คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สังเวียน รัตนมุง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแบ่งทรัพย์สินร่วม: แม้เป็นพระภิกษุ ก็มีสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าของรวมได้
เมื่อเจ้ามรดกตาย โจทก์และ ล.บุตรเจ้ามรดกซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาและร่วมกันครอบครองโดยมิได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทจึงมิใช่มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไป แต่เป็นทรัพย์สินร่วมกันของโจทก์และ ล. มารดาของจำเลยทั้งห้าเมื่อ ล.ตายส่วนของ ล. ตกแก่จำเลยทั้งห้า การที่จำเลยทั้งห้าไม่ยอมแบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ในฐานะเจ้าของรวม จึงมีอำนาจฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทได้ แม้โจทก์จะเป็นพระภิกษุ ก็หามีบทกฎหมายห้ามโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของเจ้าของรวมแม้เป็นพระภิกษุ: คดีทรัพย์สินร่วมหลังมรดก
เจ้ามรดกตาย โจทก์และ ล. บุตรเจ้ามรดกซึ่งเป็นทายาทได้รับมรดกที่ดินพิพาทมาแล้วร่วมกันครอบครองโดยมิได้แบ่งแยกจึงมิใช่มรดกของเจ้ามรดกอีกต่อไป แต่เป็นทรัพย์สินร่วมกันของโจทก์และ ล. เมื่อ ล. ตายส่วนของ ล. ตกแก่จำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นบุตร ล. โจทก์ขอแบ่งส่วนของตน จำเลยทั้งห้าไม่ยอม จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์ในฐานะที่เป็นเจ้าของรวม มิใช่ในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมเนียม เรียกร้องเอาทรัพย์มรดก แม้โจทก์จะเป็นพระภิกษุก็ฟ้องจำเลยทั้งห้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญชาติและการกระทำผิดขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีบุคคลสัญชาติญวนอพยพ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ประกาศ ณ วันที่ 13ธันวาคม พุทธศักราช 2515 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนกับการไม่ให้สัญชาติไทยแก่บุคคลที่เกิดก่อนและหลังประกาศใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว เมื่อจำเลยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพและจำเลยเกิดในราชอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 2499 จำเลยจึงถูกเพิกถอนสัญชาติไทยไปแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวแล้วซึ่งจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายเสียก่อนจึงจะออกนอกเขตจังหวัดหนองคายได้ เมื่อจำเลยออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงย่อมมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญชาติและการกระทำผิดฐานหลบหนีเขตควบคุม: จำเลยถูกเพิกถอนสัญชาติไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ จึงต้องได้รับอนุญาตก่อนออกจากเขตควบคุม
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 13ธันวาคม พ.ศ. 2515 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนสัญชาติไทยกับการไม่ให้สัญชาติไทยแก่บุคคลที่เกิดก่อนและหลังการประกาศใช้เมื่อจำเลยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพและจำเลยเกิดในราชอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 2494 จำเลยจึงถูกเพิกถอนสัญชาติไทยไปแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญชาติและการจำกัดสิทธิการเดินทางออกจากจังหวัด
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคมพุทธศักราช 2515 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนกับการไม่ให้สัญชาติไทยแก่บุคคลที่เกิดก่อนและหลังประกาศใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว เมื่อจำเลยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพและจำเลยเกิดในราชอาณาจักรเมื่อ พ.ศ.2499 จำเลยจึงถูกเพิกถอนสัญชาติไทยไปแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวแล้ว ซึ่งจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายเสียก่อนจึงจะออกนอกเขตจังหวัดหนองคายได้ เมื่อจำเลยออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงย่อมมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญชาติและการจำกัดสิทธิการเดินทางของคนญวนอพยพที่เกิดในไทยตามประกาศคณะปฏิวัติ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ประกาศ ณ วันที่ 13ธันวาคม พุทธศักราช 2515 กำหนดหลักเกณฑ์การเพิกถอนกับการไม่ให้สัญชาติไทยแก่บุคคลที่เกิดก่อนและหลังประกาศใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว เมื่อจำเลยมีบิดามารดาเป็นคนญวนอพยพและจำเลยเกิดในราชอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 2494 จำเลยจึงถูกเพิกถอนสัญชาติไทยไปแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว จำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดเสียก่อนจึงออกนอกเขตจังหวัดได้ เมื่อจำเลยออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์เป็นกรรมต่อเนื่อง
จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง โดยนำรถแทรกเตอร์เข้าไปไถ โค่น เผาต้นยางพารา และขนำของโจทก์ที่ปลูกไว้เสียหาย แล้วจำเลยปลูกต้นมะพร้าว ต้นยางพาราต้นมะม่วงหิมพานต์ ของจำเลยลงในที่ดินดังกล่าวแทน การกระทำของจำเลยเป็นการต่อเนื่องกัน โดยจำเลยมีเจตนาถือการครอบครองที่ดินของโจทก์และทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ในที่ดินดังกล่าวเสียหายในคราวเดียวกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายกระทงและแยกการกระทำของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก. และข้อ ข. แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลก็จะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: ความผิดสำเร็จเมื่อเริ่มกระทำ การครอบครองต่อเนื่องไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง
จำเลยทั้งสองเข้าไปสร้างรั้วไม้รวก ห้องครัวและห้องน้ำรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์เพื่อถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ ความผิดฐานบุกรุกจึงเกิดขึ้นและสำเร็จเมื่อจำเลยทั้งสองเข้าไปกระทำการดังกล่าว ส่วนการที่จำเลยทั้งสองยังคงครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้น ไม่เป็นความผิดต่อเนื่องเมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบยืนยันว่า จำเลยทั้งสองได้บุกรุกที่ดินพิพาท เมื่อใดกันแน่ก่อนหรือหลังวันที่โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมา และจำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำการดังกล่าวมาก่อนโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทซึ่งหากเป็นดังที่จำเลยทั้งสองต่อสู้ การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน: ความผิดสำเร็จเมื่อเริ่มกระทำ การครอบครองต่อเนื่องไม่ใช่ความผิดต่อเนื่อง สงสัยยกประโยชน์ให้จำเลย
การที่จำเลยเข้าไปสร้างรั้ว ห้องครัว ห้องน้ำในที่ดินของโจทก์เพื่อถือการครอบครองเป็นของตนนั้น ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้นและสำเร็จเมื่อจำเลยเข้าไป กระทำการดังกล่าว ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุกเท่านั้น หาเป็นความผิด ต่อเนื่องไม่ โจทก์นำสืบได้ความแต่เพียงว่า ก่อนวันที่โจทก์ซื้อที่ดินเป็น เวลาเดือนเศษยังไม่มีการรุกล้ำที่ดินกันหลังจากโจทก์ซื้อแล้วก็ ไม่เคยเข้าไปครอบครองที่ดินเลยเป็นเวลาสองปีเศษจึงทราบว่าจำเลย บุกรุกโจทก์ไม่มีพยานมายืนยันว่าจำเลยบุกรุกที่ดินเมื่อใดในระหว่างที่เจ้าของเดิมหรือโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ประกอบกับ จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเข้าไปกระทำการในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ก่อนโจทก์ ซื้อที่ดินพิพาท กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยอาจบุกรุก เข้ามาก่อนที่โจทก์ซื้อที่ดินมาก็ได้ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมเป็นโมฆะ: เจ้ามรดกไม่มีสติสัมปชัญญะขณะทำพินัยกรรม
คำเบิกความของโจทก์และ ส. หลานเจ้ามรดกประกอบกับ หลักฐานการป่วยของเจ้ามรดกที่โรงพยาบาล ฟังได้ว่าเจ้ามรดกมีสติ เลอะเลือนก่อนถึงแก่กรรม ส่วนข้อนำสืบของจำเลยที่ 1 มีพิรุธและ ไม่น่าเชื่อถือกล่าวคือ เจ้ามรดกมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว แต่ใน พินัยกรรมระบุอายุเพียง 71 ปี ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าจำลายพิมพ์ นิ้วมือของเจ้ามรดกในพินัยกรรมได้ แต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มี ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องนี้อย่างไร ที่จำเลยที่ 1อ้างว่าไม่ทราบว่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมไว้แต่บุตรกลับเบิกความว่า อยู่ในขณะทำ พินัยกรรมด้วย นอกจากนี้ผู้จัดทำพินัยกรรมก็เป็นทนายจำเลยที่ 1 จึงถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และจำเลยก็ไม่นำพยานในพินัยกรรม มาเป็นพยานต่อศาลด้วย จึงไม่น่าเชื่อว่าเจ้ามรดกซึ่งมีอายุกว่า 80 ปี มีอาการไม่ค่อยรู้เรื่องจะทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินจำนวนมาก ถึง 10รายการให้บุคคลอื่น คดีจึงฟังได้ว่าในขณะทำพินัยกรรม เจ้ามรดกไม่มีสติสัมปชัญญะและไม่ทราบข้อความในพินัยกรรม พินัยกรรม จึงไม่มีผลบังคับ.
of 36