนังสือขอขยายเวลาเป็นอุทธรณ์ ทำให้คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลมีผลผูกพันและโจทก์หมดสิทธิซื้อนา
หนังสือขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาที่โจทก์มีไปถึงประธานคชก.ตำบลบึงคอไห ตามเอกสารหมายจ.8มีข้อความว่าข้าพเจ้านายสอาดพรมกลิ่น ได้รับหนังสือของคชก.ตำบลเมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ให้ข้าพเจ้านำเงินไปวางมัดจำนากับนางโซมปิ่นทอง มีกำหนด30วันตั้งแต่ได้รับหนังสือนั้นข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะนำเงินไปวางมัดจำจึงขอขยายเวลาออกไปอีก1ปีนับตั้งแต่วันที่24มีนาคม2531จนถึงวันที่24มีนาคม2532จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ด้วยข้อความในหนังสือดังกล่าวเป็นเพียงการขอขยายเวลาการชำระเงินค่าซื้อนาตามที่คชก.ตำบลบึงคอไหได้วินิจฉัยไว้เมื่อวันที่25กุมภาพันธ์2531ไม่ใช่เป็นเรื่องคัดค้านคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหหนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหต่อคชก.จังหวัดปทุมธานีตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหซึ่งให้โจทก์นำเงินไปทำสัญญาซื้อขายกับนางซ. จำนวน1,000,000บาทภายใน30วันนับแต่วันที่ออกหนังสือส่วนที่เหลือให้ชำระราคาทั้งหมดภายใน60วันคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบึงคอไหจึงถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา56วรรคสองเมื่อโจทก์ไม่ได้ไปทำสัญญาซื้อนากับนางซ. ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโจทก์จึงหมดสิทธิที่จะซื้อนานั้นตามมาตรา53วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3501/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การกระทำช่วยเหลือและสนับสนุนการฆ่าผู้อื่น
จำเลยที่1และที่2ร่วมกันว่าจ้างจำเลยที่3ให้ฆ่าผู้ตายโดยจำเลยที่2จัดหาอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะให้คืนเกิดเหตุจำเลยที่1และที่2ไปนั่งในร้านที่เกิดเหตุใกล้ๆเพื่อคอยช่วยเหลือจำเลยที่3หากมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่อจำเลยที่3ยิงผู้ตายแล้วนั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไปจำเลยที่2ได้เข้าไปแย่งอาวุธปืนจากโจทก์ร่วมซึ่งกำลังจะไล่ติดตามจำเลยที่3แล้วทำทีเป็นวิ่งไล่ตามยิงจำเลยที่3โดยเจตนาจะไม่ให้กระสุนปืนถูกจำเลยที่3ถือว่าจำเลยที่1และ2เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่3กระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมนำทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น สัญญาผูกพันเฉพาะผู้ทำสัญญา
โจทก์กับ ร. กับทายาทคนอื่นเป็นเจ้าของรวมในที่ดินทรัพย์-มรดกของ ส. เมื่อมรดกของ ส. ยังมิได้แบ่งแยกระหว่างทายาท ร.จะนำที่ดินทรัพย์มรดกไปทำสัญญาจะซื้อจะขายให้จำเลยทั้งแปลงโดยทายาทคนอื่นซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมิได้ยินยอมด้วยถือว่าทำไปโดยไม่มีสิทธิคงผูกพันเฉพาะ ร.เท่านั้น
เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลผูกพัน ร. จำเลยก็มีสิทธิเพียงเรียกร้องบังคับเหนือ ร.ในฐานะคู่สัญญาได้เท่านั้น การที่โจทก์ซึ่งมิได้รู้เห็นยินยอมในการทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือมอบโฉนดพิพาทให้จำเลยยึดถือไว้ขอให้จำเลยส่งโฉนดเพื่อที่โจทก์จะนำไปแบ่งแยกเป็นชื่อของโจทก์และทายาทคนอื่นในฐานะผู้มีสิทธิรับมรดก จึงเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิยึดถือโฉนดพิพาทไว้ ต้องคืนให้แก่โจทก์
of 62