คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพศาล รางชางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 952 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้รับโอนสุจริตและชำระค่าตอบแทนแล้ว กรรมสิทธิ์เป็นของผู้รับโอน
แม้หนังสือมอบอำนาจระบุแต่เพียงว่าโจทก์แต่งตั้งให้ ช.มีอำนาจฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายกับขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากบ้านพิพาทโดยมิได้ระบุถึงให้ออกจากที่ดินพิพาทด้วยแต่เมื่อบ้านพิพาทตั้งอยู่บนที่ดินพิพาทย่อมมีความหมายรวมถึงให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทด้วย ช. จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ จำเลยดำเนินการปลอมลายมือชื่อจำเลยร่วมซึ่งเป็นคู่สมรสลงในเอกสารจัดการโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินและบ้านพิพาทอันเป็นสินสมรสให้แก่โจทก์โดยปราศจากความยินยอมของจำเลยร่วมแต่เมื่อโจทก์เป็นบุคคลภายนอกได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจำเลยร่วมจึงจะขอให้ศาลเพิกถอนการโอนดังกล่าวไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1480วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จ ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่กล่าวหาในฟ้อง หากพิจารณาเกินเลยประเด็นฟ้อง ถือเป็นข้อผิดพลาดทางกฎหมาย
ตามคำฟ้องข้อความที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่าเบิกความเท็จคือข้อความว่าโจทก์ออกเช็คชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งความจริงเป็นกรณีที่โจทก์มอบเช็คให้ภริยาโจทก์นำไปให้จำเลยยึดถือเป็นประกันการเล่นแชร์แต่ศาลล่างทั้งสองกลับวินิจฉัยโดยถือข้อความว่าจำเลยมอบเช็คให้ จ. ไปเรียกเก็บเงินแทนซึ่งความจริง จ.เป็นผู้ทรงเช็คแท้จริงจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นการวินิจฉัยดังกล่าวเป็นกรณีมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิพากษาคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นนายหน้ารับซื้อขายสลากกินรวบเข้าข่ายเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตาม พ.ร.บ.การพนัน
การที่จำเลยที่1เป็นนายหน้ารับซื้อหรือขายสลากกินรวบให้แก่ลูกค้าเป็นการตัดตอนระหว่างลูกค้ากับเจ้ามือเพื่อความสะดวกในการเล่นการพนันประเภทนี้หากจำเลยที่1ไม่รับซื้อสลากกินรวบมาตั้งแต่ต้นการเล่นการพนันสลากกินรวบรายนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ฉะนั้นเพียงแต่จำเลยที่1ได้รับซื้อหรือขายสลากกินรวบไปถือได้ว่าจำเลยที่1ได้จัดให้มีการเล่นการพนันตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ.2478มาตรา12แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นนายหน้าสลากกินรวบเข้าข่ายจัดให้มีการพนัน
การที่จำเลยที่ 1 เป็นนายหน้ารับซื้อหรือขายสลากกินรวบให้แก่ลูกค้าเป็นการตัดตอนระหว่างลูกค้ากับเจ้ามือเพื่อความสะดวกในการเล่นการพนันประเภทนี้ หากจำเลยที่ 1 ไม่รับซื้อสลากกินรวบมาตั้งแต่ต้น การเล่นการพนันสลากกินรวบรายนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้นเพียงแต่จำเลยที่ 1 ได้รับซื้อหรือขายสลากกินรวบไป ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดให้มีการเล่นการพนันตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478มาตรา 12 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ทำให้สัญญาสิ้นสุด และจำเลยต้องคืนมัดจำเนื่องจากกรรมสิทธิ์ถูกโอนให้ผู้อื่น
ทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามกำหนดในสัญญา โจทก์จึงไม่อาจอ้างได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ เพราะโจทก์ก็มิได้ชำระหนี้ตอบแทนเช่นกัน แต่การที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บุคคลภายนอกย่อมทำให้การชำระหนี้ คือการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์กลายเป็นพ้นวิสัย เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบ ดังนี้ จำเลยจึงต้องคืนมัดจำแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 378 (3) ทั้งการฟ้องคดีเรียกมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้เท่ากับเป็นการเลิกสัญญาตามมาตรา389 อยู่แล้ว จำเลยต้องคืนมัดจำพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: การไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และผลกระทบต่อการคืนมัดจำเมื่อมีการขายให้ผู้อื่น
