พบผลลัพธ์ทั้งหมด 717 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระ: ไม่มีเหตุสุดวิสัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หลังจากที่จำเลยได้รับรถไปตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง 12 งวด และผิดนัดไม่ชำระตั้งแต่งวดที่13 เป็นต้นมาจนถึงวันฟ้อง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว การผิดนัดของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปถึงเรื่องรายละเอียดของค่าเสียหาย ส่วนคำขอท้ายฟ้องเป็นการขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์คืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ ลักษณะคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องเช่นนี้ เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อทั่วไปเท่านั้น คดีจึงไม่มีกรณีที่จำเลยต้องชำระค่าเสียหายแม้จะเกิดจากเหตุสุดวิสัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเช่าซื้อ โดยคำฟ้องไม่ได้ระบุถึงเหตุสุดวิสัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หลังจากที่จำเลยได้รับรถไปตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว จำเลยชำระค่าเช่าซื้อเพียง 12 งวดและผิดนัดไม่ชำระตั้งแต่งวดที่ 13 เป็นต้นมาจนถึงวันฟ้องโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว การผิดนัดของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์บรรยายฟ้องต่อไปถึงเรื่องรายละเอียดของค่าเสียหาย ส่วนคำขอท้ายฟ้องเป็นการขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์คืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ ลักษณะคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องเช่นนี้ เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายโดยอ้างเหตุว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อทั่วไปเท่านั้น คดีจึงไม่มีกรณีที่จำเลยต้องชำระค่าเสียหายแม้จะเกิดจากเหตุสุดวิสัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ: พิจารณาจากเหตุการณ์ต่อเนื่องและโทสะของผู้กระทำ
การที่ผู้ตายเอาเบียร์จากโต๊ะของจำเลยที่ 1 ไปดื่มโดยพลการ จนผู้ตายและจำเลยที่ 1 ทะเลาะกัน เมื่อ ป.เข้าห้าม ผู้ตายก็เดินไปทางปากซอยส่วนจำเลยที่ 1กลับไปนั่งดื่มเบียร์ต่อที่โต๊ะ แต่ผู้ตายยังไม่ยอมเลิกแล้วต่อกันกลับไปท้าท้ายจำเลยที่ 1 ให้ชกต่อยกันอีกจึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดแทงผู้ตายในเวลาเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกันจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะต้องพิจารณาว่า ขณะนั้นโทสะของผู้กระทำผิดหมดสิ้นไปแล้วหรือหาไม่ โดยพิจารณาจากพฤติการณ์อื่นประกอบ การที่จำเลยทั้งสองบันดาลโทสะจึงวิ่งไล่แทงผู้ตาย และจำเลยที่ 2 แทงผู้ตายได้ในที่สุดเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันย่อมแสดงว่าขณะผู้ตายหนีต่อไปไม่ได้และใช้โต๊ะขึ้นกันนั้นโทสะของจำเลยทั้งสองยังไม่หมดสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากเอกสารแปลไม่ทันและพยานติดประชุม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไม่ชอบ
++ เรื่อง รับขน ประกันภัย รับช่วงสิทธิ (ชั้นฎีกาคำสั่งไม่ให้เลื่อนคดี)
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ - ขอชุดตรวจได้ที่งานย่อข้อกฎหมายระบบ CW โถงกลางชั้น 3 ++
++
++
++ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบนั้นชอบหรือไม่
++ โจทก์ฎีกาว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2538 นั้น โจทก์แถลงขอเลื่อนคดี มีเหตุผลสองประการ คือ พยานเอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์จะนำสืบในวันนั้นไม่พร้อมเนื่องจากเอกสารส่วนมากเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งโจทก์จำต้องจัดคำแปลเป็นภาษาไทย กับอีกประการหนึ่งทนายโจทก์ได้รับแจ้งจากพยานปากที่โจทก์เตรียมไปเบิกความในวันนั้นว่าพยานติดประชุมกะทันหันไม่สามารถไปเป็นพยานศาลได้ จึงเป็นเหตุจำเป็นที่โจทก์ต้องขอเลื่อนคดีส่วนที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2538ซึ่งน้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันสืบพยานโจทก์นั้น เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้แล้ว โดยมีลายมือชื่อตรงมุมซ้ายด้านบนว่า"รับเป็นบัญชีพยานโจทก์ สำเนาให้จำเลย" แต่เมื่อถึงวันที่ 17กรกฎาคม 2538 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ฝ่ายจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับบัญชีระบุพยานของโจทก์ใหม่ ให้ยกบัญชีระบุพยานของโจทก์นั้นเสีย พร้อมกับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปความผิดพลาดหรือบกพร่องของโจทก์ที่ยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียง 1 วันจากกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันนัดสืบพยานนัดแรก ความบกพร่องนั้นเป็นเพียงคลาดเคลื่อนกำหนดเวลาเพียงเล็กน้อย มิได้มีผลร้ายแรงหรือทำให้โจทก์ได้เปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด จึงควรอนุญาตให้เลื่อนคดีตามคำขอของโจทก์
