คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมปอง เสนเนียม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาล และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดที่ดิน แม้ยังมิได้จดทะเบียน
ปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นตั้งให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาลจะมีอำนาจบังคับคดีแทนหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(14)บัญญัติว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีหมายความว่าเจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค4แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งรองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้และแม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ดังนั้นเมื่อจ่าศาลได้มอบให้รองจ่าศาลเป็นผู้ดำเนินการแทนรองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินตามคำสั่งของศาลเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้วต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ยอมเป็นสิทธิของโจทก์จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจบังคับคดีของรองจ่าศาล และความสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดที่ดิน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(14) บัญญัติว่า"เจ้าพนักงานบังคับคดี" หมายความว่า เจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาล จึงมีอำนาจบังคับคดีได้ คดีนี้แม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่ จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ รองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้ว ต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์ แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม ส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาล และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาด
ปัญหาที่ว่าศาลชั้นต้นตั้งให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีรองจ่าศาลจะมีอำนาจบังคับคดีแทนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(14) บัญญัติว่าเจ้าพนักงานบังคับคดี หมายความว่า เจ้าพนักงานศาลหรือพนักงานอื่นผู้มีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค 4 แห่งประมวลกฎหมายนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง รองจ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานศาลซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากจ่าศาล จึงมีอำนาจบังคับคดีได้ และแม้หมายบังคับคดีจะระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีก็หาใช่ว่าจะต้องเป็นอำนาจโดยเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวไม่ จ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการแทนได้ ดังนั้น เมื่อจ่าศาลได้มอบให้รองจ่าศาลเป็นผู้ดำเนินการแทน รองจ่าศาลจึงมีอำนาจบังคับคดีได้ การขายทอดตลาดที่ดินตามคำสั่งของศาล เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่โจทก์ผู้ซื้อแล้ว ต้องถือว่าการขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์แม้โจทก์จะยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามส่วนการจะให้จำเลยซื้อที่ดินคืนหรือไม่ยอมเป็นสิทธิของโจทก์จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จบริบูรณ์ไปแล้วนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดี และผลสมบูรณ์ของการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์
การที่หมายบังคับคดีระบุให้จ่าศาลเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้หมายความว่าเป็นอำนาจเฉพาะเจาะจงของจ่าศาลแต่ผู้เดียวจ่าศาลย่อมมอบอำนาจให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาล และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการบังคับคดีแทนได้ เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์ซื้อได้จากการขายทอดตลาด การขายทอดตลาดเป็นอันสมบูรณ์ จำเลยจะร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยไถ่คืนที่ดินและเพิกถอนการขายทอดตลาดที่เสร็จ สมบูรณ์ แล้วนั้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2398/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆียะกรรมจากกลฉ้อฉล & สินส่วนตัว: ผลต่อการโอนที่ดินชำระหนี้
ค่าอ้างเอกสารตามตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไป มิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆ ไม่ได้ ผู้อ้างเอกสารย่อมมีโอกาสเสียค่าอ้างเอกสารได้เสมอ ดังนั้น เมื่อโจทก์เสียค่าอ้างเอกสารหลังจากจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้ นิติกรรมที่จำเลยโอนที่พิพาทตีใช้หนี้เงินยืมให้โจทก์เกิดจากกลฉ้อฉลของโจทก์เป็นโมฆียะ แต่ ป. สามีจำเลยไม่ใช่ผู้ได้ทำการแสดงเจตนาโดย วิปริตหรือเป็นบุคคลที่กฎหมายให้บอกล้างโมฆียะกรรมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137 การที่ป. มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกล้างโมฆียะกรรมจึงไม่มีผลตามกฎหมาย ที่พิพาทเป็นสินส่วนตัวของจำเลยซึ่งได้รับการยกให้มาจากบิดาก่อนทำการสมรสกับ ป. จำเลยจึงมีอำนาจจัดการสินส่วนตัวได้โดย ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี นิติกรรมโอนที่พิพาทตีใช้หนี้ให้โจทก์ย่อมสมบูรณ์ แม้ไม่ได้รับความยินยอมจาก ป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2398/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการรับฟังพยานเอกสาร: ศาลชอบที่จะงดสืบพยานจำเลยหากจำเลยขอเลื่อนเอง และการชำระค่าเอกสารเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
