พบผลลัพธ์ทั้งหมด 717 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหาย: การนับระยะเวลาเริ่มเมื่อโจทก์ทราบการละเมิดและตัวผู้รับผิด
จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยเคยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นโต้เถียงไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวให้ เพราะจำเลยไม่ได้ยกข้อโต้เถียงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งของโจทก์ได้สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า กรณีไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยโจทก์จึงไม่อาจรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อกระทรวงการคลังแจ้งความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งว่าจำเลยขับรถโดยประมาทต้องรับผิดทางแพ่ง โจทก์ฟ้องคดีนี้ยังไม่เกินหนึ่งปีนับแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิการใช้น้ำจากลำเหมืองสาธารณะ การถมลำเหมืองกระทบสิทธิทำนาของผู้อื่น
ลำเหมืองพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลยทั้งสอง เป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม โจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาของจำเลยทั้งสองใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้วจำเลยทั้งสองถมลำเหมืองพิพาท ทำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองทำนาได้ตามปกติ จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำเหมืองสาธารณะ การถมลำเหมืองละเมิดสิทธิ และความเสียหายจากการขาดน้ำทำนา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวและมิได้ยกปัญหาข้อนี้มาโต้แย้งในคำแก้อุทธรณ์ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าลำเหมืองพิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขุดขึ้นเองเพื่อระบายน้ำเข้านา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำเหมืองสาธารณะ การละเมิดสิทธิการใช้น้ำ และความเสียหายจากการกีดกั้นการใช้น้ำ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ลำเหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวและมิได้ยกปัญหาข้อนี้มาโต้แย้งในคำแก้อุทธรณ์ ดังนั้น ที่จำเลยฎีกาว่าลำเหมืองพิพาทจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขุดขึ้นเองเพื่อระบายน้ำเข้านา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
แม้ลำเหมืองพิพาทจะอยู่ในที่ดินของจำเลย แต่ลำเหมืองดังกล่าวเป็นลำเหมืองสาธารณะที่มีมาแต่เดิม ทั้งโจทก์ได้อาศัยน้ำจากลำเหมืองดังกล่าวซึ่งไหลผ่านนาจำเลยใช้ทำนามาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีความจำเป็นต้องชักน้ำจากลำเหมืองอื่นมาใช้ในการทำนาซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การที่จำเลยถมลำเหมืองพิพาททำให้โจทก์ไม่อาจใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาททำนาได้ตามปกติที่เคยใช้มา จนเป็นเหตุให้โจทก์ทำนาไม่ได้เพราะขาดน้ำ จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และคำเบิกความของพยานผู้เห็นเหตุการณ์
แม้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนร้ายจะสวมหมวกซึ่งคลุมใบหน้าไว้ก็ตามแต่ พ. พยานโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีความคุ้นเคยกันฉันญาติ จึงมีเหตุผลอยู่ที่ พ. จะจำจำเลยที่ 1 ได้จากเสียงและรูปร่างลักษณะการที่ระบุตัวจำเลยที่ 1 ต่อเจ้าพนักงานตำรวจล่าช้าไปบ้างก็เป็น เรื่องธรรมดาที่ในตอนแรก พ. อาจคิดช่วยเหลือจำเลยที่ 1 รวม ทั้งกลัวภัยที่จะเกิดแก่ตน จึงไม่ทำให้น้ำหนักคำ พ. เป็นพิรุธถึงกับรับฟังไม่ได้ เพื่อพิจารณาประกอบผลการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบ ลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 1 กับลายนิ้วมือแฝง ของคนร้ายที่ขวดสุรา ของกลาง ปรากฎว่าเป็นลายนิ้วมือของบุคคลคนเดียวกัน ทำให้พยาน หลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย ร่วมกับพวกปล้นทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาประเมินตามราคาตลาด และเขตอำนาจศาลที่ถูกต้อง
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางพิเศษ มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 23วรรคท้าย ให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28พฤศจิกายน 2515 เกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวง บัญญัติไว้ในข้อ 76 ว่า "เงินค่าทดแทนนั้น ถ้าไม่มีบทบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้วให้กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันดังต่อไปนี้ (1) ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับในกรณีที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเช่นว่านั้น ฯลฯ" จำเลยจะกำหนดเงินค่าทดแทนให้ต่ำกว่านี้โดยถือตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดินหาได้ไม่ การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินจากจำเลยเป็นคดีนี้ มีมูลเหตุมาจากที่ดินโจทก์ถูกเวนคืน มูลคดีจึงเกิดขึ้นที่ที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ การที่ศาลแพ่งธนบุรีซึ่งที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ในเขตศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีได้นั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาค่าทดแทนตามราคาตลาด และเขตอำนาจศาลที่ถูกต้อง
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางพิเศษ มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 23 วรรคท้าย ให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515เกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวง บัญญัติไว้ในข้อ 76 ว่า "เงินค่าทดแทนนั้น ถ้าไม่มีบทบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้วให้กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันดังต่อไปนี้(1) ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับในกรณีที่ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเช่นว่านั้น ฯลฯ" จำเลยจะกำหนดเงินค่าทดแทนให้ต่ำกว่านี้โดยถือตามบัญชีกำหนดจำนวนราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดินหาได้ไม่
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินจากจำเลยเป็นคดีนี้ มีมูลเหตุมาจากที่ดินโจทก์ถูกเวนคืน มูลคดีจึงเกิดขึ้นที่ที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ การที่ศาลแพ่งธนบุรีซึ่งที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ในเขตศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีได้นั้นชอบแล้ว
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าทดแทนที่ดินจากจำเลยเป็นคดีนี้ มีมูลเหตุมาจากที่ดินโจทก์ถูกเวนคืน มูลคดีจึงเกิดขึ้นที่ที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ การที่ศาลแพ่งธนบุรีซึ่งที่ดินโจทก์ตั้งอยู่ในเขตศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีได้นั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางแยก: ผู้ขับรถต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
พระราชบัญญัติ ญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา51(2)(จ) ที่บังคับรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถเดียวกันผ่านไปก่อนเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้นั้น ไม่ใช้แก่กรณีการเดินรถในถนนคนละสาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทางแยก: การประเมินความรับผิดของผู้ขับขี่และหลักการใช้มาตรา 71(2) พ.ร.บ.จราจรทางบก
จำเลยที่ 1 ขับรถมาถึงทางร่วมทางแยกก่อนรถโจทก์ จะนำมาตรา 71(2) พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะตามบทมาตราดังกล่าวเป็นกรณีที่รถมาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และตามมาตรา 51(2)(จ) ก็เป็นกรณีเมื่อรถอยู่ในทางร่วมทางแยกต้องให้รถที่สวนมาในทางเดินรถเดียวกันผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เลี้ยวขวาไปได้ มิใช่กรณีการเดินรถในถนนคนละสาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องด้วยเหตุอันสมควร มิใช่การอาศัยอนุญาตจากเจ้าของกรรมสิทธิ์
การที่จำเลยปลูกบ้านในที่พิพาทโดยเจ้าของกรรมสิทธิ์พิพาทอนุญาตให้จำเลยอยู่อาศัย แม้จำเลยจะอยู่เรื่อยมาโดยไม่มี ผู้ใดโต้แย้งนั้นถือได้ว่า จำเลยครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของ แม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์.