++ เห็นว่า แม้ระยะเวลานับแต่ที่โจทก์ยื่นฟ้องจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็เป็นระยะเวลาที่ใช้ไปในขั้นตอนการนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง การยื่นคำให้การจำเลยและการแจ้งวันนัดเท่านั้น สำหรับวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 17 กรกฎาคม 2538 เป็นเพียงวันนัดสืบพยานในคดีนี้เป็นครั้งแรก การที่โจทก์ขอเลื่อนคดีในนัดดังกล่าวโดยอ้างเหตุว่าเอกสารที่โจทก์จะนำสืบพยานในวันนัดไม่พร้อม ยังแปลเอกสารไม่เรียบร้อย และพยานที่จะนำสืบในวันนัดติดประชุมนั้น หากมีเหตุจำเป็นตามที่โจทก์อ้างจริงก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประวิงคดีเพื่อการสืบพยานหลักฐานให้ชักช้าหรือเอาเปรียบในเชิงคดีต่อฝ่ายจำเลย ปรากฏว่าเมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีฝ่ายจำเลยคัดค้านการขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์ดังกล่าวข้างต้นโดยอ้างเพียงว่า การขอเลื่อนคดีของโจทก์นี้เนื่องจากจะขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้ยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์ได้ เนื่องจากบัญชีระบุพยานที่โจทก์ยื่นไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 เป็นการยื่นก่อนวันสืบพยานน้อยกว่า 7 วัน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านโดยชัดแจ้งว่าเหตุที่โจทก์อ้างในการขอเลื่อนคดีดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงอย่างใด จึงน่าเชื่อว่ามีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดีตามคำขอเลื่อนคดีของโจทก์ดังกล่าว ควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีตามคำขอของโจทก์ ดังนี้แม้โจทก์จะบกพร่องในการยื่นบัญชีระบุพยานซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาตามกฎหมายไปเพียง 1 วัน ก็มิใช่เป็นเหตุผลพิจารณาประกอบว่ามีเหตุสมควรให้โจทก์เลื่อนคดีไปหรือไม่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ++
++ ทดสอบการทำงานในระบบ CW เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ++
++ ย่อข้อกฎหมายอย่างไม่เป็นทางการ - ขอชุดตรวจได้ที่งานย่อข้อกฎหมายระบบ CW โถงกลางชั้น 3 ++
++
++
++ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบนั้นชอบหรือไม่
++ โจทก์ฎีกาว่า ในวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2538 นั้น โจทก์แถลงขอเลื่อนคดี มีเหตุผลสองประการ คือ พยานเอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์จะนำสืบในวันนั้นไม่พร้อมเนื่องจากเอกสารส่วนมากเป็นภาษาต่างประเทศ ซึ่งโจทก์จำต้องจัดคำแปลเป็นภาษาไทย กับอีกประการหนึ่งทนายโจทก์ได้รับแจ้งจากพยานปากที่โจทก์เตรียมไปเบิกความในวันนั้นว่าพยานติดประชุมกะทันหันไม่สามารถไปเป็นพยานศาลได้ จึงเป็นเหตุจำเป็นที่โจทก์ต้องขอเลื่อนคดีส่วนที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2538ซึ่งน้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันสืบพยานโจทก์นั้น เดิมศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้แล้ว โดยมีลายมือชื่อตรงมุมซ้ายด้านบนว่า"รับเป็นบัญชีพยานโจทก์ สำเนาให้จำเลย" แต่เมื่อถึงวันที่ 17กรกฎาคม 2538 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ฝ่ายจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับบัญชีระบุพยานของโจทก์ใหม่ ให้ยกบัญชีระบุพยานของโจทก์นั้นเสีย พร้อมกับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปความผิดพลาดหรือบกพร่องของโจทก์ที่ยื่นบัญชีระบุพยานช้าไปเพียง 1 วันจากกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันนัดสืบพยานนัดแรก ความบกพร่องนั้นเป็นเพียงคลาดเคลื่อนกำหนดเวลาเพียงเล็กน้อย มิได้มีผลร้ายแรงหรือทำให้โจทก์ได้เปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด จึงควรอนุญาตให้เลื่อนคดีตามคำขอของโจทก์
++ เห็นว่า แม้ระยะเวลานับแต่ที่โจทก์ยื่นฟ้องจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก็เป็นระยะเวลาที่ใช้ไปในขั้นตอนการนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง การยื่นคำให้การจำเลยและการแจ้งวันนัดเท่านั้น สำหรับวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 17 กรกฎาคม 2538 เป็นเพียงวันนัดสืบพยานในคดีนี้เป็นครั้งแรก การที่โจทก์ขอเลื่อนคดีในนัดดังกล่าวโดยอ้างเหตุว่าเอกสารที่โจทก์จะนำสืบพยานในวันนัดไม่พร้อม ยังแปลเอกสารไม่เรียบร้อย และพยานที่จะนำสืบในวันนัดติดประชุมนั้น หากมีเหตุจำเป็นตามที่โจทก์อ้างจริงก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประวิงคดีเพื่อการสืบพยานหลักฐานให้ชักช้าหรือเอาเปรียบในเชิงคดีต่อฝ่ายจำเลย ปรากฏว่าเมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีฝ่ายจำเลยคัดค้านการขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์ดังกล่าวข้างต้นโดยอ้างเพียงว่า การขอเลื่อนคดีของโจทก์นี้เนื่องจากจะขอเลื่อนคดีไปเพื่อให้ยื่นบัญชีระบุพยานของโจทก์ได้ เนื่องจากบัญชีระบุพยานที่โจทก์ยื่นไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 เป็นการยื่นก่อนวันสืบพยานน้อยกว่า 7 วัน ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านโดยชัดแจ้งว่าเหตุที่โจทก์อ้างในการขอเลื่อนคดีดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงอย่างใด จึงน่าเชื่อว่ามีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดีตามคำขอเลื่อนคดีของโจทก์ดังกล่าว ควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนคดีตามคำขอของโจทก์ ดังนี้แม้โจทก์จะบกพร่องในการยื่นบัญชีระบุพยานซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาตามกฎหมายไปเพียง 1 วัน ก็มิใช่เป็นเหตุผลพิจารณาประกอบว่ามีเหตุสมควรให้โจทก์เลื่อนคดีไปหรือไม่ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ++
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และเจตนาสมัครใจในการแบ่งที่ดิน
ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลที่ไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกัน ซึ่งจำเลยแถลงไว้ว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นของ ล. บิดาจำเลยและโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ต่อมา ล.ละทิ้งร้าง จำเลยได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์เรื่อยมา จำเลยเคยจะแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งห้า 5 ไร่ เนื่องจากเห็นแก่มารดา คำแถลงของจำเลยมิได้เกิดการถูกบังคับขู่เข็ญหรือหลอกลวง หากแต่จำเลยได้กระทำโดยสมัครใจ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่รับฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และที่ดินมรดก: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่ดินที่ได้มาจากการครอบครองและทำประโยชน์
ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลที่ไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกัน ซึ่งจำเลยแถลงไว้ว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นของ ล. บิดาจำเลยและโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ต่อมาล. ละทิ้งร้าง จำเลยได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์เรื่อยมาจำเลยเคยจะแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งห้า 5 ไร่ เนื่องจากเห็นแก่มารดา คำแถลงของจำเลยมิได้เกิดการถูกบังคับขู่เข็ญหรือหลอกลวงหากแต่จำเลยได้กระทำโดยสมัครใจ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่รับฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังข่มขู่ ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐาน และการรับสารภาพ