นัดก่อนจำเลยแถลงว่ามีพยานมาศาลเท่านี้ ขอเลื่อนคดีไป และพยานจำเลยคงเหลือ 2 ปาก นัดหน้าจะสืบเสร็จ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดี นัดต่อมาจำเลยสืบพยานได้อีก 2 ปากแล้ว แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อสืบพยานอีกโจทก์แถลงคัดค้าน ดังนี้ ศาลชั้นต้นย่อมชอบที่จะสั่งงดสืบพยานจำเลย เพราะจำเลยแถลงขอสืบต่อไปเพียง2 ปากเท่านั้น การเสียค่าอ้างเอกสารตามตาราง 2 ท้าย ป.วิ.พ. นั้นเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ชำระตั้งแต่เมื่อส่งเอกสารเป็นต้นไปมิใช่ว่าหากไม่ชำระค่าอ้างเอกสารทันทีแล้วจะรับฟังเอกสารนั้น ๆ ไม่ได้ ผู้อ้างเอกสารย่อมมีโอกาสเสียค่าอ้างเอกสารได้เสมอ เมื่อโจทก์เสียค่าอ้างเอกสารจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: การผิดสัญญาเนื่องจากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด และผลกระทบต่อสิทธิในการโอนที่ดิน
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมีข้อตกลงว่าโจทก์ผู้จะซื้อจะต้องชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือทั้งสิ้นจำนวน 137,500 บาท ให้แก่จำเลยผู้จะขายภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2529 และจำเลยจะโอนที่ดินให้โจทก์ในวันเดียวกัน ถือได้ว่าสัญญาฉบับพิพาทดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีกำหนดชำระหนี้กันแน่นอน ซึ่งมีวัตถุประสงค์แห่งหนี้ที่โจทก์ต้องปฏิบัติการชำระให้แก่จำเลย คือชำระด้วยเงินเท่านั้นแต่ครั้นถึงกำหนดชำระหนี้ ปรากฏว่าโจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยไม่ครบตามสัญญา โดยในส่วนที่เหลือโจทก์ได้ทำสัญญากู้ให้จำเลยเป็นประกันมีกำหนดชำระเงิน 1 ปี จึงเท่ากับว่าคู่สัญญาตกลงกันให้เลื่อนการชำระหนี้ออกไปได้อีก ดังนั้น เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญากู้โจทก์ไม่ชำระเงินให้แก่จำเลยครบถ้วน ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะไม่โอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: ฝ่ายใดผิดสัญญาเมื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด แม้ทำสัญญากู้ประกันก็ไม่ถือเป็นการชำระหนี้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินได้กำหนดเวลาชำระหนี้ต่อกันไว้แน่นอน เมื่อโจทก์ผู้จะซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระเงินให้ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะไม่โอนที่ดินให้โจทก์ได้ การที่โจทก์ทำสัญญากู้ให้แก่จำเลยเท่ากับจำนวนค่าที่ดินส่วนที่ขาดเพื่อให้เป็นประกันต่อกันย่อมมิใช่การชำระหนี้ เพราะวัตถุประสงค์แห่งหนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องชำระด้วยเงินเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย การบุกรุกทำลายทรัพย์สินและการลักทรัพย์
จำเลยทั้งสองเข้าไปขุดดิน เกรดิน ขุดบ่อ และปั้นอิฐขายในที่ดินซึ่งเป็นของโจทก์ร่วมโดยที่จำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะกระทำได้ จึงเป็นการร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข และร่วมกันทำที่ดินของโจทก์ร่วมเสียหายกับเอาที่ดินของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต เป็นความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2205/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการจำนอง: สัญญาจำนองครอบคลุมเฉพาะหนี้เดิมหรือไม่? ศาลตีความสัญญาโดยคำนึงถึงฝ่ายเสียเปรียบ
หนังสือสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองมีข้อความว่าผู้จำนองได้จำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินซึ่งผู้จำนองเป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือในเวลาใดเวลาหนึ่งต่อไปในภายหน้าเป็นจำนวนเงิน 160,000 บาท หรือในเรื่องเงินจำนวนใดจำนวนหนึ่งซึ่งผู้จำนองเป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือจะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้า ผู้จำนองยอมรับผิดชอบทั้งสิ้นข้อความตอนแรกที่ระบุว่าการจำนองรายนี้เป็นประกันหนี้เงิน160,000 บาท ซึ่งเท่ากับจำนวนเงินที่โจทก์กู้ยืมไปจากจำเลยส่วนข้อความในตอนหลังที่ระบุให้การจำนองเป็นประกันเงินจำนวนใดจำนวนหนึ่งซึ่งผู้จำนองเป็นหนี้ผู้รับจำนองอยู่ในเวลานี้หรือจะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้านั้นไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าให้เป็นประกันถึงหนี้อันเกิดจากมูลละเมิดหรือหนี้อย่างอื่นคนละประเภทกันที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า กรณีจึงมีข้อสงสัย ดังนั้นการตีความถึงเจตนาของคู่สัญญาในกรณีที่มีข้อสงสัยเช่นนี้ ต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายที่จะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 11 จึงต้องฟังว่าสัญญาจำนองรายนี้ไม่ได้ประกันถึงหนี้อันเกิดจากมูลละเมิดซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยอีกประเภทหนึ่ง
of 89