คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มงคล สระฏัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 717 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิฉะนั้นศาลไม่มีอำนาจลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจรแต่ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิด เฉพาะข้อหารับของโจรฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้ทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตาม ศาลก็ไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ การที่ศาลจะมีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาครบถ้วนถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(1) ถึง (7) เสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องอาญาต้องครบถ้วนตามกฎหมาย หากไม่ครบถ้วนศาลไม่มีอำนาจลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ต่างจากฟ้อง
การที่ศาลจะมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความแตกต่างกับฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192ได้นั้นจะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 158(1)-(7) เสียก่อน หากเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องโดยไม่จำต้องพิจารณาสืบพยานคู่ความแต่อย่างใด และกรณีดังกล่าวศาลย่อมไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4788/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีในชั้นฎีกาหลังคดีถึงที่สุดสำหรับจำเลยบางส่วน
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาแต่คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยจำเลยที่ 1มิได้อุทธรณ์ โจทก์จึงขอถอนฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4788/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวหลังฎีกา และผลของการไม่รับฎีกาเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาแต่คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่สุดไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ โจทก์จึง ขอถอนฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. บันดาลโทสะ: การพิจารณาโทษจำคุกจากการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดของกลางแทงไปที่กลางหน้าอกของผู้ตาย ซึ่งมีอวัยวะสำคัญอยู่ภายในอย่างแรง แม้แทงเพียงครั้งเดียว แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ผู้ตายกับจำเลยด่ากันโดยใช้ถ้อยคำหยาบคายเป็นประจำทุกวันแม้ในวันเกิดเหตุผู้ตายด่าจำเลยว่า "ไอ้หน้าหีหน้าแตด ไม่ช่วยทำมาหากิน" ก็เป็นเพียงการกล่าวถ้อยคำหยาบคายตามปกติ ทั้งขณะเกิดเหตุเพื่อนบ้านที่ร่วมดื่มสุรากับจำเลยก็กลับไปแล้ว คำกล่าวของผู้ตายจึงไม่ได้ทำให้จำเลยต้องอับอายขายหน้าบุคคลอื่น จะถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่ได้ การที่จำเลยแทงผู้ตายจึงไม่ใช่เพราะเหตุบันดาลโทสะ หากแต่เป็นเพราะจำเลยโกรธเคืองที่ผู้ตายด่าว่าจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4608/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: เล็งเห็นผลกระทบต่อผู้อื่นจากการยิงที่รถยนต์
การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย-ทั้งสอง แม้กระสุนปืนจะไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 ยิงไปที่รถยนต์ที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่ และกระสุนปืนนัดแรกถูกระจกหลังด้านขวาแตก ส่วนอีก2 นัดหลังถูกแผงเครื่องทำความเย็นหน้ารถยนต์ เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4608/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากเหตุยิงไปที่รถยนต์ของผู้เสียหาย แม้กระสุนไม่ถูกตัว
การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสอง แม้กระสุนปืนจะไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง แต่การที่จำเลยที่ 2ยิงไปที่รถยนต์ที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่ และกระสุนปืนนัดแรกถูกกระจกหลังด้านขวาแตก ส่วนอีก 2 นัดหลังถูกแผงเครื่องทำความเย็นหน้ารถยนต์ เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4604/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินไม่ถูกต้องตามสัญญา การสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์เจตนา
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินทั้งหมดที่มีสิ่งปลูกสร้าง แต่จำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเพียงโฉนดเดียวให้แก่โจทก์ส่วนที่ดินอีกโฉนดหนึ่งที่มีสิ่งปลูกสร้างบางส่วนอยู่จำเลยที่ 1 ปกปิดไม่แบ่งโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์แต่กลับไปโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียเปรียบผิดเจตนาในการทำสัญญาซื้อขาย เท่ากับโจทก์นำสืบว่าสัญญาซื้อขายไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโจทก์จึงมีสิทธิสืบพยานบุคคลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4524/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินพิพาทเป็นที่หลวง ครอบครอง ส.ค.1 ไม่อาจอ้างสิทธิได้
ประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1 ที่มีข้อความว่า"ประกาศขนานนามเปลี่ยนนามตำบลบางกรา แขวงจังหวัดเพชรบุรี มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าในที่หลวงซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นใหม่ ตำบลบางกรา แขวงจังหวัดเพชรบุรีนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามพระราชทานว่ามฤคทายวัน"มีความหมายสองนัย คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามบางกราเปลี่ยนเป็นมฤคทายวัน และโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างที่หลวงขึ้นใหม่ ส่วนประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.2 ที่มีข้อความว่า "ประกาศ เขตราชนิเวศน์มฤคทายวัน และห้ามไม่ให้ทำอันตรายแก่สัตว์ มีพระบรมราชโองการ ดำรัสเหนือเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ที่ตำบลมฤคทายวันซึ่งโปรดเกล้าฯให้สร้างราชนิเวศน์เป็นที่ประทับขึ้นแล้วนั้น มีเขตด้านตะวันออกชายฝั่งทะเลตั้งแต่วัดบางควายจดบ้านบ่อเคี่ยะยาว 125 เส้นด้านเหนือจากฝั่งทะเลยื่นขึ้นไปถึงเขาเสวยกะปิยาว 190 เส้นด้านใต้ยื่นจากชายทะเลขึ้นไปถึงเขาสามพระยายาว 175 เส้น ด้านตะวันตกตั้งแต่เขาเสวยกะปิถึงเขาสามพระยายาว 125 เส้น ภายในเขตที่เป็นราชนิเวศน์นี้พระราชทานอภัยทานแก่สัตว์ที่ชนมักใช้เป็นภักษาหารทั้งจัตตุบททวิบาทที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอยู่ จึงประกาศห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่มีน้ำจิตร์เป็นสัมมาทิษฐิกระทำร้ายแก่สัตว์นั้น ๆ ด้วยประการใด ๆ ในเขตที่กำหนดมาแล้ว"นั้น เป็นประกาศพระบรมราชโองการที่มีพระราชประสงค์สืบเนื่องจากประกาศพระบรมราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งโปรดเกล้าฯ เพียงให้สร้างที่หลวงขึ้นใหม่โดยยังมิได้กำหนดอาณาเขต จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตามเอกสารหมาย ล.2 กำหนดเขตที่หลวงที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ให้แน่ชัด และได้โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์ด้วย สถานที่ที่ได้กำหนดตามประกาศพระราชโองการตามเอกสารหมาย ล.1และ ล.2 จึงเป็นสถานที่เดียวกัน ดังนั้น ที่ดินพิพาทจึงเป็นที่หลวง หาใช่เป็นที่ดินที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์แต่อย่างเดียวไม่ แม้โจทก์จะได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทแล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่หลวงซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เช่นนี้ โจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4451/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งเปลี่ยนเจตนาการยึดถือ หากไม่แจ้งสิทธิครอบครองเดิมยังคงอยู่
เดิมจำเลยถูก ม. ฟ้องเป็นคดีแพ่งและยึดที่ดินมีหลักฐานน.ส.3 ของจำเลยออกขายทอดตลาด และ ม. เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินทั้งแปลงรวมทั้งที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาด จำเลยซึ่งอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวมาก่อนย่อมทราบดีว่า ม. ได้สิทธิครอบครองในที่ดินแล้ว การที่จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวต่อมาจึงเป็นการยึดถือที่ดินไว้แทน ม. เท่านั้น หาใช่ยึดถือเพื่อตนเองไม่หากจำเลยจะยึดถือเพื่อตนอย่างเป็นเจ้าของ ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 คือบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือไปยัง ม. จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา 1382
of 72