คำเบิกความของพยานโจทก์ทุกปากไม่มีผู้ใดมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยจึงไม่มีข้อน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความกลั่นแกล้งใส่ร้ายจำเลย น่าเชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามความเป็นจริงส่วนที่จำเลยนำสืบว่าที่ให้การรับสารภาพเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายจนทนไม่ไหวนั้น คงมีตัวจำเลยและบิดาจำเลยเท่านั้นที่เบิกความ และทนายจำเลยก็มิได้ถามค้านในเรื่องที่จำเลยอ้างว่าถูกทำร้ายจนทนไม่ไหวจึงต้องให้การรับสารภาพไว้ในขณะที่เจ้าพนักงานสอบสวนมาเบิกความเมื่อพิจารณาพยานหลักฐานต่าง ๆ ประกอบกับภาพถ่ายซึ่งจำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยกระทำโดยสมัครใจและไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายอยู่เลยคำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยจึงไม่มีข้อพิรุธหรือน่าสงสัยว่าจะมีการบังคับขู่เข็ญ หรือทำร้ายจนจำเลยทนไม่ได้ต้องให้การรับสารภาพ พยานจำเลยที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพื่อหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงน่าเชื่อถือจึงรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8299/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดหลายกรรม แม้ยึดของกลางพร้อมกัน ศาลต้องลงโทษปรับตามแต่ละความผิด
การมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาสูบที่ผลิตในต่างประเทศโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ สุราต่างประเทศที่มิได้ปิดแสตมป์สุรา และสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีสรรพสามิต กับมีไพ่ไว้ในครอบครอง แม้จะยึดของกลางทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัน แต่การกระทำผิดแต่ละข้อหาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายต่างพระราชบัญญัติโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรม รวม 4 กระทง ไม่ใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 50 พ.ร.บ.สุราพ.ศ.2493 มาตรา 33 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 162และ พ.ร.บ.ไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 14 ทวิ กำหนดโทษปรับผู้กระทำผิดโดยมิได้มีข้อจำกัดว่าถ้ามีผู้ร่วมกันกระทำผิดหลายคนให้ปรับรวมกัน ศาลจึงต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งห้าเรียงตามรายตัวบุคคลตาม ป.อ.มาตรา 31
พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 50 พ.ร.บ.สุราพ.ศ.2493 มาตรา 33 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 162และ พ.ร.บ.ไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 14 ทวิ กำหนดโทษปรับผู้กระทำผิดโดยมิได้มีข้อจำกัดว่าถ้ามีผู้ร่วมกันกระทำผิดหลายคนให้ปรับรวมกัน ศาลจึงต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งห้าเรียงตามรายตัวบุคคลตาม ป.อ.มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8299/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันตามกฎหมายหลายบท กรณีมีสินค้าผิดกฎหมายและไพ่
การมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาสูบที่ผลิตในต่างประเทศโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ สุราต่างประเทศที่มิได้ปิดแสตมป์สุราและสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีสรรพสามิต กับมีไพ่ไว้ในครอบครอง แม้จะยึดของกลางทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัน แต่การกระทำผิดแต่ละข้อหาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายต่างพระราชบัญญัติโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลแตกต่างกัน สามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดได้จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรม รวม 4 กระทงไม่ใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 50 พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 33 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตพ.ศ. 2527 มาตรา 162 และพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ. 2486มาตรา 14 ทวิ กำหนดโทษปรับผู้กระทำผิดโดยมิได้มีข้อจำกัดว่าถ้ามีผู้ร่วมกันกระทำผิดหลายคนให้ปรับรวมกัน ศาลจึงต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งห้าเรียงตามรายตัวบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนท้ายรถยนต์ แม้มีการประกันภัยแล้ว ผู้เสียหายยังเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ก่อเหตุได้
บริษัทประกันภัยที่โจทก์ที่ 3 เอาประกันภัยไว้จะชดใช้ราคารถยนต์ให้แก่โจทก์ที่ 3 บางส่วน อันเป็นสิทธิของโจทก์ที่ 3 ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยสัญญาประกันภัยแล้วแต่ถ้าจำนวนเงินที่โจทก์ที่ 3 ได้รับไปนั้นยังไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น โจทก์ที่ 3 ก็ยังมีสิทธิเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดที่ได้กระทำต่อโจทก์ที่ 3 อยู่ได้อีก