คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมปอง เสนเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการร่วมประเวณี: พฤติการณ์สมัครใจไม่มีข่มขืน ไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
ผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยและรู้จักกันก่อนเกิดเหตุประมาณ2ปีพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายยินยอมตามจำเลยไปที่ห้องพักของจำเลยมีการพูดคุยกันในห้องสองต่อสองยินยอมให้จำเลยเล้าโลมกอดจูบและร่วมประเวณีถึง3ครั้งเชื่อว่าผู้เสียหายสมัครใจทุกครั้งแต่ผู้เสียหายเบิกความบ่ายเบี่ยงไปว่าเมื่อจำเลยกอดจูบและจับตัวผู้เสียหายนอนหงายกับพื้นแล้วนั่งคร่อมบริเวณลำตัวของผู้เสียหายจับตัวผู้เสียหายพลิกคว่ำและใช้ผ้าเช็ดหน้ามัดมือทั้งสองข้างไว้แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายนั้นสืบเนื่องมาจากความปรากฎแก่พี่สาวและพี่ชายผู้เสียหายเมื่อตกลงกันไม่ได้เรื่องจึงบานปลายกลายเป็นเรื่องร้องทุกข์ไปถึงสถานีตำรวจแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพแต่ก็เป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่อาจนำมารับฟังประกอบเพื่อลงโทษได้เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยร่วมประเวณีโดยสมัครใจไม่ได้มีการข่มขืนขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเอาคืนการครอบครองที่ดินหลังคดีอาญาถึงที่สุด สิทธิครอบครองเดิมไม่ขาดอายุความ
โจทก์ได้ฟ้องจ. และป. ภรรยาเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาภายในระยะเวลา1ปีนับแต่บุกรุกเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จ. ให้การปฏิเสธและนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกรณีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการฟ้องเอาคืนการครอบครองการที่จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจ. จำเลยในคดีก่อนในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยย่อมไม่อาจยกการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นอ้างยันสิทธิครอบครองของโจทก์โจทก์จึงหาขาดสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและไม่อาจฟ้องเรียกร้องเอาคืนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งสิทธิครอบครองที่ดิน: การฟ้องภายในกำหนดเวลาและการอ้างสิทธิระหว่างคดี
โจทก์ได้ฟ้องจ.และป.ภริยาเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาภายในระยะเวลา1ปีนับแต่บุกรุกเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์จ. ให้การปฏิเสธและนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนถือได้ว่าเป็นการฟ้องเอาคืนการครอบครองการที่จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยในคดีก่อน(จ.และป.)ในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยย่อมไม่อาจยกการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นอ้างยันสิทธิครอบครองของโจทก์โจทก์จึงหาขาดสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคืนการครอบครองที่ดิน: สิทธิครอบครองขึ้นอยู่กับสถานะทางกฎหมายก่อนถึงที่สุด
โจทก์ได้ฟ้อง จ.และ ป.ภรรยาเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่บุกรุกเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จ.ให้การปฏิเสธและนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกรณีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการฟ้องเอาคืนการครอบครอง การที่จำเลยเข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ จ.จำเลยในคดีก่อนในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยย่อมไม่อาจยกการครอบครองที่ดินพิพาทขึ้นอ้างยันสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์จึงหาขาดสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและไม่อาจฟ้องเรียกร้องเอาคืนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้ออ้างทางจำเป็นต้องยกขึ้นในศาลชั้นต้นก่อน หากไม่ได้ยก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยได้
คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่เพียงว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าเป็นทางจำเป็นข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการยกข้อต่อสู้ใหม่ในศาลอุทธรณ์: ทางจำเป็น
คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่เพียงว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ มิได้กล่าวอ้างว่าเป็นทางจำเป็นข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น เป็นการฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ.มาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าเมื่อคู่สมรสไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหลังการไกล่เกลี่ย และมีพฤติกรรมฉันสามีภริยากับผู้อื่น
โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันต่อมาจำเลยไปได้ม.เป็นภริยาโจทก์ได้ฟ้องหย่าจำเลยศาลไกล่เกลี่ยโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องกลับมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกับโจทก์ห้ามเกี่ยวข้องกับหญิงอื่นต่อไปโจทก์จึงได้ถอนฟ้องไปปรากฏว่าหลังจากถอนฟ้องแล้วจำเลยยังคงอยู่ร่วมกับม. ฉันสามีภริยาต่อมาการที่โจทก์ยอมถอนฟ้องก็เพราะจำเลยตกลงเงื่อนไขกับโจทก์ไว้เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขจึงมิใช่กรณีที่โจทก์ยอมให้อภัยจำเลยการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าจากพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา แม้จะเคยถอนฟ้องไปก่อนแล้ว
การที่โจทก์ยอมถอนฟ้องในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยนั้นเป็นเพราะจำเลยตกลงเงื่อนไขกับโจทก์ไว้เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขยังอยู่กินฉันสามีภริยากับหญิงอื่นจนกระทั่งปัจจุบันจึงมิใช่กรณีที่โจทก์ยอมให้อภัยจำเลยตลอดไปการกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการส่งอุทธรณ์และการบังคับคดีตามคำสั่งศาล: สิทธิของผู้ซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาด
ปัญหาที่ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์แล้วศาลชั้นต้นมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องส่งอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเลยขึ้นตอนของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งใดๆอีกแต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งดังกล่าวโดยมิใช่ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งนั้นเมื่อปรากฎว่าศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์แล้วให้มีหนังสือเปิดผนึกตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีร้องขอซึ่งก็มีผลเท่ากับให้โอนที่ดินทั้ง4แปลงที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้จากการขายทอดตลาดให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์และตามที่อุทธรณ์แล้วฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดของจำเลยที่1ไปแล้วและไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านการขายทอดตลาดสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์โดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามกฎหมายมีอย่างไรคงมีอยู่อย่างนั้นไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องมีคำพิพากษารับรองให้อีกชั้นหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลหลังรับอุทธรณ์ขายทอดตลาด: ศาลชั้นต้นหมดอำนาจสั่งการอื่นหลังส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์
ปัญหาที่ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกาว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์แล้ว ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องส่งอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา เลยขั้นตอนของศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งใด ๆ อีก แต่ศาลชั้นต้นกลับมีคำสั่งดังกล่าวโดยมิใช่ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งนั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ แล้วให้มีหนังสือเปิดผนึกตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีร้องขอ ซึ่งก็มีผลเท่ากับให้โอนที่ดินทั้ง 4 แปลง ที่ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อได้จากการขาย-ทอดตลาดให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ตามความประสงค์ของผู้ซื้อทรัพย์และตามที่อุทธรณ์แล้วฎีกาข้อนี้ของผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดของจำเลยที่ 1 ไปแล้ว และไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านการขายทอดตลาด สิทธิของผู้ซื้อทรัพย์โดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามกฎหมายมีอย่างไรคงมีอยู่อย่างนั้นไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องมีคำพิพากษารับรองให้อีกชั้นหนึ่ง
of 89