คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมปอง เสนเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานยืนยันตัวผู้กระทำผิดในคดีทำร้ายร่างกาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
สถานที่เกิดเหตุเป็นบริเวณที่มีการจัดงานรื่นเริงเชื่อว่าจะต้องมีแสงสว่างมากกว่าปกติหลังเกิดเหตุ พ.ได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันทีพร้อมทั้งระบุตัวจำเลยว่า เป็นคนร้ายที่ใช้มีดเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายแม้ผู้เสียหายกับ พ. ประจักษ์พยานจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็ไม่ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนอันจะทำให้มีความระแวงว่าจะเกิดมีการกลั่นแกล้งกันได้ เชื่อว่า พยานเบิกความตามที่ได้รู้เห็นมา ส่วนจำเลยนำสืบต่อสู้ว่าคนร้ายที่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายมีรูปร่างคล้ายจำเลยชื่อ ผ. นั้น จำเลยก็หาได้นำสืบให้เห็นว่าในคืนเกิดเหตุมีพฤติการณ์ใดที่ชวนให้มีการเข้าใจผิดว่าจำเลยคือ ผ.จึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ทั้งหลังเกิดเหตุใหม่ ๆจำเลยก็หาได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนถึงเรื่องที่บุคคลอื่นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายจำเลยไว้ไม่ ส่วนการที่จำเลยยืนถือมีดปลายแหลมแล้วตรงเข้าเอาด้ามมีดเคาะที่ศีรษะผู้เสียหายแล้วพูดว่า "เก่งที่อื่นได้ แต่อย่ามาเก่งที่นี่"หาใช่เป็นการที่ผู้กระทำผิดรอให้ผู้อื่นเห็นหน้าอันเป็นการผิดปกติวิสัยดังที่จำเลยฎีกาไม่หากแต่เป็นเพราะความชะล่าใจของคนร้ายบางคนที่คิดว่าไม่มีผู้ใดจะกลัวว่ากล่าวเอาโทษแก่ตนได้และแม้ อ. พยานโจทก์จะเบิกความว่าพยานไม่ได้ออกบัตรเชิญจำเลยและไม่เห็นจำเลยในวันงานนั้นก็มิใช่เป็นข้อที่จะรับฟังได้เด็ดขาดว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในวันงานนั้นเพราะ อ. ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านต้องดูแลต้อนรับผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในงานมีทั้งภาพยนต์และดนตรีย่อมจะมีคนเข้ามาร่วมชมซึ่งอาจเป็นคนแถวบริเวณนั้นรวมอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่ได้รับเชิญ พยานจำเลยนอกจากนี้ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันและเป็นพี่จำเลยย่อมเบิกความเป็นประโยชน์แก่จำเลยเป็นธรรมดา พยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานและการยืนยันความน่าเชื่อถือของผู้เสียหาย
เหตุเกิดในเวลากลางวันมีแสงสว่างเต็มที่ ผู้เสียหายเห็นจำเลยได้ชัดเจนในระยะใกล้ชิดและเป็นเวลานานพอสมควรทั้งได้ชี้ให้จับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 หลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ในขณะที่ความจำของผู้เสียหายยังดีอยู่ทั้งผู้เสียหายได้บอกกับพนักงานสอบสวนมาตั้งแต่ต้นว่าจำคนร้ายได้ เชื่อว่าผู้เสียหายจำคนร้ายได้จริง ส่วนที่ผู้เสียหายมาแจ้งความ ล่าช้าไป 2 วันเป็นเพราะหลังเกิดเหตุแล้วได้ออกจากบ้านจะไปแจ้งความโดยอาศัยซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มารอรถยนต์โดยสารที่ปากทาง แต่รู้สึกไม่สบายมากมีไข้ขึ้นจึงขอให้ชาวบ้านช่วยนำกลับบ้าน ซึ่งในข้อนี้แพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้เสียหายรับว่า ผู้เสียหายมีบาดแผลเล็กน้อยที่หัวไหล่และถูกไฟลวกที่ใบหน้า น่าเชื่อว่าเหตุที่ผู้เสียหายมาแจ้งความช้าเพราะเจ็บป่วยจริงหาได้เป็นพิรุธไม่ พยานหลักฐานที่อยู่ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8385/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลาย: ผู้รับโอนที่ไม่ใช่เจ้าหนี้เดิม ไม่มีอำนาจถูกเพิกถอนการโอน
การโอนทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว และการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยเสียเปรียบ แต่กรณีการโอนตามสัญญาจะขายที่ดิน ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยโดยเป็นเพียงผู้ซื้อหรือเจ้าหนี้ในฐานะผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยเท่านั้น หาได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยอยู่ก่อนทำสัญญาดังกล่าวไม่ จึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยมาก่อนตามมาตรา 115 ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8385/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย ต้องเป็นการโอนให้เจ้าหนี้เดิม มิใช่ผู้ซื้อที่ดิน
การโอนทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ต้องเป็นการโอนให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว และการโอนเช่นนั้นทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยเสียเปรียบ แต่กรณีการโอนตามสัญญาจะขายที่ดิน ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยโดยเป็นเพียงผู้ซื้อหรือเจ้าหนี้ในฐานะผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยเท่านั้น หาได้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยอยู่ก่อนทำสัญญาดังกล่าวไม่ จึงถือไม่ได้ว่าผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยมาก่อนตามมาตรา 115 ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8341/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดซื้อพัสดุโดยมิชอบตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย การกระทำละเมิดของข้าราชการและการรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2522 ข้อ 14 ระบุว่าการซื้อโดยวิธีพิเศษ ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 10,000 บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ (3) เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าอาจจะเสียหายแก่หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น(5) เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อจากผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรง แต่หนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นั้น มิใช่แบบเรียนที่ได้กำหนดไว้ในหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติเพียงแต่เป็นหนังสือเสริมการเรียนการสอนเท่านั้น ดังนั้นแม้ทางโรงเรียนจะเปิดเรียนถึงเทอมที่ 2 ก็ไม่ใช่กรณีเร่งด่วนเพราะเป็นหนังสือประกอบการเรียนการสอนเท่านั้น แม้จะล่าช้าไปบ้างก็ไม่น่าจะทำให้ทางราชการเสียหาย และแม้ว่าเป็นช่วงปลายปีงบประมาณก็ไม่ใช่เป็นเหตุเร่งด่วนที่จะต้องจัดซื้อตามระเบียบดังกล่าวอีกทั้งร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด ก็ไม่ใช่ผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายโดยตรงตามข้อ 14(5) แห่งระเบียบดังกล่าวนั้น การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เริ่มต้นเสนอเรื่องขออนุมัติจัดซื้อหนังสือดังกล่าวจากร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด โดยผ่านจำเลยที่ 2 ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นผู้อนุมัติเมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นเหตุให้โจทก์ต้องซื้อหนังสือพิพาทแพงไป ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายอันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7989/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการจัดซื้อหนังสือพิพาทโดยไม่ชอบ คดีไม่ขาดอายุความนับจากวันที่ทราบผู้กระทำละเมิด
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 เรื่อง ปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 9 และ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม พ.ศ.2534 มาตรา 9 ต่างก็บัญญัติว่า กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินแผ่นดิน และตามระเบียบของทางราชการ กระทรวงการคลังมีอำนาจทำความเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสี่จะต้องรับผิดฐานละเมิด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติโจทก์เสนอความเห็นไปหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องตามความเห็นของกระทรวงการคลังได้ แม้เลขาธิการของโจทก์เคยมีความเห็นว่าไม่มีผู้รับผิดชอบทางแพ่งก็ตาม และปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยก็มีอำนาจยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
หนังสือพิพาทไม่มีความจำเป็นต้องจัดซื้อโดยเร่งด่วน เนื่องจากได้จัดซื้อตอนกลางปีการศึกษา และไม่ใช่หนังสือภาคบังคับ ไม่จำเป็นตามหลักสูตรเพราะครูสามารถสอนนักเรียนได้โดยใช้คู่มือ จึงถือได้ว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดซื้อหนังสือ หากมีการล่าช้าในการจัดซื้อก็ไม่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอีกทั้งร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด เป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ฯ แต่ไม่เป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีสิทธิที่จะซื้อจากร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด แม้ผู้บังคับบัญชาของจำเลยทั้งสี่เคยมีหนังสือสั่งการไว้ว่าร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด เป็นหน่วยราชการให้สนับสนุนกิจการร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด ก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะความผิดพลาดและเข้าใจผิด ทั้งหนังสือสั่งการดังกล่าวเป็นการแนะนำเท่านั้น ไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติตาม การที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจัดซื้อหนังสือพิพาทโดยวิธีกรณีพิเศษตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2522 ข้อ 16 จึงไม่ชอบ เป็นการผิดระเบียบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ย่อมเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
