คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 264

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 438 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมหลายฉบับในคราวเดียวกัน ต้องลงโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5048/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้โฉนดที่ดินปลอมหลอกลวงเพื่อกู้ยืมเงิน ถือเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท
จำเลยทั้งสองกับพวกนำโฉนด ที่ดินซึ่งทำปลอมขึ้นไปใช้แสดงหลอกลวงผู้เสียหายจนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน300,000 บาท และรับเอาโฉนด ที่ดินปลอมดังกล่าวไว้เป็นประกัน ดังนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมประกอบในการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย เมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกระทำการดังกล่าวในวาระเดียวกัน จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4824/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารและการเบิกความเท็จในคดีแพ่ง ศาลฎีกาชี้เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงชื่อมอบให้จำเลยซื้อที่ดินของ ด. แทนโดยฝ่าฝืนคำสั่งของโจทก์และลงวันที่ย้อนหลัง แล้วนำไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานและนำสืบในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่าง จำเลยกับ ว. เพื่อให้ศาลหลงเชื่อว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยจัดการเกี่ยวกับที่ดินแปลงอื่นมิใช่มอบให้จัดการซื้อที่ดินของ ด. ดังนี้ เป็นการปลอมหนังสือมอบอำนาจขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานต่อศาลในคดีแพ่ง โดยเจตนาให้ศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง หากจำเลยจะมีความผิดเนื่องจากการกระทำดังกล่าวของจำเลย จำเลยก็จะมีความผิดเฉพาะฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 อันเป็นเจตนาที่แท้จริงของจำเลยเท่านั้น จำเลยหามีความผิดตามมาตรา 264 และ 268 ไม่เพราะไม่ปรากฏว่าข้อความที่จำเลยปลอมขึ้นในหนังสือมอบอำนาจได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แต่ประการใด
ประเด็นสำคัญในคดีแพ่งมีว่า โจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยไปวางมัดจำและชำระราคาที่ดินบางส่วนในการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินของ ด. แทนโจทก์แต่จำเลยรับโอนที่ดินนั้นใส่ชื่อตนเองจริงหรือไม่ ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ จำเลยจะไม่ส่งอ้างหนังสือมอบอำนาจนี้ก็ได้ เพราะเป็นการมอบอำนาจให้จัดการเกี่ยวกับที่ดินต่างแปลงกัน การที่จำเลยนำสืบถึงเอกสารหนังสือมอบอำนาจนี้จึงไม่เป็นการนำสืบพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คให้จำเลยนำไปว่างมัดจำและชำระค่าที่ดินของ ด. มิใช่จ่ายเช็คชำระหนี้ให้จำเลยการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คดังกล่าวชำระหนี้ให้จำเลย จึงเป็นการเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่ง อันเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีจำเลยจึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4547/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนความผิดอาญา: ตัวการไม่มีความผิด ผู้สนับสนุนจึงไม่มีความผิด, ศาลไม่วินิจฉัยข้อหาที่โจทก์ไม่เคยอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 เป็นนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัด จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยเสมียนยานพาหนะจังหวัดเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการไม่ได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 จึงไม่อาจจะมีผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนความผิดดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 147, 157, 161, 162, 264, 265 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 83, 147, 161 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 147, 161 ประกอบด้วยมาตรา 86 ข้อหาความผิดอื่นให้ยก เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสองในข้อหาตามมาตรา 157, 264 และ 265 แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ฝ่ายเดียว และศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรา 147 และ 161 จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามมาตรา 161 ก็จะยกข้อหาตามมาตรา 157, 264 และ 265 ซึ่งยุติไปแล้วขึ้นวินิจฉัยอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4547/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสนับสนุนการกระทำความผิดอาญา: ตัวการไม่มีความผิด ผู้สนับสนุนจึงไม่มีความผิด
