คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพศาล รางชางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 952 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7367/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีโมฆะการสมรส: การสิ้นสุดการสมรสด้วยการตายตัดสิทธิทายาทในการฟ้อง
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้มิได้มีการตั้งเป็นประเด็นแห่งคดีไว้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค2ก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5) บิดาโจทก์ถึงแก่ความตายไปแล้วก่อนโจทก์ฟ้องการสมรสระหว่างบิดาโจทก์กับจำเลยได้ขาดจากกันเพราะเหตุบิดาโจทก์ถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1501แล้วการสมรสนั้นจึงไม่มีผลกระทบกระเทือนหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์ในฐานะทายาทของบิดาคู่สมรสเดิมอันจะก่อให้เกิดสิทธิหรืออำนาจที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นโมฆะทั้งตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวแสดงว่าจำเลยได้กระทำสิ่งใดอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์เช่นสิทธิในครอบครัวสิทธิในมรดกของบิดาโจทก์ผู้ตายหรือสิทธิอื่นใดซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55ถือว่าตามฟ้องไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7227/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยของบุตรจากมารดาคนต่างด้าว: การพิจารณาการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาและผลต่อการได้สัญชาติ
โจทก์เกิดในราชอาณาจักรไทยเมื่อปี2524โดยเป็นบุตรนาย ช.ซึ่งมีสัญชาติไทยกับนาง ล. ซึ่งเป็นคนญวนอพยพกรณีไม่ต้องด้วยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่337ลงวันที่13ธันวาคม2515ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยมีมารดาเป็นคนต่างด้าวโดยไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ต้องด้วยพระราชบัญญัติสัญชาติฯมาตรา7(1)ที่แก้ไขเพิ่มเติมโจทก์จึงมีสัญชาติไทย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7061/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่า จำเลยประพฤติชั่วหรือไม่เพียงพอต่อการพิพากษาให้หย่าได้
โจทก์ทราบดีก่อนสมรสกับจำเลยว่า จำเลยชอบดื่มสุราและไปตกปลาแต่จำเลยดื่มสุราแล้วไม่เคยก่อความเสียหาย ส่วนการไปตกปลาและนอนค้างที่บ่อปลาจำเลยก็มิได้ไปค้างทุกวัน จำเลยอยู่บ้านสัปดาห์ละ2-3 วัน แม้โจทก์ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาแล้ว จำเลยยังไปหาโจทก์และช่วยออกเงินต่อเติมห้องเพื่อใช้หลับนอนและไปเยี่ยมเยียนร่วมหลับนอนกับโจทก์ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมประเวณีกับหญิงอื่นทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควรเพราะเกรงว่าจำเลยจะนำโรคร้ายมาแพร่แก่โจทก์ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยได้รับโรคร้ายจากจำเลยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7061/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุฟ้องหย่า: พฤติกรรมจำเลยไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้หย่าได้ แม้มีพฤติกรรมดื่มสุรา ตกปลา และอ้างว่ามีชู้
โจทก์ทราบดีก่อนสมรสกับจำเลยว่า จำเลยชอบดื่มสุราและไปตกปลา แต่จำเลยดื่มสุราแล้วไม่เคยก่อความเสียหาย ส่วนการไปตกปลาและนอนค้างที่บ่อปลาจำเลยก็มิได้ไปค้างทุกวัน จำเลยอยู่บ้านสัปดาห์ละ 2 - 3 วัน แม้โจทก์ย้ายไปอยู่กับบิดามารดาแล้ว จำเลยยังไปหาโจทก์และช่วยออกเงินต่อเติมห้องเพื่อใช้หลับนอนและไปเยี่ยมเยียนร่วมหลับนอนกับโจทก์ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมประเวณีกับหญิงอื่นทำให้โจทก์เดือดร้อนเกินควรเพราะเกรงว่าจำเลยจะนำโรคร้ายมาแพร่แก่โจทก์ ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์เคยได้รับโรคร้ายจากจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7019/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแก้ไข/เพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง โดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ เมื่อคำฟ้องของพนักงานอัยการไม่มีคำขอให้ริบของกลาง โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6749/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามกรีดยางชั่วคราวเกี่ยวข้องกับการฟ้องละเมิดหรือไม่? ศาลพิจารณาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยเข้ากรีดยางพาราในที่พิพาทด้วย ดังนั้นการขอให้ห้ามจำเลยกรีดยางพาราในที่พิพาทก่อนศาลมีคำพิพากษาจึงเป็นการห้ามมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6749/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอห้ามกระทำละเมิดระหว่างการพิจารณาคดี: การกรีดยางพาราในที่พิพาท
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลย เข้ากรีดยางพาราในที่พิพาทด้วย ดังนั้นการขอให้ห้ามจำเลยกรีด ยางพาราในที่พิพาทก่อนศาลมีคำพิพากษาจึงเป็นการห้ามมิให้จำเลย กระทำซ้ำหรือกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔(๒)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6694/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกขายทรัพย์มรดก: ไม่ต้องใช้บทบัญญัติเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
พ.เป็นผู้จัดการมรดกของส. จึงมีอำนาจขายบ้านพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกเพื่อนำเอาเงินมาแบ่งให้ทายาทได้ มิใช่เป็นเรื่องตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1745ซึ่งต้องนำมาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 ในเรื่องเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6694/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้จัดการมรดกขายทรัพย์มรดก: ไม่เข้าข่ายกรรมสิทธิ์รวม
พ.เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. จึงมีอำนาจขายบ้านพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกเพื่อนำเอาเงินมาแบ่งให้ทายาทได้ มิใช่เป็นเรื่องตกอยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1745 ซึ่งต้องนำมาตรา 1356 ถึงมาตรา 1366 ในเรื่องเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมมาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6666/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนโฉนดที่ดินตามข้อตกลง: โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับได้ แม้จำเลยอ้างเหตุผลต่างๆ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และ อ.มาให้จำเลยยึดถือไว้โดยมีข้อตกลงกันไว้ด้วย ต่อมาโจทก์ขอให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ตามข้อตกลง แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จำเลยก็ให้การยอมรับว่าจำเลยไม่ยอมคืนโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์จริง แม้จำเลยจะให้การอ้างว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินไว้ในฐานะผู้แทนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี และจำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี จำเลยไม่อาจนำโฉนดที่ดินมาคืนให้แก่โจทก์ได้ก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิตามฟ้องของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ได้
of 96