การที่โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดราชบุรีว่าได้ซื้อหนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หรือไม่ โดยจังหวัดราชบุรีได้ตอบโจทก์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2524ก็เพื่อต้องการทราบเกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือเท่านั้น ยังไม่ทราบผู้ทำละเมิด ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง จึงนับอายุความจากวันที่จังหวัดราชบุรีแจ้งการจัดซื้อหนังสือดังกล่าวไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2533 ระบุชื่อผู้ทำละเมิดให้โจทก์ทราบและโจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 28 เดือนเดียวกัน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7989/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดซื้อโดยมิชอบ การทำละเมิดต่อโจทก์ และการฟ้องคดีไม่ขาดอายุความ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 เรื่อง ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ข้อ 9 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 มาตรา 9ต่างก็บัญญัติว่า กระทรวงการคลังมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินแผ่นดิน และตามระเบียบของทางราชการ กระทรวงการคลังมีอำนาจทำความเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสี่จะต้องรับผิดฐานละเมิดตามที่สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติโจทก์เสนอความเห็นไปหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องตามความเห็นของกระทรงการคลังได้ แม้เลขาธิการของโจทก์เคยมีความเห็นว่าไม่มีผู้รับผิดชอบทางแพ่งก็ตาม และปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในกรณีเช่นนี้ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยก็มีอำนาจยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง หนังสือพิพาทไม่มีความจำเป็นต้องจัดซื้อโดยเร่งด่วนเนื่องจากได้จัดซื้อตอนกลางปีการศึกษา และไม่ใช่หนังสือภาคบังคับ ไม่จำเป็นตามหลักสูตรเพราะครูสามารถสอนนักเรียนได้โดยใช้คู่มือ จึงถือได้ว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดซื้อหนังสือ หากมีการล่าช้าในการจัดซื้อก็ไม่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอีกทั้งร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ฯ แต่ไม่เป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีสิทธิที่จะซื้อจากร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัด แม้ผู้บังคับบัญชาของจำเลยทั้งสี่เคยมีหนังสือสั่งการไว้ว่าร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด เป็นหน่วยราชการให้สนับสนุนกิจการร้านสหกรณ์กลาโหมจำกัด ก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะความผิดพลาดและเข้าใจผิดทั้งหนังสือสั่งการดังกล่าวเป็นการแนะนำเท่านั้น ไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติตาม การที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจัดซื้อหนังสือพิพาทโดยวิธีกรณีพิเศษตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ. 2522 ข้อ 16 จึงไม่ชอบ เป็นการผิดระเบียบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ย่อมเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ การที่โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดราชบุรีว่าได้ซื้อหนังสือแบบทดสอบประเมินผลฉบับบูรณาการชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หรือไม่โดยจังหวัดราชบุรีได้ตอบโจทก์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2524ก็เพื่อต้องการทราบเกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือเท่านั้นยังไม่ทราบผู้ทำละเมิด ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง จึงนับอายุความจากวันที่จังหวัดราชบุรีแจ้งการจัดซื้อหนังสือดังกล่าวไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง ฉบับลงวันที่ 10 กันยายน 2533 ระบุชื่อผู้ทำละเมิดให้โจทก์ทราบ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 28เดือนเดียวกัน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7987-7988/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดจากสัญญาซื้อขายที่ผิดระเบียบ - อำนาจฟ้องของหน่วยงานที่รับโอนงบประมาณ - อายุความ
เดิมกิจการส่วนการศึกษาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติโอนกิจการบริหารโรงเรียนประชาบาลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดและโรงเรียนประถมศึกษาของกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการ การประถมศึกษาแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2523 และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2523 เป็นต้นไป ส่วนการศึกษาหรือกิจการบริหารโรงเรียนประชาบาลจึงโอนไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติโจทก์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ดังนี้ การที่จำเลยทั้งหกทำละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษย่อมเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งหกได้ แต่เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษไม่ฟ้องคดี และสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากมูลละเมิดเป็นทรัพย์สินย่อมโอนไปเป็นของโจทก์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2523 