จำเลยที่ 1 เป็นนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัด จำเลยที่ 2เป็นผู้ช่วยเสมียนยานพาหนะจังหวัดเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการไม่ได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 จึงไม่อาจจะมีผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดได้ จำเลยที่ 2จึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนความผิดดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,91,147,157,161,162,264,265 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 83,147,161 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 147,161ประกอบด้วยมาตรา 86 ข้อหาความผิดอื่นให้ยก เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสองในข้อหาตามมาตรา157,264 และ 265 แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ฝ่ายเดียว และศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรา 147 และ 161 จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามมาตรา 161ก็จะยกข้อหาตามมาตรา 157,264 และ 265 ซึ่งยุติไปแล้วขึ้นวินิจฉัยอีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดฐานใช้เอกสารปลอม - การใช้เอกสารปลอมหลายฉบับโดยเจตนาเดียวกันถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมและสำเนาภาพถ่ายเอกสารใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ปลอมไปใช้และแสดงต่อเจ้าพนักงานในเวลาเดียวกัน โดยมีเจตนาอย่างเดียวกันคือเพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์ที่จำเลยขับได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องเพื่อจำเลยจะได้ใช้รถยนต์โดยชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวจากการใช้เอกสารปลอมหลายฉบับเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงาน
จำเลยนำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมและสำเนาภาพถ่ายเอกสารใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ปลอม ไปใช้และแสดงต่อเจ้าพนักงานในเวลาเดียวกัน โดยมีเจตนาอย่างเดียวกันคือเพื่อให้เจ้าพนักงานเห็นว่ารถยนต์ที่จำเลยขับได้จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้อง เพื่อจำเลยจะได้ใช้รถยนต์โดยชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเวลาลงเวลาทำงาน ไม่ถึงขั้นทำให้เกิดความเสียหายทางวินัย จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
โจทก์จำเลยต่างรับราชการครูโรงเรียนเดียวกัน วันเกิดเหตุโจทก์ไปถึงโรงเรียนก่อนจำเลยและลงเวลามาทำงานว่า 8.00 นาฬิกา จำเลยลบเวลาที่โจทก์เขียนไว้ออกแล้วเขียนทับลงไปว่า 7.46 นาฬิกาเป็นการแก้ว่าโจทก์มาทำงานเร็วกว่าเดิม และเวลาที่โจทก์เขียนไว้เดิมกับเวลาที่จำเลยเขียนแก้ต่างยังไม่ถึงเวลาปฏิบัติราชการ การเขียนแก้จึงไม่อาจเป็นการโกงเวลาราชการไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ และการแก้ไขเวลาดังกล่าวก็มิใช่การกระทำของโจทก์ โจทก์ไม่อาจถูกลงโทษทางวินัยได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเวลาลงงานของผู้อื่นไม่เป็นความเสียหายทางอาญาหากไม่ส่งผลให้ถูกลงโทษทางวินัย
โจทก์จำเลยต่างรับราชการครูโรงเรียนเดียวกัน วันเกิดเหตุโจทก์ไปถึงโรงเรียนก่อนจำเลยและลงเวลามาทำงานว่า 8.00 นาฬิกา จำเลยลบเวลาที่โจทก์เขียนไว้ออกแล้วเขียนทับลงไปว่า 7.46 นาฬิกา เป็นการแก้ว่าโจทก์มาทำงานเร็วกว่าเดิม และเวลาที่โจทก์เขียนไว้เดิมกับเวลาที่จำเลยเขียนแก้ต่างยังไม่ถึงเวลาปฏิบัติราชการ การเขียนแก้จึงไม่อาจเป็นการโกงเวลาราชการไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ และการแก้ไขเวลาดังกล่าวก็มิใช่การกระทำของโจทก์ โจทก์ไม่อาจถูกลงโทษทางวินัยได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 264, 265

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อแชชซีรถยนต์ที่ไม่เข้าข่ายปลอมเอกสาร แม้จะมีการเปลี่ยนแชชซี แต่ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวอักษรหรือตัวเลข
การที่จำเลยตัดเลขหมายประจำแชชซีรถยนต์คันสีแดงออกแล้วตัดเอาหมายเลขประจำแชชซีของรถยนต์คันสีฟ้ามาเชื่อมต่อไว้แทน เมื่อหมายเลขประจำแชชซีรถยนต์คันสีฟ้าเป็นหมายเลขประจำรถยนต์ที่แท้จริง แม้จะนำมาติดกับรถยนต์คันอื่นแต่ไม่มีการขูดลบแก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวอักษร หรือตัวเลขหมายแต่อย่างใดจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารเพราะความผิดฐานปลอมเอกสารนั้นจะต้องมีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับหรือแต่บางส่วน หรือกระทำให้ข้อความหรือความหมายในเอกสารที่แท้จริงเปลี่ยนแปลงไป.
of 44