เมื่อโจทก์และจำเลยไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกำหนดในสัญญาจะซื้อจะขายโจทก์จึงไม่อาจอ้างได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้เพราะโจทก์ก็มิได้ชำระหนี้ตอบแทน แต่การที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บุคคลภายนอกย่อมทำให้การชำระหนี้คือการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบ จำเลยจึงต้องคืนมัดจำแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(3)ทั้งการฟ้องคดีเรียกมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหายเท่ากับเป็นการเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 389 อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่สมบูรณ์ การโอนกรรมสิทธิ์ให้บุคคลภายนอกทำให้จำเลยต้องคืนมัดจำ
ทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามกำหนดในสัญญาโจทก์จึงไม่อาจอ้างได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้เพราะโจทก์ก็มิได้ชำระหนี้ตอบแทนเช่นกันแต่การที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บุคคลภายนอกย่อมทำให้การชำระหนี้คือการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบดังนี้จำเลยจึงต้องคืนมัดจำแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา378(3)ทั้งการฟ้องคดีเรียกมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้เท่ากับเป็นการเลิกสัญญาตามมาตรา389อยู่แล้วจำเลยต้องคืนมัดจำพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำแนวเขตที่ดินและผลกระทบต่อแสงสว่าง/ลมในที่ดินข้างเคียง ศาลพิจารณาความเดือดร้อนตามสภาพแวดล้อมและแก้ไขได้
แม้จำเลยจะได้ก่อสร้างตึกแถวชิดแนวเขตที่ดินเกินไปแต่ก็มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์และโจทก์เองก็ได้ปลูกบ้านชิดแนวเขตมากเกินไปด้วยโจทก์จึงมีส่วนผิดอยู่ด้วยปรากฏว่าหลังคาตึกแถวจำเลยสูงกว่าหลังคาบ้านโจทก์เพียง1เมตรและยังมีช่องให้แสงสว่างเข้าได้พอสมควรซึ่งลมก็ย่อมจะพัดผ่านบ้านโจทก์ได้บ้างแม้ไม่มากเหมือนดังเดิมทั้งไม่ปรากฏว่าตึกแถวจำเลยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลมหรือแสงสว่างแต่อย่างใดและในสภาวะที่บ้านโจทก์สร้างด้วยไม้ย่อมแก้ไขปรับปรุงได้ไม่ยากซึ่งก็ปรากฏว่าโจทก์ได้แก้ไขหน้าต่างไปแล้วในสภาพที่เป็นชุมชนผู้ที่อยู่อาศัยย่อมจะต้องยอมรับความลำบากอยู่บ้างฉะนั้นเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่ของบ้านโจทก์และจำเลยมาคำนึงประกอบแล้วเห็นว่าโจทก์มิได้เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างรุกล้ำแนวเขตและผลกระทบต่อแสงสว่าง-ลม โจทก์มีส่วนผิดและผลกระทบไม่ร้ายแรง
แม้จำเลยจะได้ก่อสร้างตึกแถวชิดแนวเขตที่ดินเกินไป แต่ก็มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ และโจทก์เองก็ได้ปลูกบ้านชิดแนวเขตมากเกินไปด้วย โจทก์จึงมีส่วนผิดอยู่ด้วย ปรากฏว่าหลังคาตึกแถวจำเลยสูงกว่าหลังคาบ้านโจทก์เพียง 1 เมตรและยังมีช่องให้แสงสว่างเข้าได้พอสมควร ซึ่งลมก็ย่อมจะพัดผ่านบ้านโจทก์ได้บ้างแม้ไม่มากเหมือนดังเดิม ทั้งไม่ปรากฏว่าตึกแถวจำเลยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลมหรือแสงสว่างแต่อย่างใด และในสภาวะที่บ้านโจทก์สร้างด้วยไม้ย่อมแก้ไขปรับปรุงได้ไม่ยาก ซึ่งก็ปรากฏว่าโจทก์ได้แก้ไขหน้าต่างไปแล้ว ในสภาพที่เป็นชุมชนผู้ที่อยู่อาศัยย่อมจะต้องยอมรับความลำบากอยู่บ้าง ฉะนั้นเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่ของบ้านโจทก์และจำเลยมาคำนึงประกอบแล้ว เห็นว่าโจทก์มิได้เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเอกอัครราชทูตต่อความเสียหายจากการยักยอกเงินของลูกน้อง เนื่องจากการละเลยควบคุมดูแล
การที่จำเลยที่2ได้มอบหมายให้จำเลยที่1ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดซึ่งจำเลยที่1มีหน้าที่จัดทำบัญชีแต่มิได้จัดทำไว้ตามระเบียบและจำเลยที่2ก็มิได้ควบคุมดูแลให้จำเลยที่1ปฏิบัติให้ถูกต้องหากจำเลยที่2ควบคุมดูแลจะทราบได้ว่ามีการปลอมเอกสารและจำเลยที่1ยักยอกเงินไปแม้จำเลยที่2จะได้แต่งตั้งให้จ. ควบคุมดูแลอีกชั้นหนึ่งเมื่อจำเลยที่2เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยที่2พ้นความรับผิด ส่วนความเสียหายที่จำเลยที่1ปลอมลายมือชื่อจำเลยที่2ลงในเช็คแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารนั้นความเสียหายของโจทก์ทั้งสองย่อมเกิดขึ้นแล้วส่วนเงินจำนวนดังกล่าวแม้จะมีคนต้องรับผิดหลายคนโจทก์ทั้งสองจะเลือกฟ้องให้บางคนรับผิดก็เป็นสิทธิที่จะทำได้เมื่อจำเลยที่2ประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองก็ไม่ทำให้จำเลยที่2พ้นความรับผิด
of 96