พบผลลัพธ์ทั้งหมด 952 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระเงินค่าเช็คหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทำให้คดีเลิกกันได้ แม้ไม่แจ้งให้ผู้รับทราบ
ที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 5 วรรคท้าย บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำผิดตามมาตรา 3 ได้นำเงินตามเช็คไปชำระแก่ผู้ทรงเช็ค หรือแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงินตามเช็คภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้ทรงเช็คได้บอกกล่าวให้ผู้ออกเช็คได้รับทราบว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินให้คดีเป็นอันเลิกกันตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นั้นไม่ปรากฏข้อความบังคับว่าผู้ออกเช็คหรือจำเลยจะต้องแจ้งให้ผู้ทรงเช็คหรือโจทก์ทราบ หรือขอให้ธนาคารแจ้งให้ผู้ทรงเช็คทราบแทนผู้ออกเช็คหรือต้องแจ้งให้ธนาคารทราบว่า เงินที่ผู้ออกเช็คนำเข้าบัญชีนั้นเป็นการนำเข้าเพื่อจ่ายตามเช็คนั้นโดยเฉพาะเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1นำเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นจำนวนเงินเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คนั้นโดยมีพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเป็นเงินที่ผู้ออกเช็คนำไปชำระแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องแล้ว คดีย่อมเป็นอันเลิกกันตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์ ความผิดฐานปล้นทรัพย์ต้องมีเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ร่วมกัน การกระทำของแต่ละคนอาจเข้าข่ายความผิดต่างกัน
ผู้เสียหายทั้งสองเป็นนักศึกษาวิทยาลัย ท. นั่งรถยนต์โดยสารประจำทางมาด้วยกันที่ใกล้บันไดรถ ขณะรถติดสัญญาณจราจรไฟสีแดงจำเลยที่ 3 วิ่งเข้ามาถามผู้เสียหายทั้งสองว่าเป็นนักศึกษาวิทยาลัยท.หรือไม่ขณะเดียวกันจำเลยที่2วิ่งขึ้นไปบนรถใช้มีดสะปาต้าฟันแขนซ้ายของผู้เสียหายที่ 1 บาดเจ็บ และใช้มีดดังกล่าวจี้เอาเสื้อฝึกงาน 1 ตัว นาฬิกาข้อมือ 1 เรือนไป ส่วนพวกของจำเลยทั้งสามขึ้นไปล้วงกระเป๋าใส่เงิน 1 ใบ พร้อมเงินสด 10 บาทไปและจำเลยที่ 1 ขึ้นไปกระชากสร้อยคอทองคำ 1 เส้นจากคอผู้เสียหายที่ 2แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 กระทำต่อผู้เสียหายคราวเดียวกัน แต่ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ที่ 3 กับพวกไม่ได้สมรู้ร่วมคิดอันมีลักษณะประสงค์ต่อทรัพย์ผู้เสียหายเพียงแต่พวกของจำเลยทั้งสามคนหนึ่งชวนให้ไปตีกับพวกนักศึกษาวิทยาลัย ท. ลักษณะที่จำเลยที่ 3แยกไปสอบถามผู้เสียหายทั้งสองน่าจะเป็นความคึกคะนองและพาล หาเรื่องหาใช่เป็นการแบ่งหน้าที่กันกระทำเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้เสียหายจำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอทองคำผู้เสียหายที่ 2 เป็นลักษณะที่ถือโอกาสเป็นส่วนตัวลำพังผู้เดียว เจตนากระทำความผิดดังกล่าวการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา 336 วรรคแรก พวกของจำเลยทั้งสามถือโอกาสขณะนั้นเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 1 ไปโดยพลการ จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินแทนทายาทและการไม่มีอำนาจฟ้องคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องแต่ได้ความว่าโจทก์เป็นภริยาของ ต. จำเลยยกที่พิพาทให้ ต.ไม่ได้ยกให้โจทก์ด้วยหลังจากต. ตายโจทก์ครอบครองที่พิพาทตลอดมา โดยไม่ปรากฏว่า โจทก์ได้ครอบครอง อย่างเจ้าของโดยเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ ถือว่าโจทก์ครอบครอง แทนทายาทของ ต. โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองที่พิพาทและไม่มี อำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจรเฉพาะบางส่วน และผลของการตกลงค่าเสียหาย ทำให้ไม่ต้องคืนทรัพย์
++ ทดสอบการทำงานในเครื่องด้วยระบบ CW ++
++ เรื่อง ลักทรัพย์ รับของโจร ++
++ จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพหน้าของกลาง ส่วนวงล้อหน้าของกลางข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้เสียหาย การที่จำเลยไม่ต้องการให้ถอดเอาโช้กอัพหน้าและวงล้อหน้าไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพ กับวงล้อดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ อีก จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลย ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่องานห้องสมุด
++ เรื่อง ลักทรัพย์ รับของโจร ++
++ จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพหน้าของกลาง ส่วนวงล้อหน้าของกลางข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้เสียหาย การที่จำเลยไม่ต้องการให้ถอดเอาโช้กอัพหน้าและวงล้อหน้าไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพ กับวงล้อดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ อีก จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลย ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่องานห้องสมุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพ แต่ตกลงช่วยเหลือค่าเสียหาย ทำให้ไม่ต้องคืนทรัพย์
จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรเฉพาะโช้กอัพหน้าของกลางส่วนวงล้อหน้าของกลางข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้เสียหายการที่จำเลยไม่ต้องการให้ถอดเอาโช้กอัพหน้าและวงล้อหน้าไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพ กับวงล้อดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ผู้เสียหายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว และรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ อีกจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจรและการตกลงชดใช้ค่าเสียหาย ทำให้ไม่ต้องคืนทรัพย์
จำเลยไม่ต้องการให้ถอนเอาโช้กอัพ หน้าที่จำเลยรับของโจรไว้ไปจากรถจักรยานยนต์ของจำเลย จำเลยได้ตกลงช่วยเหลือค่าโช้กอัพให้แก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้รับเงินไปแล้วโดยรับว่าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ อีก จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหายตามคำขอของพนักงานอัยการโจทก์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีเช่า: การโต้แย้งข้อเท็จจริงแตกต่างจากศาลชั้นต้นต้องห้ามตามมาตรา 224
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายของข้อความในสัญญาเช่าต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่ากรณีที่จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ก็เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยและทำการค้าของจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จำเลยอุทธรณ์ว่าที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาท ก็เพื่อให้ตึกแถวพิพาทซึ่งมีลักษณะชำรุดทรุดโทรมมากให้มีลักษณะกลับคืนดีขึ้นใหม่ จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการก่อสร้างต่อเติมตึกแถวพิพาทว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา โดยอ้างข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีขับไล่ผู้เช่า: การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงและประเด็นที่มิได้ยกขึ้นสู่ศาล
จำเลยอุทธรณ์ว่าที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยก่อสร้างต่อเติม ตึกแถวพิพาทเพื่อให้ตึกแถวพิพาทซึ่งมีลักษณะชำรุดทรุดโทรมมากให้ มีลักษณะกลับคืนดีขึ้นใหม่ จึงเป็นสัญญา ต่างตอบแทนชนิดพิเศษ ยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดานั้น เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับการก่อสร้าง ต่อเติมตึกแถวพิพาทว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษยิ่งกว่า สัญญาเช่าธรรมดา โดยอ้างข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากที่ศาลชั้นต้น รับฟังมาว่าการกระทำของจำเลยก็เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยและ ทำการค้าของจำเลยเอง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การโดยยกข้อโต้เถียงในเรื่อง แปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าไว้ด้วย จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลสูงสมควรวินิจฉัยนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การ ดังกล่าวไว้ จึงเป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วใน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานประกอบคำให้การผู้เสียหายที่ไม่มาเบิกความในชั้นศาล คดีข่มขืนกระทำชำเรา
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงานสอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความได้ แม้ผู้เสียหายไม่เบิกความในศาล
คำให้การของผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนแต่ไม่ได้มาเบิกความในชั้นศาล ศาลรับฟังประกอบคำผู้จับกุมพนักงาน-สอบสวนและเจ้าของบ้านที่อยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุซึ่งผู้เสียหายวิ่งหนีเข้าไป และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังกับคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยลงโทษจำเลยได้