พบผลลัพธ์ทั้งหมด 717 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแย้ง, สิทธิครอบครอง, ประทานบัตรทำเหมืองแร่, ความเสียหายจากการกระบวนการชั่วคราว, การแก้ไขฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิครอบครองที่พิพาทของโจทก์และขอให้เพิกถอนประทานบัตรการทำเหมืองแร่ในที่พิพาทของจำเลยที่ 2 จำเลยฟ้องแย้งโดย ฟ้องแย้งเดิมก่อนที่จำเลยจะขอแก้ไขจำเลยฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายที่ขาดกำไรสุทธิจากการทำเหมืองแร่ในที่พิพาทวันละ 15,000 บาท โดยอ้างว่าโจทก์แกล้งร้องคัดค้านการออกประทานบัตรของจำเลยที่ 2แกล้งฟ้องคดีนี้ และแกล้งนำเอาสำเนาคำฟ้องไปยื่นร้องคัดค้านการออกประทานบัตรดังกล่าวต่อกรมทรัพยากรธรณีอันเป็นการละเมิดต่อจำเลยที่ 2 แต่ปัญหาว่าที่พิพาทโจทก์ที่ 1 หรือจำเลยที่ 2มีสิทธิครอบครองโจทก์และจำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ในขณะฟ้องแย้งทั้งสิทธิทำเหมืองแร่ในที่พิพาทของจำเลยที่ 2 ก็ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของทางราชการจำเลยยังไม่มีสิทธิโดย สมบูรณ์ที่จะเข้าทำเหมืองแร่ในที่พิพาทการที่โจทก์กระทำการดังกล่าว จึงยังไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยที่ 2 ซึ่งยังไม่มีอยู่ในขณะฟ้องแย้ง ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเป็นฟ้องที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องแย้งในส่วนนี้ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่แก้ไขขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 2เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามที่จำเลยที่ 2 ได้รับประทานบัตรห้ามมิให้โจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้โจทก์รื้อถอนเรือนแถวที่พักของคนงานและทำให้ที่ดินมีสภาพเหมือนเดิม และให้โจทก์ทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยวันละ 15,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2521 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะได้เข้าทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรนั้น ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่พิพาท ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2521จำเลยขอแก้ไขฟ้องแย้งและได้รับอนุญาตจากศาลเมื่อวันที่ 13ธันวาคม 2521 ซึ่งเป็นภายหลังจากที่จำเลยที่ 2 ได้รับประทานบัตรแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิในที่พิพาทในขณะที่ขอแก้ไขฟ้องแย้ง การที่โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้องรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ในที่พิพาทจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของจำเลยแล้ว ทั้งการที่จำเลยแก้ไขฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้องและให้โจทก์รื้อถอนเรือนแถวที่พักของคนงานนั้น ถือได้ว่าเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องแย้งในส่วนดังกล่าวแต่ที่จำเลยขอให้โจทก์ทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยวันละ 15,000บาทนั้น จำเลยอ้างในฟ้องแย้งที่แก้ไขว่า จำเลยที่ 2 ได้รับประทานบัตรเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2521 จำเลยที่ 2 จึงมีสิทธิและอำนาจที่จะทำเหมืองแร่ในที่พิพาทได้แต่โจทก์ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำการใด ๆ ในที่พิพาทตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2521 จำเลยที่ 2 จึงไม่สามารถทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรได้ ทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหายซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งและออกหมายห้ามตามคำขอในเหตุฉุกเฉินในวันเดียวกันนั้น แต่มูลหนี้ตามฟ้องแย้งเกี่ยวกับค่าเสียหายของจำเลยนี้เกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกว่าวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา อันเป็นกรณีที่เกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายคือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากจากคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากโจทก์จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่จะฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหากตามมาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินที่สุขาภิบาลจัดให้เช่า สามารถฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ แม้ที่ดินเดิมเป็นสาธารณสมบัติ
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาสุขาภิบาลได้ถมคลองแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอย โจทก์เป็นผู้เข้าทำสัญญาวางแผงลอยบนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาล ต่อมาโจทก์นำที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าเพื่อสร้างอาคารแบบร้านค้า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทและจำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากสัญญาเช่าบนที่ดินที่สุขาภิบาลจัดให้เช่า แม้เดิมเป็นคลองสาธารณะ
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาสุขาภิบาลได้ถมคลองแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอย โจทก์เป็นผู้ทำสัญญาวางแผนลอยบนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาล แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงจำเลยไม่ยอมออกจากที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา แม้คดีเปลี่ยนประเภทจากไม่มีทุนทรัพย์เป็นมีทุนทรัพย์
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากทรัพย์พิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ โดยเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นได้สั่งรับฟ้องของโจทก์แล้ว แม้จำเลยทั้งสองให้การว่า คดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ก่อนหรือในวันสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจรับคำร้องและไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างพิจารณาก่อนโจทก์นำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาวางศาลให้ครบถ้วนตามคำสั่งศาลได้ เพราะศาลชั้นต้นได้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี แม้คดีเปลี่ยนประเภทจากไม่มีทุนทรัพย์เป็นมีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองและส่งมอบทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ โดยเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ศาลชั้นต้นได้สั่งรับฟ้องของโจทก์แล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ก่อนหรือในวันสืบพยานโจทก์ ก่อนโจทก์นำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาวางศาลให้ครบถ้วน ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจรับคำร้องและไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายรับของโจร ต้องมีเจตนาซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย หรือพาเอาไปเสีย ซึ่งฎีกานี้เห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอฟัง
การที่มีผู้เห็นจำเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันที่หายไปโดยมีนาย อ. เป็นคนขับในวันรุ่งขึ้นจากที่รถหาย และในตอนเย็นหลังจากวันที่รถหายได้ 1 วัน บุตรชายของนาย ย. ได้พาเพื่อน4 คนไปที่บ้านของนาย ย. พร้อมกับรถคันที่หายโดยมีจำเลยไปด้วยจำเลยค้างที่บ้านของนาย ย.2 คืน แล้วกลับไปก่อน ส่วนคนอื่นค้าง 3 คืน เมื่อจำเลยกลับไปแล้ว รถคันที่หายก็ยังอยู่ที่บ้านของนาย ย. และในวันที่เจ้าพนักงานตำรวจไปยึดชิ้นส่วนรถที่บ้านของนาย ย. ไม่เห็นจำเลย ดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยไปกับคนร้ายเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าผู้อื่น แม้ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด โดยมีเจตนาฆ่าจำเลยที่ 2 เข้าล็อกคอและจับแขนผู้ตายหลังจากที่จำเลยที่ 1ใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายสลัดหลุดแล้วล้มลง จึงถูกจำเลยที่ 1 จ่อยิงอีก 1 นัด โดยที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ในการยิงผู้ตายนัดที่ 2 เท่านั้น จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืน โดยพิจารณาจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน
การที่จำเลยถูกจับกุมโดยไม่ทันรู้ตัว หากจำเลยเป็นเจ้าของอาวุธปืนสั้นจริง จำเลยน่าจะพกติดตัวไว้หรือเหวี่ยงอาวุธปืนสั้นทิ้งเมื่อจวนตัว จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จำเลยจะต้องนั่งทับอาวุธปืนสั้นไว้ดังที่โจทก์นำสืบ นอกจากนี้จำเลยก็มีอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดกึ่งอัตโนมัติบรรจุ 5 นัด ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนสั้นอีก และถ้าจำเลยถูกจับพร้อมอาวุธปืนสั้นจริงจำเลยน่าจะรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานของกลางเช่นเดียวกับอาวุธปืนยาว แต่จำเลยกลับให้การปฏิเสธตั้งแต่ในชั้นจับกุมตลอดมาจนชั้นสอบสวน พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงที่จะฟังว่าสินตำรวจตรี ป.กับพวกได้จับกุมจำเลยพร้อมกับอาวุธปืนสั้นซึ่งบรรจุกระสุน 3 นัด รูปคดีมีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนสั้นโดยมีได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนสั้นโดยไม่มีใบอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินเวนคืนในที่ดินจัดสรร: ค่าทดแทนสมเหตุสมผลเมื่อเป็นภาระจำยอม
ที่พิพาทที่ถูกเวนคืนเป็นถนนคอนกรีตในที่ดินจัดสรร ที่โจทก์ ทำขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันสำหรับบุคคลที่อาศัยในที่ดินจัดสรร ที่ดินพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ตราบใดที่โจทก์ยังไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการ จัดสรรที่ดินให้เลิกจัดสรรที่พิพาทย่อมตกอยู่ในภารจำยอมตามกฎหมาย โจทก์ไม่ สามารถนำที่พิพาทไปแสวงหาประโยชน์อื่นได้ ที่พิพาทจึงมี ราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาตลาดมาก การที่จำเลยกำหนดค่าทดแทนโดย คำนึงถึงตำแหน่งของที่พิพาท จึงเป็นการสมควรและเป็นธรรม แก่โจทก์แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันทึกการจับกุมใช้เป็นหลักฐานได้ แม้ไม่ได้แจ้งสิทธิผู้ถูกจับ โดยมีพยานหลักฐานอื่นประกอบ
บันทึกการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมที่ไม่ได้บอกให้ผู้ถูกจับทราบก่อนว่า ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับกล่าวนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันเขาในชั้นพิจารณาได้นั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้