แล้วตามพระราชบัญญัติโอนกิจการบริหารโรงเรียนประชาบาลขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และโรงเรียนประถมศึกษาของกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2523 มาตรา 5 และมาตรา 6 ซึ่งให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ เจ้าหน้าที่กิจการ ทรัพย์สิน หนี้ และเงินงบประมาณส่วนที่เป็นเงินอุดหนุนงบประถมศึกษาไปเป็นของโจทก์ ส่วนสัญญาซื้อขายที่ทำเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2523 ถือว่าเป็นงบประมาณที่โอนไปเป็นของโจทก์แล้ว และแม้ว่าเลขาธิการของโจทก์เคยทำความเห็นไม่ฟ้องคดีนี้แล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งหกต้องรับผิดจึงไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดี โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ร่วมกันบันทึกเสนอจำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 6 เป็นผู้อนุมัติในการจัดซื้อนั้น หมายถึงจำเลยทั้งหกร่วมกันกระทำละเมิด โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนั้น แม้ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ไม่ได้ทำบันทึกร่วมกันเพียงแต่จำเลยที่ 1 ทำบันทึกโดยลำพังคนเดียว แล้วเสนอจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามลำดับชั้นตามระเบียบงานสารบรรณ ก็ถือว่าคำฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม หนังสือพิพาทเป็นหนังสือประกอบหลักสูตรเท่านั้นไม่เป็นหนังสือที่บังคับใช้และทางราชการแจกให้แก่นักเรียนฟรีดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจัดซื้อเพราะไม่ใช่หนังสือในหลักสูตรโดยตรง การล่าช้าไปก็ไม่อาจเป็นเหตุให้ทางราชการเสียหายได้ หากงบประมาณถูกส่งคืนคลังก็สามารถขอใหม่ได้ นอกจากนี้ร้านสหกรณ์กลาโหม จำกัดไม่มีฐานะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจและไม่ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติให้จัดซื้อได้เป็นกรณีพิเศษการจัดซื้อของจำเลยทั้งหกจึงผิดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ. 2522 ข้อ 16 และเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากต้องซื้อหนังสือในราคาที่แพงไปกว่าปกติ อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์แล้ว โจทก์ทราบเหตุละเมิดและผู้ที่จะต้องใช้สินไหมทดแทนเมื่อกระทรวงการคลังแจ้งให้ทราบเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2533ดังนั้นเมื่อนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ 19 กันยายน 2533 และวันที่ 8 ตุลาคม 2533 ไม่เกิน 1 ปี การที่โจทก์ลงนามเห็นด้วยกับคณะกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดว่าไม่มีผู้ต้องรับผิดในทางแพ่งนั้นถือว่า โจทก์ยังไม่ทราบผู้ทำละเมิดและผู้ที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน อายุความยังไม่เริ่มนับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7625/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีก่อนไม่ผูกพันโจทก์ในคดีต่อมา แม้มีมูลเหตุเดียวกัน หลักการบุคคลภายนอก
คดีที่จำเลยฟ้องขอให้บังคับ ภ. ชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลยนั้น เมื่อเป็นกรณีที่จำเลยฟ้องภ. ในฐานะเป็นเจ้าของและผู้ขับรถยนต์เก๋งคันเกิดเหตุมิใช่ฟ้อง ภ.ในฐานะผู้แทนของนิติบุคคลหรือผู้มีอำนาจ ทำการแทนนิติบุคคลซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้ แม้ ภ. เป็นกรรมการโจทก์แต่เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีฐานะแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ถือว่าโจทก์คดีนี้จึงเป็นบุคคลภายนอกมิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลคดีดังกล่าวด้วยดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนั้น และหามีผลผูกพันหรือยันโจทก์คดี นี้ได้ไม่ ในการพิจารณาคดีแพ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ชี้ขาดไว้มาเป็นหลักในการวินิจฉัย แม้ว่าคดีทั้งสองนั้นจะมีมูลกรณีเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7625/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีแพ่ง: ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก แม้มีมูลเหตุเดียวกัน
คดีที่จำเลยฟ้องขอให้บังคับ ภ.ชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลยนั้น เมื่อเป็นกรณีที่จำเลยฟ้อง ภ.ในฐานะเป็นเจ้าของและผู้ขับรถยนต์เก๋งคันเกิดเหตุ มิใช่ฟ้อง ภ.ในฐานะผู้แทนของนิติบุคคลหรือผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลซึ่งเป็นโจทก์คดีนี้ แม้ ภ.เป็นกรรมการโจทก์ แต่เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีฐานะแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ถือว่าโจทก์คดีนี้จึงเป็นบุคคลภายนอก มิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลคดีดังกล่าวด้วยดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนั้น และหามีผลผูกพันหรือยันโจทก์คดีนี้ได้ไม่
ในการพิพากษาคดีแพ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ชี้ขาดไว้มาเป็นหลักในการวินิจฉัย แม้ว่าคดีทั้งสองนั้นจะมีมูลกรณีเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันก็ตาม
of 89