คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพศาล รางชางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 952 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4979/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นฎีกาเกินกำหนด - เหตุผลความไม่ทราบวันนัดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ตามคำร้องจำเลยอ้างว่า จำเลยย้ายออกจากบ้านที่เจ้าพนักงานศาลไปปิดหมาย โดยให้ญาติเป็นผู้ดูแลบ้านดังกล่าว จำเลยจึงไม่ทราบนัดและมิได้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพิ่งทราบการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่จะยื่นฎีกาแล้ว ขออนุญาตยื่นฎีกา โดยให้ศาลกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ในคำร้องจำเลยมิได้โต้แย้งว่า การส่งหมายนัดไม่ชอบแต่ประการใด เท่ากับเป็นการยอมรับว่าการส่งหมายนัดโดยวิธีปิดหมายชอบแล้วการที่จำเลยมิได้อยู่บ้านจึงไม่ทราบวันนัด มาทราบภายหลังเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดยื่นฎีกา จึงขออนุญาตฎีกา ย่อมเห็นได้ชัดว่าจำเลยประสงค์ยื่นฎีกาโดยให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลย เท่ากับเป็นการขอขยายระยะเวลาในการยื่นฎีกา ซึ่งต้องพิจารณาคำร้องขอของจำเลยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 ซึ่งกำหนดให้ศาลมีอำนาจขยายระยะเวลาได้ แต่พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย สำหรับกรณีของจำเลยปรากฏว่าเมื่อมีการส่งหมายนัดโดยชอบแล้วถือว่าจำเลยทราบวันนัด ที่จำเลยอ้างมาว่าไม่ทราบวันนัดเป็นการอ้างในเรื่องส่วนตัวของจำเลยเอง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่ศาลจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยและชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4979/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นฎีกาล่าช้าและการขยายเวลายื่นคำร้อง จำเลยต้องแสดงเหตุสุดวิสัย
ตามคำร้องจำเลยอ้างว่า จำเลยย้ายออกจากบ้านที่เจ้าพนักงานศาลไปปิดหมาย โดยให้ญาติเป็นผู้ดูแลบ้านดังกล่าวจำเลยจึงไม่ทราบนัดและมิได้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่งทราบการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่จะยื่นฎีกาแล้ว ขออนุญาตยื่นฎีกา โดยให้ศาลกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ในคำร้องจำเลยมิได้โต้แย้งว่า การส่งหมายนัดไม่ชอบแต่ประการใด เท่ากับเป็นการยอมรับว่าการส่งหมายนัดโดยวิธีปิดหมายชอบแล้ว การที่จำเลยมิได้อยู่บ้านจึงไม่ทราบวันนัด มาทราบภายหลังเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดยื่นฎีกา จึงขออนุญาตฎีกา ย่อมเห็นได้ชัดว่าจำเลยประสงค์ยื่นฎีกาโดยให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลย เท่ากับเป็นการขอขยายระยะเวลาในการยื่นฎีกา ซึ่งต้องพิจารณาคำร้องขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งกำหนดให้ศาลมีอำนาจขยายระยะเวลาได้ แต่พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย สำหรับกรณีของจำเลยปรากฏว่าเมื่อมีการส่งหมายนัดโดยชอบแล้วถือว่าจำเลยทราบวันนัด ที่จำเลยอ้างมาว่าไม่ทราบวันนัดเป็นการอ้างในเรื่องส่วนตัวของจำเลยเอง มิใช่เหตุสุดวิสัยจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่ศาลจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยและชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ของมีค่าตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 620: เครื่องประดับราคาถูกไม่ใช่ของมีค่า
เครื่องประดับจำพวกตุ้มหู สร้อย แหวน ทำด้วยเงินราคาต่ำสุดคู่ละ 7 บาท สูงสุดคู่ละ 25 บาท เป็นเพียงเครื่องประดับทำด้วยเงินมีราคาต่ำ จึงเป็นของธรรมดาทั่ว ๆ ไป เท่านั้นถึงแม้จะมีจำนวนมากและรวมจำนวนกันแล้วมีราคา52,200 บาท ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าอย่างอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 620 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องประดับราคาถูก ไม่ถือเป็นของมีค่าตามกฎหมาย
เครื่องประดับจำพวกตุ้มหู สร้อย แหวน ทำด้วยเงินราคาต่ำสุดคู่ละ 7 บาท สูงสุดคู่ละ 25 บาท เป็นเพียงเครื่องประดับทำด้วยเงินมีราคาต่ำ จึงเป็นของธรรมดาทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ถึงแม้จะมีจำนวนมากและรวมจำนวนกันแล้วมีราคา52,200 บาท ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นของมีค่าอย่างอื่น ๆตาม ป.พ.พ. มาตรา 620 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวพิพาท: หลักฐานไม่ครบถ้วน ฟ้องบังคับคดีไม่ได้
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้มีกฎหมายกำหนดแบบให้ต้องทาเป็นหนังสือ ทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1มิได้ตกลงให้ทำสัญญาซื้อขายกันเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยที่ 1และโจทก์ได้ตกลงซื้อขายข้าวกันตามที่ได้เสนอเสนอสนองและตกลงกันได้ตามโทรพิมพ์ และสำเนาโทรพิมพ์ เมื่อคำเสนอและคำสนองของโจทก์และจำเลยที่ 1 ในการซื้อขายข้าวถูกต้องตรงกันสัญญาขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ย่อมเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1 หาจำต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวเป็นหนังสือไม่ สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อไว้ในโทรพิมพ์ดังกล่าวแต่อย่างใด สัญญาซื้อขายข้าวจึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดเป็นสำคัญ ทั้งไม่มีการวางประจำ และไม่มีการชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้าวได้ การที่โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ขายโดยโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารต่างประเทศ มายังธนาคารในประเทศไทยนั้นต้องถือว่าธนาคารต่างประเทศเป็นเพียงตัวแทนของผู้ซื้อในต่างประเทศและธนาคารในประเทศไทยเป็นตัวแทนของธนาคารต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง แม้ผู้ซื้อในต่างประเทศจะได้ชำระเงินเพื่อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว ก็เป็นเพียงการชำระเงินให้แก่ตัวแทนของตนเท่านั้น หาอาจจะถือว่าเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายหรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ขายยังไม่ได้ไปรับเงินจากธนาคารตามเลตเอตร์ออฟเครดิตนั้น จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ชำระราคาสินค้าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายข้าวทางโทรพิมพ์: หลักฐาน, การชำระหนี้ และผลบังคับใช้
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้มีกฎหมายกำหนดแบบให้ต้องทำเป็นหนังสือ ทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 มิได้ตกลงให้ทำสัญญาซื้อขายกันเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยที่ 1 และโจทก์ได้ตกลงซื้อขายข้าวกันตามที่ได้เสนอสนองและตกลงกันได้ตามโทรพิมพ์ และสำเนาโทรพิมพ์ เมื่อคำเสนอและคำสนองของโจทก์และจำเลยที่ 1 ในการซื้อขายข้าวถูกต้องตรงกัน สัญญาขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ย่อมเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1หาจำต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวเป็นหนังสือไม่
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อไว้ในโทรพิมพ์ดังกล่าวแต่อย่างใด สัญญาซื้อขายข้าวจึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดเป็นสำคัญ ทั้งไม่มีการวางประจำ และไม่มีการชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยที่ 1โจทก์จึงไม่มีหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้าวได้
การที่โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ขาย โดยโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารต่างประเทศ มายังธนาคารในประเทศไทยนั้นต้องถือว่าธนาคารต่างประเทศเป็นเพียงตัวแทนของผู้ซื้อในต่างประเทศ และธนาคารในประเทศไทยเป็นตัวแทนของธนาคารต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง แม้ผู้ซื้อในต่างประเทศจะได้ชำระเงินเพื่อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว ก็เป็นเพียงการชำระเงินให้แก่ตัวแทนของตนเท่านั้น หาอาจจะถือว่าเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ขายยังไม่ได้ไปรับเงินจากธนาคารตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ชำระราคาสินค้าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, ความประมาทเลินเล่อ, เหตุสุดวิสัย, ความรับผิดทางละเมิด
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถคันเกิดเหตุเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริง ไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ ย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเปลี่ยนไปตามที่โจทก์ขอแก้ไขโดยไม่ต้องทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทใหม่ เหตุที่รถชนกันเกิดขึ้นเพราะยางรถยนต์ระเบิด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้รถอยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้อง, หมายเลขทะเบียนรถ, เหตุสุดวิสัย, ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของ ป.วิ.พ.มาตรา 180
การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข
แม้เหตุที่รถเกิดชนกันเป็นเพราะยางรถยนต์คันที่ น.ขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ น.ผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหมายเลขทะเบียนรถ และการพิสูจน์ความรับผิดจากเหตุละเมิดเนื่องจากความประมาท
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข แม้เหตุที่รถเกิดชนกันเป็นเพราะยางรถยนต์คันที่ น.ขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ น. ผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3609/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมาย แม้ไม่ได้มี พ.ร.ฎ. กำหนด ศาลไม่มีอำนาจริบหากเจ้าของไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิด
ไม้ยางเป็นไม้ที่กำหนดโดย พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7วรรคแรก ให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักร จึงไม่จำต้องมี พ.ร.ฎ.กำหนดให้ไม้ยางเป็นไม้หวงห้ามประเภทใดอีก
จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรเฉพาะไม้ยาง 1 ท่อน ที่อยู่ในครอบครองของจำเลยซึ่งไม้ยางดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจยึดกลับคืนมาได้แล้วและจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลักไม้ยางของผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคาไม้ยางที่ถูกลักไปแต่ยังหาไม่พบ
แม้ไม้ยางที่พบอยู่ในครอบครองของจำเลยเป็นไม้ที่จำเลยได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้ยางอันยังมิได้แปรรูปโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7 ประกอบมาตรา 69แต่ไม้ยางดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดศาลย่อมไม่มีอำนาจริบ ตาม ป.อ. มาตรา 33 ประกอบ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484มาตรา 74 แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์และฎีกาปัญหานี้ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
of 96